“มุก” คือคำสั้นๆ ที่ทำให้ มึน งง ตอนได้ยิน
ซึ่ง “มุก” คือคำที่คน มุกดาหาร ใช้เรียกแทนตัวเอง คนมุก ชาวมุก จังหวัดมุก
แต่สำหรับนุ้ยกับต้น นะเหรอ ? แม้แต่ชื่อเต็ม ๆ มุกดาหาร
…. เคยได้ยินมากี่ครั้งในชีวิต ยังแทบจะนับได้เลย ….
อาจเป็นเพราะดินแดนแห่งภาคอีสาน เป็นดินแดนที่เราสองคนไม่คุ้นเคยนัก
มีเพียงแค่ 3 จังหวัดเท่านั้นที่เราสองคนเคยไป
และทุกครั้งจะมีเรื่องเล่ามากมาย เรื่องเล่าที่มากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว
เพราะมีทั้งความสุข ความทรงจำและมิตรภาพใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกครั้ง
และครั้งนี้ก็เช่นกัน
.
.
.
001 การเดินทาง
1. ขับรถยนต์ส่วนตัว ตามเส้นทาง GPS เลยจ้า
2. รถโดยสาร มีรถโดยสารของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-มุกดาหารออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมงครึ่ง สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 เว็บไซต์ www.transport.co.th
>> อ้าว! เห้ย ไปไงละทีนี้ มุกดาหารไม่มีสนามบิน มีเวลาเพียงแค่ 2 วัน 3 คืน ถ้าจะให้นั่งรถนานๆ อดไปแน่ๆ
เกือบตัดใจไม่ไปแล้วเชียว แต่พอลองมานั่งสำรวจเส้นทางดู เจอว่าอยู่ใกล้ๆ กับนครพนม สกลนคร
ก็เลยลองคำนวณระยะทางดูขับรถต่อไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็เลยตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบิน
บินตรงสู่สกลนครโดยสารการบินนกแอร์เลยจ้า จริงๆ ของนกแอร์ มีแบบจองตั๋วพร้อมรถตู้ด้วยน๊า
เช็คราคาตั๋วเครื่องบิน https://www.nokair.com/
นกแอร์มีบินไปสกลถึงวันละ 3 ไฟลท์ ไฟลท์แรกประมาณ 8 โมงนิด ๆ เป็นเวลาที่ดีเลย
ไม่ต้องตื่นเช้ามาก และถึงไม่สายมากเกินไป
ระหว่างรอขึ้นเครื่องนุ้ยมานั่งจิบกาแฟดูเรือบินชิลล์ อยู่ใกล้ๆ Gate นี่แหละ
ตอนนี้นกแอร์เขามี NokAir FM เข้าไปฟังเพลงกันได้เลยที่ www.nokairfm.com
และในเว็บ ยังมีข่าวสาร โปรโมชั่นนกแอร์ ท่องเที่ยว อีเว้นท์ งาน festival ต่างๆ
ใช้เวลาเดินทางจากรุงเทพฯ เพียงแค่ 1.10 ชม . ก็ถึงสกลนครแล้วหล่ะ
นี่ขนาดมาสายๆ หน้านุ้ยยังสดได้ขนาดนี้ ไปแต่งหน้าเอาในรถละกัน
http://www.mylifemytravels.com/%E0%B8%BAbooking/
มาถึงก็รับรถเลยกันเลยค่ะ
จริงๆ ที่สนามบินสกุลจะมีรถตู้วิ่งตรงไปยังมุกดาหารนะค่ะ
หรือตอนจองตั๋วเครื่องบินสามารถจองบินสู่มุกดาหารได้เลย จะมีบุ๊คกิ้งรถตู้ให้ด้วย
แต่สำหรับนุ้ยตามสไตล์เดิม สไตล์สโลว์ไลฟ์ ไม่เร่งไม่รีบ
ชอบขับรถไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ชอบข้างทางก็จอดดู ก็เลยตัดสินใจเช่ารถ
เพราะที่สนามบินสกลนคร มี AVIS Thailand เปิดให้บริการ
สายสโลว์แบบนุ้ย ต้องแนวนี้ค่ะ
เช็ครถกันได้ที่นี้ http://www.avisthailand.com/TH/
.
002 สวัสดีมุกดาหาร ยินดีที่ได้รู้จัก
.
.
ขับรถจากสกลนครมาถึงมุกดาหารใช้เวลาเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
แต่นุ้ยก็เอื่อยๆ เหมือนเดิม มาถึงมุกดาหารซะเกือบเที่ยงเลยทีเดียว
มาถึงสิ่งแรกคือเติมพลังก่อนเลย…. แวะมานั่งชิลล์ เติมคาเฟอีน เข้ากระแสเลือดกันสักนิด
ที่ร้าน good mook เป็นคาเฟ่เก๋ๆ ชิลล์ๆ
มองจากด้านนอกก็คิดว่าเป็นร้านเล็กๆ
แต่พอเข้าไปด้านใน ร้านใหญ่เลยทีเดียว
ร้านโล่งๆ ตกแต่งเก๋ๆ มีให้เลือกนั่งหลายโซน
แก้วนี้ถูกใจสุดๆ
ตอนดูดน้ำครั้งแรก ร้องยี้ เปรี้ยวชะมัด แต่ลองใหม่อีกครั้งพร้อมไอศครีม
เฮ้ย ! มันดีมาก อร่อยลงตัว เค้าสร้างให้มันคู่กัน
คาเฟอีนที่ตามหา
เมนูที่แนะนำโดยนุ้ยเอง เพราะกินแล้วชอบ คือเค้กลูกตาลครีมสด
เดินไปดูที่ตู้ ไม่สั่ง เพราะหน้าตาธรรมดาสุดๆ
แต่มาสั่งเพราะเห็นชื่อในเมนู ว่าเค้กลูกตาล สั่งมาลองดูก็ได้
แต่มันกลับอร่อยมาก(สำหรับนุ้ยนะ) เค้กนุ่ม ครีมไม่เยอะ แต่เนื้อลูกตาลเยอะเลย
เค้าป้อนนะที่รัก …อิอิ
.
