กรุงเทพฯ… เมืองที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ฝุ่นควัน รถรา มากมาย ทุกครั้งจะรู้สึกเหนื่อยและล้า
เหมือนหายใจได้ไม่เต็มที่ ที่จะต้องไปยื่นท่ามกลางความวุ่น วาย แต่ก็ยากที่จะเลี่ยงได้ กับสิ่งเหล่านั้น
เมื่อเดือนที่ผ่านนุ้ยต้องไปทำธุระที่กรุงเทพ ฯ หลังจากเสร็จภารกิจ ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ต่ออีกวันสองวัน
จึงได้เกิดทริปตะลุยกิน เฮ้ย!!!! ตะลุยกรุงขึ้น แบบงง ๆ แต่ก็ทำให้นุ้ยรู้จักกรุงเทพในมุมมองที่แตกต่าง
โดยทริปนี้ จะเริ่มตะลุยกันที่ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ชิมของอร่อย ช้อปกระจาย และสัมผัสวิถีชีวิตชาวกรุงในมุมต่าง
ต่อกันที่ไหว้พระขอพร ที่วัดเล่งเนยยี่ 2 (ไม่ติดเขตกรุง แต่ใกล้ๆ กันเนอะ)
ยามค่ำคืนก็อย่าได้อยู่ว่าง ไปบุกย่านเยาวราช ที่ใครๆ ก็บอกว่ามีของอร่อยเพียบ
สุดท้ายหมดแรง เอนกายพักผ่อน ใจกลางเมือง Siam@Siam Design Hotel & Spa
+
+
***** ติดตามทุก การเดินทาง ร้านอร่อย นอนไหนดี แลกเปลี่ยนความเห็น หรือพูดคุย *****
ได้ที่นี้ My Life My Travel
ปล.เรื่องเก่าเล่าใหม่
หลังจากใช้เวลา 1 วันเต็ม ๆ กับการ จัดการภารกิจ ให้เรียบร้อย กลับถึงที่พัก ก็เป็นอันสลบ
วันถัดมาก็เป็นวันของนุ้ยแล้ว เพราะฉะนั้น จะช้าอยู่ทำไม ไปตะลุยตลาดน้ำกันเลย
ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ตั้งอยู่ที่ ถนนบางระมาด แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ นี่เอง
เปิดทุกวัน เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัษตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 15.00 น.
การเดินทาง
รถยนต์ : จากถนนบรมราชชนนีมุ่งหน้าไปทางถนนกาญจนาภิเษก แล้วเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ 13 ขับไปเรื่อย ๆ จะเจอถนนบางระมาดตรงข้ามสมาคมชาวปักษ์ใต้ แล้วตรงไปอีกหนึ่งกิโลเมตรก็จะถึงตลาดน้ำคลองลัดมะยม
เรือ : ให้ขึ้นเรือที่ท่าพระจันทร์ สายรถไฟ-พระจันทร์ ขึ้นเรือที่ท่ารถไฟมาแล้วเดินออกจากท่า เพื่อมารอรถสองแถวสาย รถไฟ-ปู่เถร หรือจะไปดักรอขึ้นสองแถวสายนี้ได้ตามเส้นทางที่รถผ่าน เช่น หน้าตลาดบางขุนนนท์หรือหน้าที่ทำการเขตตลิ่งชัน
รถโดยสารประจำทาง : สามารถขึ้นรถสองแถวสาย 1475 (สายปู่เถร) ขึ้นที่บริเวณท่าเรือรถไฟ หลังโรงพยาบาลศิริราช
ใช่เวลาในการเดินทางเพียงไม่นาน ก็ถึงแล้วคะ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม
ก่อนอื่นต้องขอยอมรับก่อนว่า นุ้ยไม่เคยได้ยินชื่อตลาดน้ำแห่งนี้มาก่อน
