นานมากมายแล้วที่ไม่ได้หยิบจับอะไรในกรุงเทพมารีวิว
ตั้งแต่รีวิว “นี่หรือ กรุงเทพ” ไว้นานนับปีที่เว็ปพันทิป
( http://goo.gl/5IMOha เอาเรื่องราวมาเก็บไว้ที่ลิงค์นี้ด้วย )
ปกติเราอยู่กรุงเทพแค่แปบๆ แม้จะไปบ่อย จนคล้ายว่าอยู่ที่นั่น แต่ส่วนใหญ่ก็ไปทำงาน
แต่ครั้งนี้ได้มีโอกาสอยู่นานๆ และตั้งใจไปแก้ปีชง เลยถือโอกาส เก็บเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง
การเดินทางครั้งนี้ก็เช่นเคย เจ้าเก่าเจ้าเดิม
บินตรงจากภูเก็ตสู่กรุงเทพด้วยสายการบิน บางกอกแอร์เวย์ ประมาณว่าอยากสวยเหมือน ญาญ่า ต้องขยันนั่ง
ข้อดีของบางกอกแอร์เวย์ มีหลายประการ
แต่ที่ง่ายๆ คือ มีที่นั่งให้นั่งมีอาหารกิน มีปลั๊กไฟให้ชาร์ตแบต และมี Wifi ให้เล่น
ที่สำคัญเปลี่ยนไฟท์ ได้ด้วยนะเธอ
สำรองจองตั๋วกันได้ที่นี้เลย https://www.bangkokair.com/tha
การเดินทางที่สะดวกที่สุดคงหนีไม่พ้นการขับรถเอง
เพราะบางจุดรถประจำทางเข้าไม่ถึง แม้ว่าการขับรถเอง GPS จะพาเราหลงบ่อย
แต่ก็ดีกว่าขึ้นรถเมย์ผิดสาย จ่ายค่าแท็กซี่ต่อวันเกือบพัน
เราเช่ารถของไทยเร้นท์ ที่สนามบินสุวรรณภูมินั่นแหละ เพราะตอนนี้เขามีโปรโมชั่น 499 อยู่
ดูรายละเอียดรถเช่าได้ที่ลิงค์นี้นะ เราเคยเขียนไว้ http://goo.gl/wxkUri
แต่ต้องบอกก่อนเลยว่า ราคานี้ยังไม่รวม Vat และประกันชั้น 1 นะคะ รวมแล้วก็ประมาณ 7 ร้อยนิดๆ
ยังไงก็ยังถูกกว่าเจ้าอื่น โปรโมชั่นนี้ถึง 30 มิถุนายน 2559 เท่านั้นนะ
นั่งเป็นคุณนายชูคออยู่ในรถ ถามว่าทำไมเช่าอัลเมร่า
ข้อแรก ราคาถูกสุด
ข้อสอง รถใหม่เอี่ยมเพราะเขาพึ่งออกรถใหม่
ข้อสาม รถเล็กประหยัดน้ำใหม่ หาที่จอดง่าย
ภายในรถก็กว้างอยู่นะ (ปล.ภาพนี้ถ่ายตอนจอดที่บ้านเพื่อน )
รถพร้อมคนพร้อม หลังจากเสร็จงานเสร็จภาระกิจ ช่วงเวลาที่เหลือในกรุงเทพ
กลายเป็นวันหยุดชิลๆ วันสบายๆ ในกรุงเทพ ที่จะสบายหรือเปล่า ไปดูกัน
วันนี้เรามาเริ่มกันที่การสำรวจ ” ป่าในกรุง “
เรารู้จักโครงการนี้จากโฆษณาในทีวี หาข้อมูลเพิ่มเติมนิดหน่อยก็บึ่งรถไปได้เลย
โครงการป่าในกรุง ตั้งอยู่ที่ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ
โครงการป่าในกรุง เปิดให้เข้าชมทุกวัน 9.00-16.00 น
(ปิดเฉพาะวันจันทร์ แต่ถ้าหากตรงกับวันหยุดนักขัษตฤกษ์ เปิดน๊า)
ถ้าพร้อมแล้วเข้าไปกันเลย อ้อ ! เราลืมบอกไปอีกข้อ ที่นี้ไม่มีค่าเข้านะคะ
เข้ามาด้านในบรรยากาศค่อนข้างต่างบริเวณริมถนนเหลือเกิน
ผนังทางเดินเป็นลักษณะคล้ายกำแพงดินอัด
