ปาย..เน้นชิล..ชมวิว…สูดกลิ่นกาแฟ

ถ้าให้พูดถึงสถานที่สักแห่งหนึ่ง ที่ชอบมากๆ

สถานที่ ที่ไปกี่ครั้งก็ไม่เคยพอ

สถานที่ ที่ยังคงวนเวียนไปซ้ำแล้วซ้ำอีก

สำหรับนุ้ยแน่นอนเลยว่าที่นั่นคือ

เมื่องเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา โอบล้อมด้วยสายหมอกตลอดทั้งปี

“ปาย” ดินแดนที่นุ้ยให้คำนิยามว่า “กลมกล่อม”

 

คำแนะนำ …. เปิดเพลงฟังเสียเพราะ จากหนุ่มหล่อเจ้าของร้าน Cafe’ in  (Pai)

จะทำให้รีวิวมี ความชิลมากขึ้น

 

การเดินทางของเราเริ่มต้นขึ้นที่สนามบินเชียงใหม่เจ้า 

ถ้าถามว่าการเที่ยวแบบใช้รถประจำทางกับ เช่ารถแบบไหนสนุกกว่า

ตอบได้เลยว่า รถประจำทางค่ะ ได้ประสบการณ์อะไรเยอะมาก

แต่หลายครั้งที่เลือกเช่ารถ เพราะความสะดวก สบาย ประหยัดเวลา

และทำให้เห็นอะไรระหว่างทางมากขึ้น 

และครั้งนี้ก็เจ้าประจำค่ะ AVIS เห็นเด่นชัดแต่ไกล วันนี้ลูกค้าค่อนข้างเยอะ 

แนะนำจองล่วงหน้า…สะดวก และชัวร์กว่าค่ะ เพราะหน้าไฮ รับรองได้ รถหมดจ้า

เลือกรุ่น  สอบถามกันได้เลย ผ่านเว็บไซต์    www.avisthailand.com หรือ call center : 02251131-2

 

รับรถเซ็นเอกสารเสร็จเรียบร้อย  พร้อมไปออกเดินทางกันเลย 

 

นี่….เป็นครั้งที่เท่าไหร่ 

เป็นคำถามที่เกือบหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้   

จะว่าบ่อยก็ไม่บ่อย แต่สำหรับการไปที่เมือง เล็กๆ แห่งนี้ ถึง 6 ครั้ง นุ้ยว่ามันไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่รอบนี้ขอเน้นชิลๆ สโลวๆ ไปเรื่อยๆ  ดูวิวจิบกาแฟ แค่คิดก็สวรรค์แล้ว 

 

 

>>>> Green <<<<

แค่เริ่มออกสตาร์ท ก็แวะร้านแรกกันเลย 

ร้าน กรีน เป็นร้านที่อยู่ระหว่างทาง  จากเชียงใหม่  มุ่งหน้าสู่ ปาย 

 

ร้านจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ 

สังเกตุง่ายเห็นเด่นชัดเลยทีเดียว  

นอกจากกาแฟหอมกรุ่นแล้ว 

ที่นี้ยังมีบริการอาหารด้วยหล่ะ 

แต่ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเรา จงมองผ่านไป 

เพราะทริปนี้ ทริปชิล สูดกลิ่นกาแฟ 

ร้านมีหลายโซนให้นั่งค่ะ   มุมนี้เป็นอีกมุมที่น่ารัก 

ชวนให้อยากนั่ง รับลมเบาๆ บริเวณหน้าร้าน 

ถ้าถามว่าทำมต้องมาสูดกลิ่นกาแฟร้านนี้

เพราะร้านนี้ เขาคั่วบดกาแฟเองค่ะ มีโรงคั่วบดอยู่ใกล้ๆ 

มันเจ๋งแบบนี้ จะไม่ให้แวะได้ไงล่ะ  

 

นอกจากกาแฟที่คั่วบด สดๆ แล้ว

บรรยากาศรอบๆ ยังทำให้ชวนฝัน 

นาขาวที่กำลังเขียวขจีเต็มท้องทุ่ง ทำให้กาแฟยิ่งอร่อยขึ้น

ชาเขียวลาเต้แก้วนี้ ทำให้อุณหภูมิของร่างกายคงที 

ความกระปรี่กระเป่า ทวีคูณ   

 

