วันอาทิตย์, 24 พฤศจิกายน 2567

เตรียมตัวก่อนไปญี่ปุ่น : แฟนพาเที่ยว

** เตรียมตัวก่อนไปญี่ปุ่น **

img_4546-edit

วันนี้มาเน้นกันที่สาระล้วนๆ  (จริงหรา ??)

ก่อนที่เราจะมาดูรีวิวเต็มๆ ของทริปตะลุยญีปุ่นที่ผ่านมาของแฟนพาเที่ยว 

เรามารู้ข้อมูลเบื้องต้นกันก่อนดีกว่า ว่าการไปญี่ปุ่นเราต้องรู้อะไรบ้าง ต้องเตียมตัวยังไง 

วางแผนยังไงบ้าง  และอะไรบ้างที่ห้ามลืม  

นุ้ยจะมาเรียงลำดับให้เป็นข้อๆ เนอะ 

 

แต่สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่าน  ดูคลิปโลด (สาระมีบ้างหรือเปล่า ต้องดูเอง ) 

[embedyt] http://www.youtube.com/watch?v=ztfhdEAA7UU[/embedyt]

 

 

1. ไปช่วงไหนดีน๊า  (ฤดูกาลของญีปุ่น)

ญีปุ่นจะมีทั้งหมด 4 ฤดู  ได้แต่ ฤดูใบไม้ผลิ / ฤดูร้อน / ฤดูใบไม้ร่วง / ฤดูหนาว

ซึ่งในแต่ละฤดู จะมีเสน่ห์ และสภาพอากาศที่ต่างกันออกไป   อย่างเช่น 

 

ฤดูใบไม้ผลิ  จะเป็นช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม   ซากุระ เป็นเจ้าหญิงของฤดูกาลนี้เลย  ซึ่งเดือนเมษายน พฤษภาคม เป็นช่วงที่อากาศดีที่สุดของปี 

ฤดูร้อน จะเป็นช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม เป็นฤดูกาลแห่งสีสันของต้นไม้ใบหญ้า และดอกไม้ที่บานสะพรั่ง  ไม่ว่าจะเป็นทุ่งมอส ดอกลาเวนเดอร์ ทิวลิป 

ฤดูใบไม้ร่วง  จะเป็นช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน เป็นฤดูกาลที่มหัศจรรย์มากๆ สำหรับนุ้ย ใบไม้ที่เคยเขียว เปลี่ยนสีหลากหลาย ทั้งเหลืองแดงส้ม และยังมีสภาพอากาศที่หนาวเย็น 

ฤดูหนาว จะเป็นช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ความหนาวเริ่มเข้ามาเยือนมาเยือนแบบจริงจัง เสน่ห์ของหิมะ มาพร้อมกับแสงไฟที่ประดับตอนรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 

 

 

2.  จองตั๋วที่ไหนดี บินกับอะไร ถึงจะคุ้ม    

เมื่อเรารู้ช่วงเวลา และฤดูกาลที่เราอยากจะไปแล้ว  หากเราค่อนข้างมั่นใจว่า ช่วงเวลานั่นเป็นช่วงเวลาที่เราได้ไปชัวร์

นั่งเฝ้านั่งรอตั๋วโปรกันได้เลย มันจะทำให้เราประหยัดไปได้เยอะ

แต่สำหรับนุ้ย นุ้ยหยุดจองตั๋วโปรแบบข้ามปีมาพักใหญ่ เพราะบ่อยครั้งมากที่ต้องทิ้งตั๋วบ่อยมาก

แต่นุ้ยมีตัวช่วยคะ โดยการจองผ่านแอพของ  Jetradar  เพราะแม้จองแบบใกล้ๆ กระชั้นชิด ก็มีตั๋วราคาถูกออกมาให้จับจอง

หน้าตาของแอพ Jetradar ก็ประมาณนี้  ใช้งานง่ายมาก มีฟั่งชั่น ให้เราเลือกตั๋วได้แบบถูกใจมาก

15311475_1370637729636755_1560932754_o

15293356_1370638059636722_1016058619_o

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หรือถือใครไม่ถนัดแบบแอพพลิเคชั่น ก็ลองดูผ่านเว็บไซต์ก็ได้นะคะ