ออกจากร้าน good mook ตรงดิ่งไปยังที่พักก่อนเลย
ที่พักในมุกดาหารของเราทั้ง 2 คืน คือที่นี้ สะหวัน สำราญ
ก่อนเดินทางก็หาที่พักเยอะพอสมควร … เพราะนุ้ยไม่คุ้นเคยกับมุกดาหาร
และไม่คาดหวังว่าจะเจอที่พักสวยๆ น่ารักๆ แต่แว๊บแรกที่เห็น ตัดสินใจเลือกที่นี้
ไม่เปิดหาที่อื่นต่ออีกเลย …. ในเมื่อเรารู้ว่าเราชอบอะไร และเจอในสิ่งที่เราชอบ
เราจะดิ้นรนหาอย่างอื่นอีกทำไม จริงมั๊ยล่ะ
FB https://www.facebook.com/Sawan-Sumran-285829104889299/
Tel. 042 632 669
ตอนแรกก็มองว่าที่นี่ เหมือนชิโน อีกมุมก็วินเทจ แต่พอได้คุยกับเจ้า
ที่นี่ถอดแบบสไตล์โคโลเนียล จากฝั่งสะหวันนะเขตมา
ซึ่งเป็นเขตแดนของฝั่งลาว ที่มีเพียงลำน้ำโขงกั้นเท่านั้น
สะหวันสำราญมีห้องพักเพียงแค่ 6 ห้องเท่านั้น มี 4 ห้องที่เห็นวิวแม่น้ำ อีก 2 ห้องจะเห็นวิวภูเขา
ห้องที่นุ้ยพักอยู่ชั้น 2 เห็นวิวแม่น้ำโขง ดูในห้องกันสักนิด ก่อนออกไปเที่ยวเนอะ
ขนาดห้องกว้างกำลังดี อย่างที่บอกแหละนุ้ยคิดว่าที่นี้คือวินเทจ เพราะเราไม่ได้คุ้นเคยกับคำว่า โคโลเนียลมากนัก
แต่ที่สัมผัสได้คือ ที่นี้สวยมาก สวยทุกมุม
มีระเบียงให้ออกไปนั่งรับลมชมวิว
นอนพักสักงีบ ให้พอรู้สึกหายเหนื่อยจากการเดินทาง
เดี๋ยวจะออกไปเที่ยวต่อ จริงๆ เมืองมุกดาหารเป็นเมืองเล็กๆ ขับวนไปวนมาแปบเดียวก็ชินทางแล้ว
ถ้าใครนั่งรถตู้มา เช่ามอเตอร์ไซค์ขับได้สบาย แต่.. เอ้ ไม่เห็นมีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์เลย
แต่ที่รู้ๆ มีตุ๊กๆ ให้บริการนะจ๊ะ
จะนอนจนถึงเย็นก็กะไรอยู่ … วันหยุดพักผ่อนไม่ได้เดินทางมาหาบ่อย
พอถึงช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ นุ้ยกับต้นก็เลยออกไปเที่ยวเล่นบริเวณใกล้ๆ ในเมืองนี่แหละ
เริ่มกันที่ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์
วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ขับรถออกจากตัวเมืองไปเพียงแค่ 5 นาที
เป็นที่ประดิษฐานของ “พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์” และยังเป็นจุดชมวิวที่สวยมากๆ
ออกจาก วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์
ขับรถย้อนกลับเข้ามาในเมืองอีกหน่อย เพื่อแวะหอแก้วมุกดาหาร
มีคนบอกว่า หอแก้วมุกดาหารเป็นเหมือนสัญญาณของจังหวัดเลยนะ
นอกจากจะเป็นหอคอยชมวิวกลางเมืองแบบ 360 องศาแล้วยังเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมๆ อีกด้วย
สำหรับคนที่จะขึ้นไปดูวิวบนหอคอย จะมีค่าใช้จ่ายคนละ 30 บาทนะตัวเอง
วิวรอบๆ ก็วิวเมืองมุกดาหารนี่แหละ แต่ก็สวยดีนะ ทำให้รุ้ว่ามุกดาหารยังมีความเขียวขจีแม้ว่าจะเป็นอำเภอเมือง
ตะวันเริ่มคล้อย อากาศเริ่มจะเย็นๆ หน่อย ลมพัดกำลัง เราสองคนชวนกันไปนั่งเล่นริมโขง ดูวิวที่แบบไม่ธรรมดา
เพราะวิวของเราในวันนี้คือประเทศเพื่อนบ้านของเรา ประเทศลาวนั่นเอง