และไม่ได้มีการวางแผนสำหรับทริปนี้มาก่อน แม้กระทั่งตอนที่เพื่อนบอกว่าเราจะไป ..ตลาดน้ำคลองลัดมะยม
นุ้ยอึ้งนิดๆ เงียบไปแปบนึง แล้วก็พูดว่า “ มีด้วยเหรอ ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อเลยอะ “ แล้วก็คิดในใจต่อมันจะมีของขายไหมนี่ ตลาดอะไรชื่อแปลกๆ
แต่แล้วก็ได้รู้ว่า ตัดสินใจไม่ผิดคะ เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ จริงๆ
และนุ้ยได้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อมาเล่าสู่กันฟังคร่าวๆ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม มีมานานนับสิบปี เริ่มจากรวมตัวของชาวบ้านเป็นตลาดเล็กๆ เพื่อให้ชาวบ้านได้จับจ่ายใช้สอยกัน แต่ก็ได้เลิกราไป
ต่อมาผู้นำชุมชนต้องการรักษาวิถีชีวิตริมคลองลัดมะยม ให้ยั่งยืนจึงได้เปิดตลาดน้ำ เพื่อนำพืช ผัก ผลไม้ จากสวนออกมาขาย จนกลายเป็นตลาดน้ำขนาดใหญ่ สำหรับท่องเที่ยวอย่างเช่นทุกวันนี้
ตลาดน้ำคลองลัดมะยม แบ่งเป็น โซน 1 โซน 2 แต่นุ้ยไม่รู้ว่าโซนไหนเป็นโซนเก่า โซนใหม่
รู้แค่ว่า ฝั่งที่มีหลักกิโลขนาดใหญ่ เป็นโซน 1 และนุ้ยก็จะเริ่มตะลุยกันที่ โซน 1 ก่อนเลย
ขอบอกว่าของกินเพียบ หลากหลายมาก เลือกไม่ถูก ชิมไม่หมด แต่นุ้ยก็ได้ถ่ายมาเพียงแค่บางส่วน
ไม่ว่าจะผักผลไม้สดๆ จากสวน น้ำผลไม้ต่างๆ
ขนมหวานก็มีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นขนมไทย หลากชนิด
ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง
แต่เจ้านี้ คนมุงเยอะ ต้องอร่อยแน่ๆ เลยคะ แต่ก็ไม่ได้ชิม
เจ้านี้ก็อร่อยคะ เน้นขายข้าวเหนียว
ข้าวเหนียวมูลหน้าต่างๆ จำราคา ไม่ได้ แต่น่ากินมาก
แต่นุ้ยได้ลองชิม ข้าวเหนียวมูลธัญพืช ขอบอกว่าอร่อยมาก ขายดีสุดๆ เลย เครื่องเยอะ หนักธัญพืชจริงๆ
กล่องใหญ่ 70 บาท กล่องเล็ก 35 บาท
เมนูนี้ นุ้ยไม่รู้ว่า เรียกว่าอะไร เอาเป็นว่า ขนมครกซีฟู๊ด แล้วกันเนอะ
สดๆ ร้อนๆ อร่อยมากคะ มีให้เลือกหลายอย่าง กุ้ง หอย ปูอัด ชุดเล็ก ราคา 35 บาท
หมูย่างเมืองตรัง ก็มี
เห็ดย่างไม้ละ 10 บาท ราคาแสนถูก
ปลาหมึกตัวใหญ่ ราคาไม่ได้ถาม แถมถ่ายมาแบบเบลอ ๆ เดินผ่าน กดชัตเตอร์ไม่ทัน และยังมีอาหารปิ้งย่างอีกเพียบ กุ้งแม่ตัวใหญ่ ปลาเผา ปูนึ่ง หอยเชล แต่นุ้ย ลืมถ่ายคะ เข้าถึงยากมาก คนเยอะสุดๆ
ส้มตำเจ้านี้อร่อย ลืมชื่อร้าน จำหน้าแม่ค้าเอาละกันเนอะ
นุ้ยสั่งตำไข่เค็ม รสชาด ดีเลยคะ เปรี้ยวหวานเผ็ด จานนี้ราคา ไม่แน่ใจ ว่า 40 หรือ 45 บาท