 

j1

 

หลายคนสงสัยว่า Jetradar คืออะไร ไม่เคยรู้จักมาก่อน

Jetradar คือแอพฯ หรือเว็บที่ช่วยให้เราจองตั๋วเครื่องบินได้ง่ายขึ้น โดยรวบรวมราคาของทุกสายการบิน

และทุกเอเจซี่ มาไว้ที่เดียวกัน เพื่อให้เราเปรียบเทียบราคาที่ดีที่สุด

โดยที่ไม่ต้องเข้าไปเช็คทุกเว็บของสายการบิน และเอเจนซี่หลายๆ เจ้า

เพราะรวมไว้ที่นี้ที่เดียวแล้ว

สามารถดาวน์โหลด แอพพลิเคชั่นกันได้ผ่าน ลิงค์นี้เลยคะ

iOS App  https://goo.gl/KSkgVP

Android App  https://goo.gl/am2Giy

เว็บไซต์   https://goo.gl/Rwat3h

แล้ววิธีการเลือก สายการบินเลือกยังไง เพราะมีทั้งแบบบินตรง และพักเครื่อง

เหตุผลต้นๆ เลยสำหรับนุ้ยคือเรื่องราคา เพราะเราไม่ได้แบบมีเงินเหลือเฟือมากมายนัก

ขอเก็บเงินไว้กิน ไว้จ่ายค่าที่พักดีกว่า

นุ้ยจึงเลือกบินแบบพักเครื่อง  เพราะราคาถูกกว่าบินตรง ไปกลับ หลายพันเลยทีเดียว

โดยนุ้ยบิน 2 คน ประหยัดไปได้เยอะมาก  และการได้สายการบินที่ Full Service แต่ราคาประหยัดจะเริ่ดมาก

เพราะทำให้เราสบายขึ้น มีอาหารทาน ที่นั่งกว้างกว่า บริการดีกว่า   นุ้ยจึงเลือกบินกับ ฮ่องกงแอร์ไลน์

แต่ถ้าหากใคร มีเวลาน้อย  วันลามีไม่เยอะ ก็อาจจะต้องยอมจ่ายเพิ่มขึ้นอีกนิด เพื่อบินตรง  ถึงปลายทางได้เร็วขึ้น

.

3. รถไฟต่างๆ เราจะนั่งถูกมั๊ยหนอ ?  

บอกเลยว่าตอนแรกของการวางแผนเที่ยว นุ้ยเครียดกับเรื่องนี้มากๆ เพราะดูรูปสายรถไฟแล้ว แทบช็อค

ทำไมมันเยอะแยะมากมายขนาดนั้น   แล้วยังจะมีพาส อะไรก็ไม่รู้มากมายเต็มไปหมด

นุ้ยก็เลยมานั่งมองให้แคบลงด้วยการไม่มองทั่วทั้งประเทศ เลือกเอาแค่โซนที่เราจะเที่ยว

ทริปนี้นุ้ยเที่ยวเฉพาะโตเกียว และเมืองรอบๆ แค่ไม่กี่เมือง

แล้วก็แพลนดูว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง  นุ้ยขอสรุปแบบคร่าวๆ และเข้าใจง่ายๆ ตามแบบของนุ้ยนะคะ

บริษัทที่หลัก ๆ ที่ได้ยินเชื่อบ่อยๆ คือ JR ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้ใหญ่ที่สุด ในการให้บริการ

และตามด้วย Tokyo Metro   ซึ่งถ้าหากเราไปเที่ยวโตเกียว แน่นอนว่า 2 บริษัทนี้เราต้องได้ใช้งานแน่ๆ

สำหรับคนที่จะไปเมืองรอบ ๆ โตเกียวแนะนำให้ลองดูพาสของ JR TOKYO Wide Pass

เป็นพาสที่ใช้สำหรับเดินทางท่องเที่ยวรอบๆโตเกียวแบบไม่จำกัดการเดินทางด้วยรถไฟแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็น

ชินคันเซ็น รถด่วนพิเศษ หรือรถไฟธรรมดาก็ตาม แล้วยังสามารถใช้ขึ้นรถไฟเอกชนในบางสายได้อีกด้วย