ก็แหม่ นั่งริมฝั่งโขงจะให้ดูวิวอะไรหล่ะ
แต่จุดที่เราเลือกไปนั่งเล่นกัน เป็นบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาย แห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต)
ในตอนเย็นๆ ค่อนข้างคึกคักเลยทีเดียว เพราะมีเหล่าแม่ค้ามาวางอาหารขายกัน
และนั่นคือลาภปากของเรานั่นเอง เพราะคิดว่าจะต้องมานั่งเหงาๆ กันอยู่แค่สองคน
แต่มีเพื่อนเยอะแยะเต็มไปหมดเลย
และแล้วเราสองคนก็เลือกที่จะกินจิ้มจุ๋ม ริมโขงค่ะ
เอาจริงๆ มั๊ย เห็นตัวอ้วนๆ แบบนี้ พึ่งเคยกินจิ้มจุ๋มครั้งแรก .. กินแล้วมันก็อร่อยดีนะ
มันก็คล้ายๆ สุกี้ ต่างกันที่น้ำจิ้ม ราคาชุดละ 200 บาท แต่แถมวิวหลักล้านจ้า
นั่งชิลล์ยาวไป ไม่มืดเราไม่กลับ
และเมื่อฟ้ามืดลง แสงไฟเริ่มสว่างสไว เป็นภาพที่สวยมากเลยทีเดียว
ขอบคุณทริปนี้ ขอบคุณวันแรกในมุกดาหารที่ไม่ได้มีอะไรหวือหวา จนเราต้องร้องว๊าว
แต่รู้สึกดีชะมัด รู้สึกชิลล์สุดยอด และรู้สึกว่าเมืองนี้น่าอยู่จัง
ไม่ค่ะ ยังไม่จบ วันแรกของเรายังไม่จบ
เพราะก่อนเข้าที่พักไปหลับไหลกันในคืนนี้
ขอแวะตลาดราตรีอีกสักหนึ่งแห่ง ตลาดแห่งนี้เป็นคล้ายตลาดเปิดท้าย มีข้าวของ เสื้อผ้า
และเน้นหนักไปทางอาหาร แต่ตลาดแห่งนี้ค่อนข้างที่จะปิดเร็วสักหน่อย 2 ทุ่มก็เริ่มวายแล้วหล่ะค่ะ
และเราก็มาถึงตอน 2 ทุ่มไง จริงๆ พี่เจ้าของบ้านพัก บอกเราแล้วว่าที่นี้จะวายเร็ว แต่เราก็ชิลล์เพลินไปหน่อย
และอย่าลืมมองหาซื้อขนมโลเลกินนะ คนอื่นชอบหรือเปล่าไม่รู้ แต่นุ้ยกินคนเดียวหมด 4 ชิ้นเลย
.
.
003 มุกดาหารในวันที่เราได้รู้จักกันมากขึ้น
.
ความใจที่มีหนักมากในวันนี้ คือการตื่นเช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นริมฝั่งโขง
แต่นี่ฤดูอะไรหล่ะ ฤดูฝนไง คิดจะตกก็ตกจ้า …..
แต่ก็ต้องขอบคุณเม็ดฝน ที่ทำให้เราหลับสบาย นอนต่อยันฟ้าสว่างเลยทีเดียว
แต่ตื่นมาอีกที … เจ้าเม็ดฝนเย็นฉ่ำ หายไปแบบไม่มีร่องรอย พรุ่งนี้เราจะมารอพระอาทิตย์กันใหม่
อาหารเช้าของที่นี้จะมีเป็นเซ็ต ให้เลือก มีทั้งหมด 3 เซ็ต
คือไข่กระทะ ข้าวเปียกเส้นกระดูกหมู และ ข้าวจี่ปาเต้ เสิร์ฟพร้อมกาแฟ น้ำส้ม
และแน่นอนสิ่งสุด สิ่งที่ไม่คุ้นหูย่อมเป็นสิ่งที่ถูกเลือกสำหรับนุ้ย
ข้าวจี่ปาเต้ เป็นอาหารเวียดนาม เป็นขนมปังฝรั่งเศส ใส่ไส้ปาเต้
แต่ถ้าเอาตามนุ้ยเข้าใจ จะมีหมูปรุงรส ต้นหอม แครอท หมูยอ ตับหมู ประมาณนี้
แต่อร่อยมาก นุ้ยกินคนเดียวหมดชิ้นเลย
และที่แน่นอนยิ่งกว่าคือต้นจะเลือกสั่งสิ่งที่ตัวเองคุ้นหูเท่านั้น
จัดไปไข่กระทะ กวาดเรียบไม่เหลือเหมือนกัน
อิ่มท้องพร้อมออกไปเที่ยวต่อในวันที่สองแล้ว
แต่เอ้ นี่มันจะ 10 โมงแล้ว ยังนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่
ชีวิตจะสโลว์กันมากไปแล้วน๊า
เริ่มออกเดินทางในวันที่ 2 ของมุกดาหาร
วันนี้เราขับรถออกจากตัวเมืองไปไกลพอสมควรเลย ใช้เวลาขับรถประมาณ 1 ชม.