รสชาด คล้ายๆ ห่อหมก แต่เป็นแบบเสียบไม้ย่าง ไม้ละ 20 บาท กินแล้วเด้งๆ หนึบ ก็อร่อยไปอีกแบบ เค้าเรียกว่าอะไรจำไม่ได้เหมือนเดิม ถนัดกินจริงๆ คะ ใครรู้ช่วยด้วยด้วยน๊า
ทอดมัน หอยจ๊อ ราคาชุดละ 50 บาท มีน้ำจิ้มให้ด้วย
หมูทอด ชุดละ 40 บาท อันนี้ไม่ค่อยโดนคะ แข็งไปนิดนึง
ไก่ย่างร้านนี้ขายดีมาก ดูได้จากปริมาณไม้ ขายแบบย่างกันไม่ทันเลยทีเดียว แต่ก็อดอีกเหมือนเดิม เพราะถ้าซื้อมากินไม่หมดแน่นอน
ไม่รู้หรอกว่าชื่อเมนูอะไร รู้แค่ว่า คือหอยเชลตัวใหญ๊ ใหญ่ ย่าง กับผักขมและชีส ตัวละ 40 บาท
เมนูนี้ชอบคะ อร่อยมากใหญ่ตัวใหญ่เต็มคำ
ขนมปากหม้อไส้ผัก มีหลายไส้ ข้าวโพด แครอท กุ้ยช่าย ราคากล่องละ 35 บาท (ถ้าจำไม่ผิดน๊า)
หมูสะเต๊ะ ชุดละ 130 บาท (ไม่แน่ใจราคา) ขอบอกว่าห้ามพลาด มีหลายเจ้ามาก แต่เจ้าที่นุ้ยกินชื่อว่า หมูสะเต๊ะเจ้าสั่ว อร่อยมากๆ เนื้อนิ่มสุดๆ คอนเฟิร์ม
อันนี้ออกแนวอาหารอิตาเลี่ยน(อะป่าว) ลาซานญ่า ผักขมอบชีส ไม่ได้ลอง ไไม่ทราบราคา แต่ถ่ายรูปมาให้ดูกัน เผื่อใครชอบ (ขออภัยที่รูปเบลอมากๆ เนื่องจาก ถือของเต็มมือ ถือกล้องมือเดียว มิได้โฟกัสแต่อย่างใด)
ของฝากก็มีหลายอย่าง แต่เจ้านี้พ่อค้าเขาบอกว่า ไม่ซื้อไม่เป็นไร แต่ต้องได้ชิมนะครับ ไม่งั้นคุณมาไม่ถึง
นอกจากบนบกแล้ว ยังมีเรือ ที่ขายอาหารอยู่ริมน้ำด้วย
แม้คนจะเยอะ แต่ก็มีที่ให้นั่งเพียงพอ หลายจุดมากๆ ทั้งสองริมฝั่งคลอง
หลังจากกินอิ่มแล้ว เราก็ไปเดินสำรวจกันต่อมีอะไรให้ช้อปบ้าง
กุ้งหอยปูปลา มีทั้งแบบสดๆ ซื้อกลับไปทำกินที่ บ้าน หรือจะแบบพร้อมกิน ปิ้ง ย่าง ลวกเรียบร้อยแล้วก็มีน๊า
เดินไปเดินมาเจอเจ้าหม้อใบใหญ่ใบนี้ ตอนแรกก็งงว่าทำไมน้ำสีดำ คนขายบอกว่าเป็นน้ำใบย่านาง
ชาชักร้านนี้นอกจากอร่อยแล้ว เจ้าของร้านยังอารมณ์ดี ลีลาเด็ดซะด้วยคะ
ที่นี้ไม่ได้มีแต่ของกิน ของอร่อยเท่านั้นนะคะ ยังมีของให้ช้อปอีกเพียบ
ร้านขายของที่ระลึก ของฝากก็มีอยู่หลายร้านเลยคะ หมวก กระเป๋า รองเท้า ก็มีเยอะ
กินอิ่ม เดินจนเมื่อย เปลี่ยนไปนั่งเรือชมวิถีชีวิตริมน้ำ ของชาวตลาดน้ำคลองลัดมะยมกันคะ
ค่าบริการเรือแจวเพียงแค่ 20 บาทเท่านั้นคะ และยังมีเรือหางยาวด้วยน๊า แต่จะไปคนละเส้นทาง ราคา 60 บาท
แต่รอบนี้นุ้ยเลือกนั่งเรือแจวคะ ตรงท่าเรือ มีปลาเยอะมาก มีอาหารปลาขายด้วย
เรือแจวลำนี้เลยคะ ที่จะพาเราไปสัมผัส วิถีริมน้ำ นั่งได้ประมาณ 8 คน
สมาชิกในเรือมีทั้งไทยและเทศ ทั้งครอบครัว ลูกเด็กเล็กแดง และคู่รัก
ตอนแรกที่ลงเรือ เพียงแค่คิดว่าไปนั่งเรือเล่นให้อาหารย่อย ให้หายเมื่อย