ทำให้รู้สึกเย็น ช่างแปลก เพราะถ้าเราเดินผ่านจุดนี้ไป อากาศก็ร้อนเช่นเดิม
ระหว่างทางเดิน
มีการแสดงเมล็ดพันธุ์ ต้นไม้หลากชนิด
เอาจริงๆ มั๊ย …เราไม่เคยรู้เรื่องราวพวกนี้มาก่อน
ทั้งที่เป็นคนใต้ แต่เราไม่เคยรู้จักแม้กระทั่งเมล็ดพันธุ์ยางพารา
เอามาจัดแสดงแบบนี้
เรียกความสนใจจากเราได้เยอะเลยทีเดียว เราเข้าไปจ้องๆ มองๆ ทุกกล่องเลยว่า
เมล็ดพันธุ์นี้คือต้นอะไร ที่สำคัญตอนอยุ่ในกล่องแบบนี้มันดูสวยจัง
เดินมาถึงจุดกึ่งกลาง ของป่ากลางกรุง
ที่นี้มีพื้นที่ทั้งหมด 12 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ป่า 75% น้ำ 10% และพื้นที่ที่ใช้งาน 15%
ที่นี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่
ส่วนแรก จะเป็นห้องจัดนิทรรศการบอกเล่าวความเป็นของโครงการ แนวทางการศึกษา และทฤษฎีฟื้นฟูป่า
ส่วนที่สอง จะเป็นห้องฉายภาพยนต์ เนื้อหาเพื่อจูงใจ ให้เรามีจิตสำนึกในการักษ์ป่า
และ ส่วนที่สาม สำคัญมาก คือเส้นทางศึกษาธรรมชาติ (Sky Walk)
ซึ่งจะแตกต่างกับการเส้นทางศึกษาธรรมชาติอื่นๆ
เพราะที่นี้เป็นการศึกษาเรือนยอด
หรือเรียกกันแบบง่ายคือการเดินดูยอดไม้นั่นแหละ
ทางมันสวย ขอเป็นนางแบบสักครู่ ก่อนพาไปดูป่า
เคป่ะ ?
ได้เวลาออกสำรวจโลกแล้วค๊าา (เว่อไปนิด)
จุดเริ่มต้นของ Sky walk มองย้อนกลับไปด้านหลัง
ตอนนี้ ต้นไม้ในพื้นที่นี้ยังคงเล็กอยู่ กิ่งก้านยังไม่แข็งแรงเท่าไหร่นัก
แต่ในอนาคตเราว่าที่นี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติกลางกรุงที่ดีเลยทีเดียวหล่ะ
Sky walk เป็นเพียงระยะทางสั้นๆ แค่ 200 เมตร ให้เราเดินดูเรือนยอดของต้นไม้
ในแต่ละจุดจะมีป้ายอธิบายถึงพันธ์ไม้อยู่ด้วย มีความรู้ด้วยนะคุณ
ทางเดินจะเชื่อมมาจนถึงหอชมวิว
มีความสูงถึง 23 เมตร ดูไม่ค่อยสูงแบบนี้พอขึ้นไปจริงก็หวิว ๆ อยู่เหมือนกัน
ต้นไม้ก็มีหลายแบบนะค่ะ เขาจำลองพื้นที่มาหลายเลยทีเดียว
ป่ายชายเลนก็มี ต้นโพธิ์ ต้นโกงกาง ลำพู ลำแพง มาเพียบ
แหม่ๆ พอต้นไม้โซนน้ำเค็ม ดันรู้จักซะงั้นนะเรา
ที่นี้จะเป็นศูนย์เรียรู้ที่ดี ถ้าเราใฝ่จะรู้ค่ะ
เรื่อง เล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่รอบตัว ที่เรามองข้ามไป อาจจะทำให้เรายิ้มได้ในบางครานะค่ะ
แม้ที่นี้จะไม่ได้ใหญ่โต สมกับชื่อที่เรียกว่า ป่ากลางกรุง เพราะมีขนาดพอๆ กับสวนขนาดใหญ่
แต่เชื่อเถอะ ต้นไม้ 1 ต้น มีพลังมหาศาลที่จะให้เรายังคงดำรงชีวิตต่อไป
เบื่อห้างฯ ลองมาเดินสำรวจที่นี้ดู บางทีคุณอาจจะได้คำถาม และคำตอบกลับไปมากมาย
มาสร้างจิตสำนึกรักษ์ป่ากันค่ะ …..