ปลายทางคือ วนอุทยานแห่งชาติภูหมู เส้นทางเขียวขจี อากาศนี่ชุ่มฉ่ำมาก ตั้งอยู่ที่อำเภอนิคมคำสร้อย
แม้ว่านุ้ยจะเป็นลูกทะเล แต่ก็หลงไหลป่าเขา หนักเอาการ แต่ไม่ถึงขั้นต้องปีนป่ายที่จุดสูงสุดนะ
เส้นทางเข้าขับไปยังอุทยาน ไม่ได้ชั้นมาก ทางค่อนข้างดี ขับสบายเลยทีเดียว
เป็นอุทยานที่ค่อนข้างเงียบเลยค่ะ ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย … หรืออาจจะเป็นเพราะไม่มีใครรู้จักที่นี้กันนะ
แต่สำหรับนุ้ย รู้สึกว่า ..พลาดจัง .. เราควรมานอนกางเต็นท์ที่นี้สักคืน ชอบบรรยากาศแบบนี้
เงียบสงบ ชุ่มฉ่ำ และวิวสวย ตอนเช้าเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ตอนเย็นพระอาทิตย์ตก
เพราะเขาแห่งนี้มี 2 หน้าผา คือ ผาระเบียงตะวัน และผาพบรัก
นุ้ยแทบจะไม่รู้มาก่อนว่าที่นี้มี จุดชมวิว 2 จุด
แต่วันนั้น … มีเจ้าหน้าที่เดินมาทักทายพูดคุย และบอกให้เราไปยังจุดชมวิวอีกจุดชื่อว่าผาพบรัก ่
จนท. บอกว่า สามารถมองเห็นร้อยเอ็ดได้ด้วย …. แล้วเราจะรออะไรกันอยู่
เราขับรถออกมาจากจุดเดิม ไม่เกิน 5 นาที ก็ถึงผาพบรักแล้ว
แล้วไหนร้อยเอ็ด …
โคตรสดชื่นเลย สูดเอาอากาศดีๆ เข้าไปให้เต็มปอด
ถ่ายเทสารพิษออกจากร่างกาย ..
ความครบร้อยของทริปนี้ต้องมาค่ะ
มีทั้งแม่น้ำโขง ภูเขา จะขาดน้ำตกไปก็กระไรอยู่นะจ๊ะ
และแล้วเราก็รีบขับรถตรงไปยังน้ำตกตาดโดด ซึ่งเป็นน้ำตกแห่งเดียว และน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดมุกดาหาร
ก็แน่สิ .. ก็มีอยู่แห่งเดียว ก็ต้องใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว
“ตาด” ในความหมายของภาษาอีสาน คือ “น้ำตก หรือ ลานหินที่มีน้ำไหล”
ส่วนคำว่า “โตน” มีความหมายว่า “กระโดด”
และเมื่อเอาสองคำมารวมกัน …. อาจจะหมายถึงน้ำตกที่กระโดดลงไปเล่นน้ำได้
ซึ่งน้ำตกตาดโตดเป็นน้ำตกชั้นเดียว ที่มีลานหินกว้าง เป็นแอ่งน้ำ
ตามคำบอกกล่าวของคุณป้าที่มาขายของบอกว่า น้ำจะมีทั้งปี
แต่ในฤดูฝนแบบนี้น้ำจะดูขุ่นหน่อย แต่ก็สามารถเล่นน้ำได้
..แต่วันนี้ดูเงียบๆ หน่อย อาจจะเป็นเพราะเมื่อเช้าฝนตกหนัก … ใครจะอยากมาเล่นน้ำตกละจริงมั๊ย
แต่ถ้าหากฝนไม่ตก น้ำไม่ขุ่น คงจะสวยน่าดูเลย
ช่วงเช้าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อาจะเป็นเพราะเดินทางออกไปสัมผัสธรรมชาตินอกเมือง
แต่โชคดีที่นี่รถไม่ติด ไม่เหมือนกรุงเทพที่ต้องคอยเผื่อเวลาเยอะๆ
ทำให้เรายังมีเวลาเหลือพอที่จะไปเที่ยวจุดอื่นได้อีกเยอะ
นุ้ยกลับเข้าเมืองเพื่อหาร้านอร่อย ตามคำบอกเล่าของน้องสาวคนหนึ่ง
นั่นคือร้านครัวเวียดนาม ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นร้านขายอาหารเวียดนามนั่นเอง
วันที่นุ้ยไปกินมีคนพื้นที่ไปกินอยู่หลายโต๊ะเลยทีเดียว
นุ้ยกับต้นสั่งอาหารมาทานเพียงแค่ 3 อย่างเท่านั้น
เป็นแหนมเนืองชุดเล็ก ก๋วยจั๊บญวณ และขนมเบื้อง
นุ้ยชอบแหนมเนืองนะ น้ำจิ้มอร่อย และก๋วยจั๊บก็อร่อยถูกปากเลยทีเดียว
แต่ขนมเบื้องนุ้ยรู้สึกเฉยๆ ไม่พิเศษอะไร แต่เรื่องของกินก็แล้วแต่คนชอบเนอะ ลองแวะมาทานดูละกัน
3 อย่างรวมโค๊กขวดใหญ่ มื้อนี้หมดไป 280 บาท อิ่ม เยอะ ราคาถูกใจ รสชาติถูกปาก ชอบ
อิ่มมาก จนต้องไปเดินให้ย่อย เพราะเป้าหมายในการกินของเรายังมีอีกหลายร้านมากสำหรับช่วงบ่ายของวันที่ 2
และเป้าหมายอีกอย่างของวันนี้คือ การข้ามไปยังสะหวันนะเขต ฝั่งประเทศลาวนั่นเอง
ซึ่งจะนั่งเรือข้ามไป ค่าเรือเพียงแค่ 50 บาท เท่านั้น แต่ปรากฎว่า เราก็ไม่ได้ไปเพราะ เรือออกไม่ตรงรอบ
ขึ้นอยู่กับจำนวนคนของแต่ละรอบด้วย เวลาจะไหลไปเรื่อย ๆ นุ้ยก็เลยตัดสินใจไม่ไป เพราะไม่อยากนั่งรอ
เอาเวลาไปลั๊ลล๊า กับมุกดาหารบ้านเราดีกว่า