แต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้นเยอะเลยคะ นุ้ยแทบจะไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น ที่ได้สัมผัส และมีคำถามเกิดขึ้นในใจ
นี่หรือ…กรุงเทพ …… กรุงเทพยังมีมุมนี้ให้เห็น
ใครจะรู้เล่าว่า ท่ามกลางเมืองใหญ่ อันสุดแสนจะวุ่นวาย เร่งรีบ และมีการแก่งแย่งชิงดีมากมาย
ยังมีอีกหลายชีวิต ที่ยังคงดำเนินวิถีชีวิต ตามแนวทางที่แสนจะเรียบง่าย มีความสุขบนความพอเพียง และสำนึกรักบ้านเกิด
ความมีน้ำใจ ถามไถ่ ทักทาย กันตลอดเส้นทาง ของคุณลุงที่แจวเรือให้เรานั่งวันนี้ กับชาวบ้าน ริมฝั่งคลอง
เสียงเจื้อยแจ่ว ไปไงบ้าง เหนื่อยไหม จับปลาได้เยอะมั๊ย เก็บของกันได้แล้วฝนจะตก
เสียงคุณลุงที่ตะโกนบอกคุณยายว่า พายเรือดีๆ รีบกันนะ ฝนจะมาแล้ว
บทสนทนา ที่ได้ยิน ทำให้นุ้ยยิ้ม ออกมาแบบไม่รู้ตัว และรู้สึกดี
ดีจัง ที่ได้เห็นได้ยิน แม้จะเป็นเหมือนคำพูดธรรมดาๆ แต่น้ำเสียง และท่าทาง ที่สื่อสารกันตลอดทาง ทำให้รับรู้ได้ ว่าพวกเขารัก และหวงแหนกัน เพราะสังคมปัจจุบัน แค่จะหันหน้ามายิ้มให้กัน ยังยากเลย
คุณลุงคนนี้ คือคุณลุงหนู คุณลุงเป็นคนแจวเรือให้พวกเรานั่ง และเล่าเรื่องราว ต่าง ๆ ให้เราฟัง
คุณลุงใจดีมาก นุ้ยชอบฟังตอนคุณลุงพูด ไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง เพราะถ้อยคำอาจจะสื่อออกมาตรงนี้ได้ไม่ครบถ้วน และน้ำเสียง ที่นุ้ยรู้สึกได้ ว่ามันลึกซึ้งเพียงใด ทุกถ้อยคำของคุณลุงหนู สื่อให้เห็นถึงความรัก และหวงแหนบ้านเกิด รักในวิถีชีวิตดั้งเดิม รักคนในชุมชน และรักลุงชวน ผู้นำของชุมชน
ลุงหนูชื่นชม และเล่าถึงลุงชวนให้พวกเราฟัง ว่าลุงชวน ตั้งใจ และทำทุกอย่างออกมากได้ดีมาก ลุงชวนยังเป็นลุงชวนคนเดิม ใช้ชวิต ที่สมถะ ลุงชวนยังคงขายไอศกรีมเหมือนเดิม และให้ลูกค้าตักเองซะด้วย (แต่นุ้ยอดอีกเหมือนเดิม ต้องไปอีกรอบ) ในขณะ ที่ลุงหนูเล่าถึงชุมชน และลุงให้พวกเราฟัง ลูกชวนขับเรือผ่านมาพอดี ด้วยความตั้งฟัง คว้ากล้องไม่ทัน
จึงได้มาแค่ด้านหลังลุงชวน กลับประโยคหลังเสื้อ “คืนชีวิตให้แผ่นดิน”
คุณลุงหนูพาเรานั่งเรือไปจนถึงบ้านลุงชวน
บ้านหลังนี้เลยคะ บ้านลุงชวน
หลังบ้านลุงชวนจะเป็นบึงบัว มีกังหันน้ำ มีบัวเต็มบึงเลยคะ
คุณลุง เก็บฝักบัวส่งให้ นุ้ยมองหน้าคุณลุง แบบ งง งง ส่งมาทำไม
เพื่อนๆ ก็บอกว่า มันกินได้ กินสิ
บอกไปใครจะรู้คะ สาวนุ้ยไม่เคยกินเม็ดบัวจากฝักสดๆ แบบนี้ เคยเห็น แต่ไม่เคยกิน จะบอกว่าตัวเองบ้านนอก มันก็แปลก เพราะบ้านนอกต้องเคยกินของแบบนี้ แต่พอได้ลองกินแล้วติดใจ คุณลุงใจดี เห็นว่านุ้ยชอบเก็บให้เพิ่มอีกฝัก