ที่สำคัญคือคุ้มค่าคุ้มราคา

ผู้ใหญ่: 10,000 เยน (อายุ 12 ปีขึ้นไป)
เด็ก: 5,000 เยน (อายุ 6 – 11 ปี)
– ใช้งานได้ 3 วันต่อเนื่องนับตั้งแต่วันแรกที่ใช้

เส้นทางและสายรถไฟที่สามารถใช้ JR TOKYO Wide Pass ได้

    • JR East Lines ตลอดสาย
    • Tokyo Monorail ตลอดสาย
    • Izu Kyuko Line ตลอดสาย
    • Fujikyu Railway ตลอดสาย
    • Joshin Dentetsu Line ตลอดสาย
    • Saitama New Urban Transit Line (New Shuttle) – between Omiya and the Railway Museum• JR East lines and Tobu Railway lines: the Nikko, the SPACIA Nikko, the Kinugawa, and the SPACIA Kinugawa พื้นที่ที่ขยายเพิ่มเติม เมื่อเทียบกับ JR Kanto Area Pass:
    • Joetsu Shinkansen ใช้เดินทางไป GALA-Yuzawa ได้ (หมายเหตุ สำหรับการเดินทางระหว่างสถานี Echigo Yuzawa และสถานี GALA Yuzawa นั้น ใช้บัตรนี้ได้เฉพาะระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม 2015 ถึง 8 พฤษภาคม 2016 เท่านั้น)
    • Tokyo Waterfront Area Rapid Transit Rinkai Line (ไปโอไดบะได้)

news-jr-tokyo-wide-pass-02

ตัวอย่างสถานที่เที่ยวในภูมิภาคคันโตที่สามารถเดินทางไปเที่ยวชมโดยใช้บัตร “JR TOKYO Wide Pass” ได้ เช่น

  • บ้านเมืองอันทันสมัยในกรุงโตเกียว
  • ภูเขาไฟฟูจิ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและมีธรรมชาติที่สวยงาม
  • Kamakura (คามะคุระ) วัดพระใหญ่ (ปิดบรูณะอง์พระใหญ่ระหว่างวันที่ 13 มกราคม – 10 มีนาคม 2016 หลังจากนั้นเปิดปกติ)
  • พักผ่อนเมืองตากอากาศที่ Karuizawa (คะรุอิซาวะ) พร้อมแหล่งช็อปปิ้งเป็นเอาท์เลทขนาดใหญ่
  • Yokohama (โยโกฮามะ) เป็นเมืองท่าเรือและทันสมัยห่างจากโตเกียวเพียง 30 นาที
  • Chiba (ชิบะ) ที่ตั้งของดิสนีย์รีสอร์ทและนาริตะ
  • Nikko (นิกโก้) วัดที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพร้อมน้ำตกและทะเลสาบ
  • Nagano (นากาโนะ) จังหวัดที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามและอนเซ็นติดอันดับได้แก่ Kusatsu Onsen (คุซัทสึ อนเซ็น) เป็นอนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น
  • และอื่นๆอีกมากมายตามรายชื่อสถานทีที่ครอบคลุมในแผนที่ข้างต้น

สถานที่จำหน่าย

  • Narita Airport Terminal 1
  • Narita Airport Terminal 2-3
  • Haneda Airport International Terminal
  • สถานี JR ต่อไปนี้ Tokyo, Shinagawa, Ueno, Shinjuku, Shibuya, Ikebukuro, Yokohama, MIto

 

และ Pass  อีก Pass หนึ่งที่นุ้ยอยากแนะนำมาก เพราะคุ้มเว่อร์วัง คือ Tokyo Subway  

เหมาะมากสำหรับการใช้เดินทางใน โตเกียว และเป็นพาสที่ประหยัดสุดๆ  และครอบคลุมพื้นที่ท่องท่องเกือบทุกจุด

โดยมีให้เลือก 3 แบบคือ 24 ชั่วโมง / 48 ชั่วโมง  และ 72 ชั่วโมง

ราคาตามนี้

Tokyo Subway 1-Day Ticket – Adult: 800 yen, Child: 400 yen
Tokyo Subway 2-Day Ticket – Adult: 1,200 yen, Child: 600 yen
Tokyo Subway 3-Day Ticket – Adult: 1,500 yen, Child: 750 yen