เจอแก๊งค์พี่ ๆ สามล้อ ให้ข้อมูลรอบเรือได้ดีมาก ให้ข้อมูลดีกว่าเจ้าหน้าที่ซะอีก
รู้สึกชอบคนมุกดาหาร ทุกคนเป็นมิตรมาก ยิ้มแย้ม
ไหนๆ ก็มาบริเวณนี้แล้วก็ไปเดินช้อปบริเวณตลาดอินโดจีนดีกว่า
จอดรถทิ้งไว้แล้วก็เดินเล่นไปเรื่อย ๆ
เจอร้านกาแฟตามรอยพ่อ แวะไปอุดหนุนสักหน่อย
ร้านพี่เขาเท่มาเลยนะ เป็นร้านที่ตั้งอยู่ท้ายกระบะเก่าๆ คันหนึ่ง ดัดแปลงให้เป็นร้านกาแฟ
ตั้งอยู่บริเวณฟุตบาทริมฝั่งโขง ใกล้ๆ กับตลาดอินโดจีน
จัดไป กาแฟโบราณ 25 บาท
จริงๆ นุ้ยว่าตลาดอินโดจีนมันดูเงียบ ๆ และซบเซาลงเยอะนะ
แต่อาจจะเป็นเพราะนี่คือวันธรรมดา ไม่มีนักท่องเที่ยวมามากนัก
สำหรับคนในจังหวัด ก็คงแวะเวียนกันมาเรื่อยๆ ซื้อของที่จำเป็น
เป็นตลาดที่มีของให้เลือกซื้อเลือกหากันพอสมควร .. ลองแวะเวียนมาเดินดูกันนะ
เผื่อได้ของที่ถูกใจ … สำหรับนุ้ย แค่ได้เดินดูก็สบายใจแล้วคร๊าาาา
อ้าว จู่ๆ แดดก็ออกมาทักทาย ฟ้าก็สว่าง สวยซะงั้น
เดินจนให้มื้อเที่ยงย่อยกำลังดี ไปตามล่าร้านเด็ดร้านต่อไป
จากสายชิลล์ เราจะเข้าสูโหมดสายกินแบบเต็มตัว ก็ที่มุกดาหารนี่แหละ
จำชื่อร้านก็ไม่ได้ รู้แค่ว่าเป็นร้านขนมถ้วย ขนมเหนียว อยู่หน้าสถานีตำรวจ
นี่คือหน้าตาขนมเหนียว มันดูหน้าตาน่าทานมาก เขาว่ากันว่ามันเป็นอาหารเวียดนามเหมือนกันนะ
สั่งมาแล้วจานละ 30 บาท
จานนี้เป็นขนมเหนียว (บั๋น-โบด-ล็อค) ตอนแรกนุ้ยไม่กล้ากิน ให้ต้นลองชิมก่อน
พอต้นบอกว่าอร่อยเท่านั่นแหละ กินตามแล้วเฮ้ย อร่อยจริงๆ ด้วย
แต่ลักษณะจะเป็นคล้ายๆ กับสาคูไส้หมูอะไรประมาณนั้น แต่จะมีราดน้ำจิ้ม
และโรยด้วยแคปหมู บอกเลยว่าพลาดไม่ได้นะจ๊ะ
และจานนี้คือขนมถ้วย(บั๋น-แบ๋ว)
แหม่ ได้ยินชื่อครั้งแรก นี่ฉันต้องมีกินขนมถ้วยไกลถึงฝั่งโขงเลยเหรอค่ะ
แต่พอมาเห็นปุ๊บ ไม่ใช่ขนมถ้วยในจินตนาการนี่นา
แต่เป็นขนมถ้วน แบบแป้งนิ่มๆ ถล้ายๆ กับขนมถ้วยที่เราเคยกินนี่แหละ แต่ไม่ได้ใส่กะทิ
โดยมีเครื่องเคียงเป็นหมูปรุงรถ กระเทียมเจียว ต้นหอม แคปเหมู และหมูหย่อง ราดด้วยน้ำจิ้ม
คืออร่อยมาก สนนราคาที่ 30 บาทเท่ากันเลย
อะเค้าป้อนนะที่รัก
พอค่ะพอ
หยุดเรื่องกิน แล้วกลับเข้าที่พักกันดีกว่า เพราะวันนี้ตั้งใจจะทานข้าวเย็น สะหวันสำราญนี่แหละ
เพราะนอกจากจะเป็นที่พักแล้วยังเป็นร้านอาหารอีกด้วย ที่สำคัญเลยคือวิวสวย บรรยากาศ
แล้วเราจะออกไปดิ้นรนข้างนอกทำไม อยู่นิ่งๆ ซึบซับความเป็นมุกดาหาร ในแบบที่เราชอบดีกว่า
พอแค่หายเหนื่อย ยังไม่ทันหายอิ้ม เราก็เริ่มมื้อเย็นกันอีกแล้ว
มื้อนี้เรายังเลือกสั่งแหนมเนืองเหมือนเดิม … ก็มาถึงถิ่นกินซะให้หายยาก
กลับใต้ตอนไหน ก็ไม่มีแหนมเนืองอร่อยๆ ให้กินแล้ว
แหนมเนืองที่สะหวันสำราญ ค่อนข้างแปลกจากที่นุ้ยเคยกิน
เริ่มจากเป็นน้ำจิ้มสูตรพิเศษของคุณยาย เป็นสูตรโบราณ
และอย่างที่สองคือแป้งที่ใช้ห่อ เป็นแป้งชนิดบาง ไม่ต้องแช่น้ำ สามารถกินได้เลย
มันก็จะแปลกๆ หน่อย แต่อร่อยดีนะ
จานนี้เด็ดมาก นุ้ยกินเกลี้ยงไม่เหลือเลย
จานนี้คือ สลัดเวียดนามค่ะคุณ เป็นผักสดหลายชนิด ทานคู่กับไข่ต้ม และน้ำสลัดน้ำใส
แต่ทีเด็ดมันอยู่ตรงหมูทอดกระเทียมที่โปะอยู่ด้านบน คือดูแปลกๆ แต่อร่อย เข้ากันมาก
จานนี้ เรคคอมเมน นะ
ลาบปลาคัง ขอบคุณที่ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อปลาคังเปลี่ยนไป
เคยกินปลาคังครั้งแรก และครั้งเดียวที่เชียงคาน แล้วไม่ถูกปาก มันคาว มันมีกลิ่น
และไม่เคยกินอีกเลย ไม่ว่าใครจะว่ามันอร่อยแค่ไหนก็ตาม
แต่วันนี้ อะไรเข้าฝันให้สั่งก็ไม่รู้สินะ แต่ทำให้นุ้ยกลับมากินปลาคังได้ เพราะไม่มีกลิ่น ไม่คาว
และรสลาบอร่อยมากๆ แซ่บหลายๆ
สุดท้ายเป็นต้มแซ่บเนื้อตุ๋น เมนูนี้นุ้ยไม่ได้ชิมเพราะไม่กินเนื้อ
แต่ที่รู้คือกลิ่นหอม และในหม้อมีความเข้มข้นแบบสุดๆ
พอตกเย็น …..