 

>>>> Cafe 32<<<<

ร้านต่อมา  ห่างออกมาจากร้านแรกไม่ไกลนัก Cafe 32 

จะอยู่ทางด้านขวามือ  ที่นี้ยังให้บริการที่พักด้วยหล่ะ  

แต่นุ้ยแวะ เพื่อพักเบรก เข้าห้องน้ำ หาเครื่องดื่ม ๆ เย็นๆ มากระตุ้น ก่อนจะอ๊วก 

กับโค้งที่มันมากมายเหลือเกิน จะกี่ครั้งๆ  ก็ยังไม่ชิน 

บรรยากาศของร้านนี้ค่อนข้างร่มรืน

เต็มไปด้วยแมกไม้ต่างๆ เหมาะมาก สำหรับการแวะพักรถ ให้

เติมพลัง ให้เหนื่อย หายเมา 

 

 

>>>>กาแฟเข้าท่า <<<<

อีกหนึ่งร้านที่อยากนำเสนอมากๆ ร้านสวย เก๋ ดีไซน์เริ่ด

ร้าน กาแฟเข้าท่า  เป็นร้านที่อยู่ในตัวอำเภอปาย

ซึ่งเข้าไปในซอยลึกพอสมควรเลยทีเดียว  

ด้านหน้าเป็นเหมือนร้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่นั่นคือเสร็จแล้วนะ 

มีมุมให้เลือกนั่งเพียบ ทุกมุมแฝงไปด้วยความเก๋  

ดีไซน์ ที่เหนือจินตนาการ

แต่ทุกมุม มีสิ่งมีชีวติเล็กๆ อยู่ด้วยเสมอ 

นอกจากมุมเก๋ๆ แล้ว ยังมีอุปกรณ์คลาสสิคๆ อย่างเครื่องชงกาแฟโบราณด้วย

ที่นี้เต็มไปด้วยของสะสม และความคิด ของเจ้าของที่หลงไหลในกาแฟ 

การพูดคุยเล็กๆ น้อย ระหว่างจิบกาแฟ 

ทำให้มิตรภาพก่อตัว …. และทำให้รู้ว่า ที่นี้กำลังจะกลายเป็นโรงเรียน ที่สอนเกี่ยวกับกาแฟ

คำถามในใจ สอนไรฟ่ะ … แต่ดูมันน่าสน 

เอาเป็นเวลา พาตัวเองนั่งดื่มดำกับกาแฟแก้วโปรดดีกว่า

แก้วใหญ่มาก กะว่าให้นั่งกิน นั่งชิลมันทั้งวันที่นี้แหละ  

กาแฟหอมเตะจมูกมา คั่วบดเองอีกเช่นกัน 

ชอบร้านกาแฟ แต่ละร้านที่ปายมาก  เพราะทุกร้าน ดูใส่ใจในรายละเอียด

ที่ทำให้กาแฟหนึ่งแก้ว เป็นมากกว่ากาแฟ 

 

 

>>>>Cafe’ in Pai <<<<

ร้านกาแฟเล็ก ๆ เก๋ๆ  ที่แฝงตัวอยู่บริเวณถนนคนเดินปาย

สังเกตุง่ายๆ ได้จากจักรยานที่โลดโผนอยู่บนฟ้า

ด้านในดูเรียบง่าย  แต่แฝงไว้ด้วยรายละเอียด และความใจตั้งไว้แน่นเลยทีเดียว

นุ้ยไปนั่งอยู่ที่ร้านนี่ เวลานานเลยทีเดียว

ได้พบและพูดคุยกับหนุ่มเชียงใหม่ เจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ ร้านนี้