นี่คือแผนที่ของ Tokyo Subway ซึ่งเราสามารถใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว  ของ 2 บริษัทคือโตเกียวเมโทรและรถไฟ Toei

ภายในระยะเวลาที่กำหนดของพาสนั่นๆ โดยนับตามจำนวนชั่วโมง

untitled-1

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.tokyometro.jp/th/ticket/value/travel/index.html

 

แต่เพื่อความสะดวก ไม่ต้องไปมองหาว่าต้องไปซื้อที่ไหนยังไง นุ้ยขอแนะนำเราสามารถจองผ่านเว็บไปเลย

เพราะจะทำให้เราสะดวกขึ้นมาก และครั้งนี้นุ้ยจองผ่าน   https://www.kkday.com/en

หน้าตาเว็บจะประมาณนี้  มีทั้ง Pass ต่างๆ ทั้งรสบัส และตั๋วเข้าสถานที่ยอดฮิต

ไม่ว่าจะเป็น ดิสนีย์แลนด์ โตเกียวทาวเวอร์ ก็มีครบ

 

ไปดูหน้าตาเว็บกันว่าเป็นยังไง  นอกจากญี่ปุ่นแล้วยังมี อีกหลายประเทศเลยนะ 

ดูข้อมูลพาสต่างๆ https://www.kkday.com/

15153065_1359319354101926_1306617797_o-1

 

สมัครสมาชิกกันง่ายๆ ผ่าน Facebook ก็ได้นะตัวเธอ

15152983_1359319367435258_277706881_o-1

 

อย่างที่บอกกันว่ามีทั้ง ตั๋วรถต่างๆ รถไฟ รถบัส พาสต่างๆ รวมถึงตั๋วเข้าสถานที่ฮิตๆ 

การชำระเงินได้ทั้งบัตรเครดิตและ Paypal ลองดูนะ มันสะดวกขึ้นเยอะ 

15133978_1359320414101820_64118592_o-1 15152331_1359324027434792_1837597120_o

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

4. แล้วพักที่ไหนดีหล่ะ เลือกยังไง 

ต้องบอกว่าที่พักที่ญีปุ่นราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว นุ้ยขอแบ่งออกเป็น 3  แบบ คือ โฮลเทล โรงแรม และอพาร์ทเม้นต์

เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับทุนทรัพย์ในกระเป๋าของแต่ละคนเลย 

สำหรับนุ้ยคงได้หรูสุดคือโฮลเทล  และเป็นโฮลเทลที่ห้องสำหรับ 2 คน  ถึงแม้จะห้องน้ำรวม แต่ก็สะดวกขึ้นมากหน่อย 

และสิ่งที่นุ้ยใช้กำหนดเวลาเลือกที่พักคือ 

 

 – ใกล้สถานีรถไฟ (ใกล้ในทีนี้ ไม่ได้หมายความว่าติดกับสถานีรถไฟเลยนะ แต่ขอแบบเดินไม่ไกลนัก  ประมาร 5-10 นาที  คือรับได้) 

 – หาของกินง่าย ใกล้มินิมาร์ 

 – ราคาต้องไม่เกิน 2 พัน 

 – เช็คคอมเม้นต์จากลูกค้าเดิมว่าเป็นยังไง คะแนนจากการรีวิวเยอะมั๊ย  อย่าดูแค่รูปอย่างเดียวนะ บางทีรูปสวยแต่ได้แค่ 5/10 นี่คือไม่ไหว 

 

 

5. สัญญาณอินเตอร์เน็ต และ Wifi

นุ้ยแทบจะไม่ได้หาข้อมูลของอินเตอร์เน็ตที่โน่นเลย อันที่จริง ก็ลองมองหาดูแล้วแหละ แต่ดูมันยุ่งยาก

ก็เลยเหลือแค่ 2 ตัวเลือก คือเปิดโรมมิ่ง และเช่า Pocket-Wifi  สิ่งที่เป็นตัวกำหนดในทรินี้คือราคา