ไปต่ออีกนิด นุ้ยงงเข้าไปใหญ่ เมื่อกี้ยังพอรู้จักคะ ว่าคือฝักบัว แต่เจ้าต้นนี้ นุ้ยไม่รู้จัก คุณลุงก็เก็บส่งให้เหมือนเดิม พร้อมรอยยิ้ม
ทุกคนในเรือ รู้จักหมดว่านี่คือ ลูกหว้า สาวนุ้ยยังคงรับมาแบบงงๆ แล้วถามกลับทันทีว่า มันคืออะไรคะลุง
หลังจากได้คำตอบว่าคือ ลูกหว้า นุ้ยก็กินแบบเอร็ดอร่อย ว่าไป นุ้ยเคยกินอะไรแล้วบอกว่าไม่อร่อยบ้างน๊า (จำไม่ได้ หรือไม่เคยมี)
หลังจากนั้นคุณลุงก็พาเรากลับมายังตลาด
ขอบคุณคุณลุง ที่ทำให้นุ้ยมีความสุข แม้อากาศจะร้อน แต่นู๋ก็ลืมเรื่องนั้นไปสนิท
มีความสุขที่ได้ยินเรื่องราว ที่คน คน นึงพูดบ้านเกิดตนเองด้วยความรัก และหวงแหน
คน คนนึง ที่ชื่นชมคนอื่นด้วยความจริงใจและรู้สึกดี
คนคนนึงที่พร้อมจะส่งความรู้สึกดีๆ ให้กับคนรอบข้าง
ภาพหนึ่งภาพ สามารถสื่ออะไรได้มากมายก็จริงอยู่ …. แต่ภาพหนึ่งภาพ ไม่อาจสื่อความรู้สึกที่มีออกมาให้คนอื่นรับรู้ได้ทั้งหมด
ลองมาเที่ยวที่ตลาดแห่งนี้กันนะคะ แล้วจะเห็นกรุงเทพฯ ในมุม ต่าง เหมือนที่นุ้ยไม่เคยเห็น
และถ้าหากเพื่อนๆ มาเที่ยวตลาดน้ำคลองลัดมะยม อย่าลืมมานั่งเรือชมวิถีชีวิตริมน้ำ และฟังเรื่องราว ต่าง ๆ กันนะคะ แล้วจะรู้สึกรักตลาดแห่งนี้ เพราะที่นี้เป็นมากกว่าตลาด มากกว่าของกินอร่อย แต่ที่นี้คือตลาดที่เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของผู้นำชุมชน ที่รักบ้านเกิด รักคนในชุมชน เกิดขึ้นจากคนในชุมชน ที่อยากอนุรักษ์วิถีชีวิตริมน้ำไว้
การเดินทางของวันนี้ ยังไม่จบลงคะ เราไปกันต่อที่ “วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์” หรือวัด วัดเล่งเน่ยยี่ 2 นั่นเอง ซึ่งขับรถออกจาก ตลาดน้ำไม่ไกลนัก
ซึ่งการเดินทางก็ไม่ยากเลยคะ
– การโดยสารโดยรถเมล์ ก็สามารถนั่งรถเมล์สาย 127 มาลงที่สุดสายตรงโรงพักบางบัวทอง เดินไปอีกไม่ไกลก็ถึงแล้ว
– ถ้าใครอยากขับรถไป ก็เดินทางไปตามเส้นบางบัวทอง ขึ้นสะพานพระนั่งเกล้าฯ เข้าถนนรัตนาธิเบศร์ขับไปเรื่อยๆ จนเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกาญจนาภิเษก ขับไปแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนบางกรวย-ไทรน้อยตรงไปประมาณ 4 กิโลเมตร จะสังเกตเห็นป้ายบอกทางเข้าวัด ขับไปอีกนิดเดียวก็เจอทางเข้าวัดแล้ว
วัดเล่งเน่ยยี่ 2 เป็นวัดจีนที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี (ในปี พ.ศ.2539)
โดย เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08.00 น. วันจันทร์ ถึง ศุกร์ ปิด 5 โมงเย็น ส่วนเสาร์-อาทิตย์ เปิดถึง 6 โมงเย็น