ที่มาตกหลุมรักเมืองปาย จนต้องมาเปิดร้านกาแฟไว้ เพราะเป็นสิ่งที่รัก 

และเพียงเพื่อจะได้แวะเวียนมายังเมืองนี้บ่อย ๆ

ในร้านจะถูกแบ่งออกเป็นสองโซน 

โซนแรกคือโซนด้านหน้า ให้เราได้นั่งลิ้มรสกาแฟแก้วโปรด 

ทอดสายตามองวิถีเมืองปาย ผู้คนเดินผ่านไปมา 

มีเรื่องราว มีมิตรภาพ มีรอยยิ้มคอยทักทาย 

อีกโซนจะเป็นด้านหลังร้าน  เป็นโซนนั่งชิล 

แอบอิงธรรมชาติ ค่อนข้างเงียบ 

เหมาะมาก หากมีหนังสือเล่มโปรดสักเล่ม 

ภายในร้านตกแต่งด้วยของชิ้นเล็กๆ  

ไม่ได้มากมาย หรือหรูหรา  แต่น่ารัก

 

ในร้านยังมีเครื่องดนตรีหลายชนิดด้วยน๊า  ใครอยากครื้นเครงก็หยิบมาเล่น มาร้องกันได้เลย 

ประมาณว่า หนุ่มเจ้าของร้าน ค่อนข้างอินดี้ อารมณ์ดี รักในเสียงเพลงค๊าา

ลาเต้ร้อนๆ ใช่เลย  

กลิ่นหอมละมุน กลมกล่อม

ช็อกโกแลตเย็นสักแก้ว ชื่นใจไม่น้อยเลยล๊าาา  

เลือกตามสไตล์ ดื่มตามชอบเลย

 

หมดเวลากับการดื่มด่ำ สูดกลิ่นกาแฟ 

แต่ชีวิตยังคงเดินช้าๆ เช่นเดิม 

ไม่ว่าจะฤดูไหนๆ ปายยังคงมีสายหมอกมาให้เราเห็น 

ให้เราได้ทำความรู้จัก ….

ว่ากันว่า 

การตื่นเช้า ทำให้เราได้กำไรชีวิตมากขึ้น 

เพราะเวลาในการทำความรู้จักกับสิ่งใหม่ มีมากขึ้นนั่นเอง 

เช้าวันนี้ นุ้ยจึงรีบดึงตัวเองออกจากที่นอน 

เพื่อไปทักทาย แสงตะวัน สายหมอก ขุนเขา ที่จุดชมวิวหยุนไหล 

ถ้าว่าไปแล้ว … สถานที่แห่งนี้ มีอะไรมากมายหรือมั๊ย 

คงต้องตอบ ว่า “ไม่”

แต่ขอย้อนถามกลับว่า 

บ่อยครั้งแค่ไหน ที่เราได้ยิ้มรับแสงแรกของวัน 

หลายคนมองว่า การนั่งมองตะวัน เป็นเรื่องเสียเวลา

แต่นุ้ยกลับรู้สึกว่า ….. นี่สินะ ช่วงเวลาแห่งความสุข….

เวลาที่แม้ผู้คนมากมาย  แต่จะมีหนึ่งอึดใจ ที่ทุกเสียงเงียบลง นั่นคือยามที่

แสงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า

 

 ชาอุ่นๆ กับลมหนาว 

คงเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ….

นุ้ยถึงได้คิดถึงชาอุ่นๆ ทุกครั้งที่เจอลมหนาว

 

และความรักจะยังคงอบอวลอยู่เต็มพื้นที่  

นั่นก็ใช่ …..

นี่ก็ใช่ 

แล้วจะรออะไร   …. เพราะเราก็ใช่ 

อีกหนึ่งกิจกรรมในปาย ที่ทำให้เราได้สัมผัสปายจริง ๆ 

คือการปั่นจักรยาน …. ยิ่งช้ายิ่งเห็น ยิ่งช้ายิ่งสัมผัส 

ยามเช้าในทุ่งนา ยังคงเงียบสงบ แต่ความสดชื่น ลดทะลักเลยทีเดียว 

 

ยังคงวิถีแห่งความเป็นปาย  ที่ใครหลายคนบอกว่าเปลี่ยนไปแล้ว 

ปาย ก็ยังเป็นปาย 

ไม่มีสิ่งไหนในโลก ที่จะหยุดหมุนคงที่ 

ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา  

แต่มันอยู่ที่ว่า เราเลือกที่กอรปเก็บอะไรไว้ และเลือกที่จะอยู่กับอะไร 

 