ว๊าวววววววววววววว ….. ทำไมสวยขนาดนี้ ทำไมชิลล์ขนาดนี้
ลมที่พัดมาเบาๆ ทำให้ช่วงเวลาแบบนี้มีความสุขมาก รอยยิ้มเปื้อนหน้าไม่หายเลย
บรรยากาศยามเย็น ที่สะหวันสำราญ โรแมนติคสุดๆ เลย
นอกจากบริเวณด้านนอกระเบียงแล้ว
ด้านในก็ยังมีมุมให้เลือกนั่งนะ
บริเวณรอบๆ บ้านพัก สวยสุดๆ ถ้าใครมามุกดาหาร นุ้ยขอแนะนำเลยค่ะ
รับรองว่าจะชอบ และติดใจ อยากกลับมาอีกแน่นอน
นุ้ยกับต้นนั่งเล่นๆ เอื่อยๆ เรื่อยๆ ให้เวลาเดินไปอย่างช้า
จนฟ้ามืดลงตอนไหนแทบจะไม่รู้ตัว กว่าจะรู้อีกที อ้าว 2 ทุ่มแล้วเหรอ
ก็เลยออกไปเดินเล่นกันที่ตลาดศรีบุยเรือง หรือ Night Box พี่เจ้าของที่พัก แนะนำมาว่า แวะมาเดินเล่นชิลล์ๆ ได้
เปิดประมาณ 1 ทุ่ม อยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก
บรรยากาศก็จะชิคๆ ฮิปๆ หน่อย เป็นประมาร ร้านนั่งดริ้ง ร้านอาหาร มี่ทั้งร้านเครื่องดื่ม อาหารคาว อาหารหวาน
แต่ละร้านจะตกแต่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์
และสิ่งที่นุ้ยจะบอกว่าห้ามพลาดคือ ต้มยำกระดูดหมูชามนี้ กับเบียร์สักขวด
กระดูดกหมูตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม กับน้ำซุปที่แซ่บสะเด็ดจัดจ้านมากๆ
เมนูนี้ อยู่ที่ร้าน Box Zapp ตู้คอนเทนเนอร์สีส้ม ด้านในสุดของตลาด
004 เช้าวันสุดท้าย บะบ๊าย มุกดาหาร
วันนี้ยังคงเป็นวันที่ตื่นเช้าเหมือนเดิม
กับการคาดหวังที่จะได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นริ่มฝั่งโขง แต่ตื่นมาเจอฟ้าขาวโพลนขนาดนี้
รู้ได้เลยว่า … ควรจะออกไปเดินเล่นหาอะไรกิน เพราะคงไม่มีอาทิตย์โผล่มาสักดวงแน่ๆ
อันที่จริง อาหารเช้าที่ที่พักก็มีนะ
แต่ชีวิตมันชอบการดิ้นรน มาถึงเมืองเขาทั้งที ก็อยากออกไปสัมผัสวิถีเขาสักหน่อย
เช้านี้ก็ขับรถไปบริเวณ 5 แยกเวียดนาม ซึ่งย่านนั้นจะมีร้านอาหารเช้าในแบบฉบับเวียดนามเยอะมาก
ร้านแรกที่ลองชิม เช้านี้คือ ข้าวเกรียบปากหม้อป้าเหว่
หลังจากได้ลองชิมแล้ว บอกได้คำเดียวว่าถ้าไม่ได้กินนี่คือพลาดหนักมาก พลาดจริงๆ นะ
ร้านนี้จะเป็นร้านปากหม้อญวณอาหารเช้าสไตล์เวียดนาม มีให้เลือกลิ้มรถสถึง 4 แบบนะเออ
ร้านปากหม้อป้าเหว่ ตั้งอยู่ตรงข้าม สมคิดมอเตอร์
ร้านจะเปิดตั้งแต่เช้าเลย จนถึงช่วงบ่าย (แต่แนะนำว่าให้ไปเช้าๆ นะค่ะ เพราะว่าจะหมดเร็วมาก)
และนี่คือป้าเหว่ ผู้เป็นเจ้าของความอร่อย และใจดีมากๆ
นุ้ยไปถึงร้านก็นั่งทำหน้างงๆ
เอ้ ..เขาสั่งกันยังไงน๊า แต่ป้าเหว่น่ารัก เห็นเราเป็นนักท่องเที่ยวก็บอกให้เรานั่งรอตามคิวแปบ เดี๋ยวป้าจัดให้
และจะบอกว่า ร้านป้าขายดีมาก รอคิวยาวเลยทีเดียว ของอร่อย เราต้องรอน๊า
ข้าวเกรียบปากหม้อ ของป้าเหว่ จะมีทั้งหมด 4 แบบ
คือข้าวเกรียบกรอบ ข้าวเกรียบนิ่ม ไข่ตี ไข่ดาว
สำหรับน้ำจิ้ม จะเป็นน้ำจิ้มที่ปรุงรสมาแล้ว แต่แยกพริก ให้เราสามารถปรุงได้เผ็ดตามใจชอบ
ซึ่งรถสชาติจะหวานๆ เผ็ดๆ อร่อยมาก
วันนี้นุ้ยได้ลองแค่ 2 อย่างตามที่ป้าเหว่จัดให้
นั่นคือข้าวเกรียบแบบกรอบ มาพร้อมหมูยอ มันอร่อยมาก มากจริงๆ นะ
มีคุณยายชาวมุกดาหารคนหนึ่ง นั่งติดกับนุ้ย บอกนุ้ยว่า ถ้าเห็นป้าเหว่เปิดวันไหน ต้องรีบมากินเลยนะ