หลายท่านคงเคยไปวัดแห่งนี้ ไม่ว่าจะไปไหว้พระขอพร เยี่ยมชมสถานที่เพราะสวยงามมากๆ และเป็นที่นิยมอีกอย่างคือ ทำบุญเสริมดวงแก้ปีชง
นุ้ยเริ่มจากชั้นล่างสุด ของพระอุโบสถ เนื่องจากเอารถมารถไว้ด้านข้าง
สถานที่ค่อนข้างกว้างขวาง สารถติดต่อสอบถาม เกี่ยวกับการทำบุญเสริมดวงแก้ปีชง ได้ที่ชั้นล่างเลยคะ
ส่วนนุ้ยปีนี้ไม่ได้เป็นปีชง แต่มาเพื่อไหว้พระ ขอพร และเยี่ยมชมสถานที่
เริ่มจากการจุดดวงประทีป บูชาพระแม่กวนอิมโพธิสัตว์
เดินขึ้นมาชั้นบน เจอฟ้ามืดครึ้ม ใจแป้ว หน่อยๆ เฮ้อ อยากเจอฟ้าสวยๆ
แล้วเดินออมมายังด้านหน้าวัด เพื่อจุดธูป บูชา ตามจุดต่างๆ
จุดแรกเป็นวิหาร จตุโลกบาล
ภายในวิหารเป็นที่ตั้งของพระศรีอริยเมตไตรย ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง บริเวณสี่มุมของวิหารเป็นที่ตั้งของท้าวจตุโลกบาล แต่นุ้ยไม่ได้ถ่ายรูปในวิหารนี้ไว้เลย เนื่องจากตอนเดินเข้าไปถือทั้งธูปดอกไม้ ไม่สามารถถ่ายได้ และไม่ได้ย้อนกลับไปด้วย
ถัดมาเป็น “พระอุโบสถ” ทางเดินขึ้น ดูมีมนต์ขลังมากๆ
สำหรับคนที่นุ่งสั้น ใส่สั้นมา ทางวัดเตรียมผ้าไว้ให้ตรงทางขึ้นพระอุโบสถนะคะ
เมื่อขึ้นมาถึงด้านหน้า จะพบว่า พระอุโบสถ เป็นที่ตั้งพระประธาน 3 องค์ ได้แก่ พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า พระอมิตตาภพุทธเจ้า และพระไภษ์คุรุไวฑูรย์พุทธ
อีกทั้งยังภาพ มีภาพพระโพธิสัตว์ และเทพเจ้าแกะสลักอยู่รอบพระอุโบสถ ซึ่งลายแกะสลักสวยงามมากๆ
เราเดินอ้อมไปยังด้านหลังพระอุโบสถ
แม้ด้านหลัง ก็ยังวิจิตรงดงามมาก ประดับด้วยลวดลายภาพเขียนแบบจีน มีความละเอียดสวยงาม สมกับเป็นศิลปะแบบจีน
เมื่อมาถึงด้านหลัง ของพระอุโบสถ
ยังมีอีกหนึ่งวิหาร นั่นคือ “วิหารสุขาวดีหมื่นพุทธ”
ซึ่งชั้นล่างจะเป็นที่ที่ประดิษฐาน ของ พระโพธิสัตว์ กวนอิม พันกร
ชั้นบนของวิหารแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานองค์พระอมิตาภพุทธเจ้า พระอวโลกิเตศวร และพระมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์
ภาพเขียนต่างๆ ลวดลายบนบานประตูหน้าต่าง ชั่งละเอียดอ่อน ปาณีตมากๆ สวยงามไม่แพ้ที่ใดเลยคะ
หากเพื่อน มีเวลาว่าง ไม่รู้ไปเที่ยวที่ไหน ลองมาที่นี้นะคะ ไม่ไกลเลยคะ มาไหว้พระขอพร และชมสถาปัตยกรรมแบบจีน ที่สวยมากๆ และสามารถโทรสอบถามข้อมูลต่างๆ
ได้ที่ วัดบรมราชาฯ โทร. 0-2571-1155
แต่วันนี้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ขณะที่ถ่ายรูป เสียงเมาท์มอย ก็ดังขึ้นว่า ไปหาของอร่อยๆ ที่เยาวราชกินกันใหม่ นุ้ยยังไม่เคยไปไม่ใช่เหรอ