เพราะเท่าที่หาดู สำหรับโรมมิ่ง ที่จะเปิดไปญีปุ่่น ราคา ต่ำสุดอยู่ 300 บาทต่อวัน

ในขณะที่ Pocket-Wifi อยู่ที่วันละ 200 บาท เลยตัดสินใจเลือกเลือก Pocket-Wifi  

นุ้ยใช้ ของ ซามูไร  แต่มีความรู้สึก เมื่อเปรียบเทียบ กับตอนไปไต้หวันที่เปิดโรมมิ่ง รู้สึกว่าโรมมิ่งโอเคกว่า

ค่อนข้างที่จะสเถียรกว่า เพราะ Pocket-Wifi หลุดบ่อยมาก ทั้งทีใช้ต่อแค่เครื่องเดียวเท่านั้น  

แต่เครื่องที่นุ้ยไปคือเครื่องรุ่นเก่า รู้สึกว่าตอนนี้จะมีเครื่องรุ่นใหม่ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าจะดี หรือเปล่า 

 

 

 

6. สิ่งสำคัญที่ควรรู้ และห้ามลืม

  • ค่าเงินญี่ปุ่่น   โดยประมาณ    1 บาท = 3.2  เยน      หรือ    1 เยน = 0.32 บาท  (งงกันไปใหญ่ ถ้าคิดง่ายๆ ก็ 100 เยน เท่ากับ 32 บาทไทย) 

img_4347

 

  • กระแสไฟฟ้าที่ญีปุ่น ใช้กระแสไฟฟ้า 110 V  น้อยกว่าบ้านเราครึ่งหนึ่ง  วิธีการดูง่ายๆ ว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าตัวไหนจากบ้านเรานำไปใช้ได้บ้าง  ให้สังเกตุตามรูปเลยค่ะ ถ้าระบุว่า 100 -240 V  นั่นคือ นำไปใช้ได้  แต่ถ้าระบุ 200-240 คือใช้ไม่ได้นะคะ

 

  • ปลั๊กไฟที่ญี่ปุ่่น ใช้ขาคู่แบบแบนเท่านั้น  ซึ่งคล้ายกับบ้านเรา แต่ะบ้านเราจะมีปลั๊กไฟแบบกลมด้วย เพราะฉะนั่น อย่างลืมปลั๊กพ่วงนะค่ะ   และ Universal Plug Travel Adapter
    เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก  ไหนจะชาร์ตแบตมือถือ แบตกล้อง เยอะแยะ 

img_4210

img_4211

 

  • ยาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยาสามัญ พาราเซตามอล ยาภูมิ แก้หวัด แก้ไอ  และน้ำมันที่ใช้ทาแก้ปวดเมื่อย อ๋อ ยาธาตุ ยาลดกรดก็จำเป็นนะ เพราะญีปุ่นอาหารอร่อย อาจจะกินเยอะจนเกิดกรดได้นะ 

img_4215-edit

 

  • ควรปริ้นเอกสาร เที่ยวบิน ที่พัก และตั๋วต่างๆ ติดกระเป๋าไว้ 

 

  • แม้แอพพลิเคชั่นจะมีผลเยอะกับการเดินทาง แต่แผนที่สำคัญมาก โดยเฉพาะแผนที่รถไฟ ต้องพกนะ จะทำให้เราวางแผนง่ายขึ้น 

 

  • ขึ้นบันไดเลื่อนให้ยืนชิดซ้าย  หากรีบให้เดินทางขวาได้เลย

 

  • ไม่ควรส่งเงินสดให้กับมือพนักงาน  ถือว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมนะจ๊ะ 

 

  • ไม่จำเป็นต้องให้ทิป เพราะส่วนใหญ่ บวกเซอร์วิสชาร์จ อยู่แล้ว 

 

  • งดพูดโทรศัพท์ขณะโดยสาร รถไฟ รถบัส หรือขนส่งสาธารณะ

 

  • เวลาของญี่ปุ่น เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นอย่าลืมปรับเวลา 

 

  • พระอาทิตย์ตกตั้งแต่ 4 โมงครึ่งนะจ๊ะ 

 

 

 

 

****แล้วจะมาเพิ่มข้อมูลให้เรื่อยๆ นะจ๊ะ *****

สงสัย  สามารถแวะไปพูดคุยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 

https://www.facebook.com/MyLifeMyTravels/