เป็นร้านข้าวเกรียบปากหม้อที่อร่อยที่สุดในมุกแล้ว
(ร้านป้าเหว่ปิดวันจันทร์ แต่บางครั้งก็ตามอารมณ์)
สำหรับแบบนิ่มก็อร่อยน๊า อยากกินอีก 2 แบบที่เหลือ แต่อยากลองอีกหลายร้าน
เลยต้องหยุดไว้แค่ 2 แบบ
เดินถัดจากร้านป้าเหว่ มาอีกนิดหนึ่งเจอร้านข้าวเหลืองเวียดนาม
ซึ่งหมดเร็วมาก และห่อที่นุ้ยได้มาคือห่อสุดท้ายของร้านในวันนั้น
จะเป็นข้าวเหนียวสีเหลือ โรยด้วยถั่ว น้ำตาล หอมเจียว กากหมู เเละงา
ตอนแรกก็แอบงง ว่านี่คือของคาว หรือหวาน พอได้ลองชิม ก็ไม่รู้หรอกว่าคาวหรือหวาน
แต่มันอร่อยดี เข้ากันแบบไม่น่าเชื่อ หอม หวาน มัน
อีกหนึ่งเมนูที่ไม่ถนัดเลย แต่คนในพื้นที่บอกว่าอร่อย
เอานาไหนๆ ไม่รู้จะได้มามุกดาหารอีกเมื่อไหร่ มาแล้วก็ต้อง
นั่นคือ เลือดแปลง เป็นเลือดสด และมีเนื้อเป็ด และเครื่องในที่สุกแล้วอยู่ด้านใน
ปรุงรสด้วยถั่ว พริก และน้ำจิ้ม ทานคู่กับผักสด
จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ร้าน ร้านที่นุ้ยไปทานเป็นเลือดเป็ด อีกร้านจะเป็นเลือดหมู
ลองไปทานกันดูนะค่ะ
โอ๊ย !! นี่แค่มื้อเช้าก็ฟาดไปกี่อย่างแล้วหล่ะ สงสัยต้องอยู่ต้องอีกวันแล้วล่ะ
แต่ก็ใช่ว่าจะหยุดกินนะ ยังมีอีกหนึ่งร้านที่ต้องไปลองนั่นคือร้านขนมรังผึ้ง ระดับตำนาน ขายมากว่า 40 ปีแล้ว
ทำเตาเดียว สดใหม่ทุกวัน ความอร่อยอยู่ที่แป้งนุ่มๆ และมีเนื้อมะพร้าวผสมอยู่
ร้านอยู่หลังสถานีตำรวจ
ร้านขนมรังผึ้งอยู่หลังสถานีตำรวจ แต่อยู่หน้าร้านขายของชำร้านหนึ่ง
และเช้านี้เราก็ยังไม่ได้กินกาแฟกัน ก็เลยจัดกาแฟที่ร้านของชำนี่แหละอีกแก้ว
นั่งดูวิถีชีวิตชาวมุกไปเรื่อยๆ
หลังจากนั้นก็กลับมาหลับต่ออีก 1 งีบ แล้วอาบน้ำอาบท่า เช็คเอ้าท์
พร้อมบะบ๊ายมุกดาหาร
สำหรับการเดินทางกลับ เรายังคงกลับทางเดิม คือขับรถไปยังสนามบินสกลนคร แล้วบินกลับกรุงเทพฯ
ระหว่างทางก็ยังคงเที่ยวไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นทางผ่านเข้าสกลนคร
เริ่มกันที่แวะสักการะองค์พญานาค … ไปลามาไหว้ นาจา
ซึ่งศาลองค์พญานาค ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2
เรื่องบางเรื่อง เราไม่อาจเห็นได้ด้วยตา ไม่อาจสัมผัสได้ด้วยการกระทำ
แต่อะไรที่เขาบอกว่าดี นุ้ยก็พร้อมที่จะทำเพื่อความสบายใจ
ลอยดอกไม้สวรรค์กันค่ะ
สถานที่ต่อมาคือ โบสต์คริสต์วัดสองคอน ตั้งอยู่ที่บ้านสองคอน ตำบลโป่งขาม อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหารนี่แหละค่ะ
วัดสองคอนคือสถานแห่งมรณะสักขี และได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์คริสต์นิกาย โรมันคาทอลิก
ที่สวยและใหญ่ที่สุดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
โบสต์คริสต์วัดสองคอน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเทิดพระเกียรติบุญราศีมรณสักขีทั้ง 7
ที่อุทิศชีวิตในป่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อ พิสูจน์ศรัทธา ที่ มีต่อพระเจ้า
เมื่อครั้งเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เนื่องจากในระยะนั้นผู้คน แถบชายแดนจะศรัทธาและนับถือศาสนาคริสต์กันเป็นจำนวนมาก