 

เสียงสี และผู้คนที่เพิ่มขึ้น จำนวนมากในปาย 

กลับทำให้นุ้ยรู้สึกว่า ปาย กลมกล่อมมากขึ้น 

 

จะให้ครบรส ขอแนะนำ ร้านอาหารสักร้าน ที่นุ้ยต้องกลับไปกิน ถึง 2 ครั้ง

นั่นคือ  ปายลานนา  อยู่บนเนินเขา ลมพัดเย็นสบาย 

กลางวันวิวสวย ตอนเย็น เห็นตะวันลับเหลี่ยมเขา 

  แต่วันนี้นุ้ยเลือกที่จะมาที่นี้กลางวัน  

เพราะตอนนั้นมีนัดกับขุนเขา ที่อยู่ห่างออกไป 

เมนูโปรดปราน  เห็นหอมอบซีอิ้ว นุ่มหนึบ หอม อร่อยมาก

ยำเส้นแก้ว  ต้องบอกว่าพึ่งเคยกินที่นี้ที่แรก ทั้งที่คงมีอยู่มากมายทั่วไทย

แต่การกินครั้งแรก มันทำให้รู้สึกอร่อย  จนต้องกลับมาทำที่บ้าน

แต่ทำยังไงก็ไม่อร่อยสินะ

เมนูสิ้นคิด แต่สั่งบ่อยที่สุด

เมนูนี้ คือเมนูต้องห้ามพลาด 

หมูย่างที่อร่อยที่สุด เนื้อนุ่ม น้ำจิ้มเด็ดมาก  

แค่นั่งดูรูป แล้วย้อนคิดถึง น้ำลายก็ไหล 

ปิดท้ายด้วยแกงส้มสุดแซ่บ 

 

และปลายทางสุดท้ายของทริปนี้ 

นั่นคือจุดชมวิว จุดชมวิวดอยกิ่วลม ปางมะผ้า  

ทักทายแสงเช้า …  ก็ต้องมาบอกลาแสงเย็น 

มาถึงเจอฝนนิดหน่อย  แต่แล้วโชคก็ยังเข้าข้าง 

เมื่อเห็นแสงลอดผ่านเมฆก้อนใหญ่มหึมา 

ไม่แปลกเลยที่ตอนนี้มองไปทางไหน ก็มีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนใบหน้า  ของทุกคน 

ทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา 

มีเข้ามาก็มีจากไป  

ได้เวลาเดินทางกลับ   ฉันยังคงรักเธอเสมอ “ปาย” 

.

.

แล้วเราจะกลับมาเจอกันอีก 

ปิดทริป สุดชิล ชมวิว สูดกลิ่นกาแฟ แบบแฮปปี้

การเดินทางครั้งนี้ใช้บริการของสายการบินบางกอกแอร์เวย์นะจ๊ะ 

รู้ยัง … บางกอกแอร์เวย์ มีบินตรง ภูเก็ต – เชียงใหม่ ด้วยน๊า  

สะดวก สบาย 

ไปเช็คอินโหลดกระเป๋ากันก่อน 

ไปนั่งรอใน ห้องรับรองกันก่อน

ห้องรับรองที่สนามบินเชียงใหม่ กว้างมาก  

    

  และที่สำคัญ ไม่หิว  เพราะมีอะไรให้เรารองท้องตลอด 

เด็ดสุดคงเป็นเจ้านี้

 

ข้าวต้มมัดในตำนาน… ใคร ก็อยากทาน ใครๆ ก็ติดใจ  

กินอิ่มแล้วไปหลับกันต่อบนเครื่องละกัน 

ทุกการเดินทาง มีเรื่องราวดีๆ ให้จดจำเสมอ 

ออกไปกอดโลกกว้างกันนะค่ะ  ค้นหาให้เจอว่ารัก ว่าชอบอะไร  

เมื่อนั่นเราจะเจอความสุข

 

และติดตามทุก ๆ กันเดินทางกันได้ที่นี้

https://www.facebook.com/MyLifeMyTravels/

 

My Life My Travel