เท่านั้นละคะ การถ่ายรูปทุกอย่างหยุดลง และเปลี่ยนสถานที่ไปหาของกินกันที่เยาวราชทันที
เคยเห็นแต่ในทีวี มาเจอของจริงแอบตื่นเต้นเล็กน้อย
คนเยอะมากๆ เลยคะ แม้ก่อนหน้านี้ฝนจะตก พื้นยังแฉะอยู่เลย แต่คนก็เยอะมาก
มีแต่ของหน้าตาน่ากินทั้งนั้นเลย เดินอยู่พักใหญ่ เพื่อนก็แวะร้านนี้
ร้านก๋วยจั๊บ โภชนา
บริเวณหน้าร้านยัง กระเพาะปลามาขายด้วยน๊า แต่ดันมาช้ากว่านุ้ย นุ้ยกินอิ่มซะก่อน
กินเสร็จก็ออกเดินสำรวจกันต่อขาย ผลไม้สดก็มีเยอะมาก
ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิ้ล ส้ม และทุเรียน ทุเรียนเจ้านี้ถูกสุด เพราะเดินสำรวจราคามาหลายร้าน แต่นุ้ยลืมถ่ายรูปคนขาย เพราะเห็นทุเรียนทีไร ลืมทุกอย่างคะ
ร้านน้ำส้มคั้นสดแบบนี้มีอยู่หลายร้านเลยคะ
ก็เลยตัดสินใจซื้อมาชิม รสชาดดีเลยคะ หวาน อร่อย ราคา ขวดละ 35 บาท 3 ขวด 100 บาท
ปลาหมึกย่าง ก็น่าสน ทุกอย่างชวนให้อยากชิมไปหมด
ร้ายขายของแบบนี้ก็มีเยอะมาก กุนเชียง หมูหยอง หรือแม้แต่ร้านยาจีนก็มีเยอะ
เดินเยอะเริ่มเมื่อยคะ แวะนั่งพักร้านขนมหวานกันดีกว่า มีหลายร้านมาก เลือกไม่ถูกเลย เอาว่ะ เหนื่อยตรงไหนนั่งตรงนั้นละกัน
ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่ร้านนี้คะ
ดูเมนูกันเสร็จ ได้มา 3 อย่าง
ถ้วยแรก เป็น สาคูแคนตาลูปนมสด อร่อยดีนะคะ แต่เนื้อสาคูน้อยไปหน่อย
ถ้วยที่ 2 บัวลอยงาดำนมสด ถ้วยนี้มีประโยชน์เกินไปไม่เหมาะกับนุ้ยคะ เพื่อนที่ไปด้วยกันเป็นคน
ถ้วยที่ 3 แปะก๊วยน้ำลำไย หวานเย็นชื่นใจดีคะ
ค่ำคืนนี้ก็หมดไปอย่างรวดเร็วช่วงเวลาแห่งความสุข ช่วงเวลาแห่งการกิน ผ่านไปเร็วเสมอ ไว้รอบหน้าจะมาเที่ยวเยาวราชใหม่อีกรอบนี้รู้สึก ได้ชิมน้อยไปหน่อย คะ
…..และแล้วทริปนี้ ก็จบลง เป็นการเดินทางมาทำงานที่มีความสุขมากๆ เลยก็ว่าได้คะ ……
ขอบคุณพี่สาวทั้ง 2 คนที่นำเที่ยว กรุงเทพฯ ให้นุ้ยได้เห็น ได้เรียนรู้ มุมที่แตกต่างของกรุงเทพฯ
ชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้เรามองข้าม อะไรหลายๆ ไป แต่อย่าลืมถามตัวเองกันนะคะว่า สิ่งที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้มีความสุขมั๊ย
ลองเดินให้ช้าลงอีกหน่อย เผื่อใส่ใจคนรอบข้างมากขึ้น แล้วคุณจะรู้ว่ายังมีความสุขอีกมากมายที่คุณมองข้ามไป
…..ขอบคุณทุก ๆ การเดินทาง ที่สอนให้ฉันได้เรียนรู้ และรู้สึกรักทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น…..
————————————-