และบาทหลวงส่วนใหญ่เป็นชาวฝรั่งเศส ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด คิดว่าศาสนาคริสต์เป็นศาสนาของฝรั่งเศส
จึงมีคนกล่าวหากันว่าคนที่นับถือคริสต์ช่วงนั้นจะฝักใฝ่ฝรั่งเศส ทรยศต่อประเทศชาติ
นุ้ยเป็นคนหนึ่งที่ชอบศึกษาเรื่องราวในอดีต
เพราะไม่ได้เป็นแค่การได้รู้เรื่องราวที่ผ่านมา แต่เป็นบท ให้เราดำเนินชีวิตไปข้างหน้าได้ดี
เรื่องบางเรื่องก็ละเอียดอ่อนเกินที่เราจะคาดเดา เรื่องบางเรื่องก็ลึกซึ้งเกินเราจะได้เข้าใจ
และที่สุดท้ายสำหรับทริปนี้คือ แก่งกระเบา
แก่งกระเบาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามเลยนะ มีลักษณะเป็นแก่งหิน และโขดหินขวางกั้นแม่น้ำโขง
และมีการกัดเซาะ ทำให้เกิดรูปร่างที่สวยงาม ต่างกันไป
แก่งกะเบา ตั้งอยู่ เขตบ้านนาแก น้อย ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ห่างจากตัวจังหวัดมุกดาหาร 35 กม
แต่มาถึงแก่งกระเบา ต้องกินหมูหันนะเธอ ไม่กินเขาว่ามาไม่ถึง
สนนราคาอยู่ที่ตัวละ 1000 -1300 บาท
บริเวณแก่งกะเบามีร้านอาหารอยู่หลายร้าน เลือกนั่งกันได้เลย
แต่ที่เห็นเด่นชัดคงเป็นร้านศิริชัย ที่มีหมูหันเยอะมาก หันกันไม่ได้หยุดได้หย่อนเลย
แต่จะเล่าความผิดพลาดของนุ้ยนิดนึงตอนจอดรถ ก็มีเด็กเดินมารับออเดอร์ ถึงรถเลยนะ
นุ้ยก็คิดว่าเป็นเด็กจากร้านศิริชัย ปรากฎสั่งอาหารเรียบร้อย น้องขับรถมอเตอร์ ออกไปเอาอาหารจากไหนมาก็ไม่รู้
อึ้งไปแปบนึงแต่ก็ไม่ได้กินอะไรมาก แต่ปรากฎคืออาหารไม่ค่อยถูกปากสักเท่าไหร่
แต่เรื่องรสชาติอาหารมันเป็นเรื่องส่วนบุคคลเนอะ คนอื่นอาจจะชอบก็ได้
(แค่อยากเล่า)
แต่บริเวณที่นุ้ยนั่งกิน เป็นซุ้มอยู่ริมแก่งกระเบานี่แหละคะ อากาศดีมาก
กินจนอิ่ม ก็ลงไปถ่ายรูปกับแก่งกระเบา
แต่คุณค่ะ ฝนกำลังจะมาอีกแล้ว ไม่ได้มีเวลาให้โพสต์ท่ากันเลย
อยู่มุกดาหาร 3 วัน เจอฝนทั้ง 3 วัน แต่โชคดีที่ไม่ได้ตกตลอดเวลา
เพราะมีแสงแดดโผล่ลอดออกมาทั้งทายกันเป็นระยะ
ในช่วงฤดูแล้ง คงจะสวยกว่านี้ เพราะน้ำคงใส่แจ๋ว
ถ่ายรูปเล่นอยู่ได้ไม่นาน..ก็ตัดสินใจกลับ บะบ๊ายมุกดาหารจริงๆ สักที
ตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืน เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ในจังหวัดที่ดูไม่มีอะไรหวือหวา น่าตื่นเต้น
ไม่มีอะไรที่ต้องร้องว้าววว …. แต่กลับรู้สึกดี รู้สึกชอบ แบบหาเหตุผลไม่ได้
แต่เรื่องราวต่างๆ ในทริปเราจะสัมผัสมันได้ที่ละน้อย ทีละนิด
ความสวยเล็กๆ ของธรรมชาติ ความชิลล์เบาๆ ของแม่น้ำโขง ความสโลว์ๆ ในการใช้ชีวิต
ความอร่อยของอาหาร และรอยยิ้มของผู้คนในจังหวัดนี้ …..
ทำให้เราสองคนรู้สึกว่า …. ถ้าสักวันหนึ่ง เราสองคนอยากจะพัก อยากจะหนีโลกกว้าง โลกที่คุ้นเคยอีกครั้ง
มุกดาหารจะอยู่ในตัวเลือกของเราแน่นอน
.
.
ติดตามเรา
Fanpage : https://www.facebook.com/MyLifeMyTravels
WebSite : www.mylifemytravels.com
Youtube : https://goo.gl/0bnw9a
Instagram: https://goo.gl/G7qsVC
สนใจติดต่องานได้ที่ mylifemytravels@gmail.com
หรือ โทร. 094-5929142
#แฟนพาเที่ยว #mylifemytravel #NuiKaTon #Coupletravelers