แม้จะสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าร่างกายไปเยอะ
แต่ก็เสพย์ยูวีเข้าไปแยะเช่นกัน ถึงขั้นหน้ามืดได้ถ้ามาตอนแดดเปรี้ยง
แต่เรามีตัวช่วย เล็งไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าไป
มีร้านกาแฟเท่ห์ อยู่ใกล้ ป่าในกรุง
ชื่อร้าน *** @เชียงใหม่ คุณค๊าา มันควรจะเป็น @bangkok ป่าวค่ะ
ไม่ต้องแปลกใจค่ะ ร้านนี้เขามีหลายสาขา แต่ต้นตำรับคงเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกซะจากเชียงใหม่นั่นเอง
ส่วนสาขานี้ก็ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับโครงการป่าในกรุง
สาขาลาซาล สุขาภิบาล 2 จ้า
บอกได้คำเดียวว่าร้านเท่ห์มาก เข้าไปดูด้านในกันเถอะว่ามันเท่ห์เหมือนด้านนอกมั๊ย
ภายในร้านเป็นแบบสบายๆ ชิล มีมุมให้เลือกนั่งเยอะพอควร
ร้านนี่พึ่งเปิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์นี่เอง
เมนูน่ารักมาก
สิ่งที่เราปลาบปลื้มที่นี้มากคือ เมนูเครื่องดื่มเยอะมาก มากินทุกวัน 3 เดือน เราว่ายังกินไม่ครบทุกเมนูเลย
และราคาไม่สูงด้วยนะ แต่ละแก้วไม่ถึงร้อย สำหรับเรา คือดีงาม
เราจำชื่อเมนูไม่ได้ มันคือเฉาก๋วยชานมปั่น อร่อยมาก
ขนมปังกรอบ เนยนม ชุดเล็ก มาประมาณ 2-3 ลูก เราจำไม่ได้
เราจำได้แค่ว่า มันกรอบนอกนุ่มใน
ด้านในฉ่ำไปด้วยเนยและนมเยิ้ม ๆ ฟินมาก
ออกจากป่ามาร้อนๆ ได้เครื่องดื่มเด็ด กับขนมอร่อย
เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
ในร้านยังมีของเล็กๆ น่ารัก ตกแต่งอีกเพียบด้วย
งานนี้เพลินเลยนั่งซะพักใหญ่
น่ารักไปไหน … ยังคิดอยู่ในใจว่ามันกินได้ใช่ม่ะ ถ้าซื้อไปจะโดนหลายแย่งหรือเปล่า
มาต่อกันอีกร้าน ที่เรา เจอโดนบังเอิญ
เรานัดกินข้าวกับเพื่อนแถวๆ ราม เสิร์ชข้อมูลหาเจอร้านนี้
ต้นไม้เยอะดี .. ทำให้เรารู้สึกว่า เฮ้ย!! กรุงเทพก็มีร้านธรรมชาติๆ แบบนี้เนอะ
ชื่อร้านก็เข้ากั๊น เข้ากัน กับบรรยากาศ บ้านในสวน
ร้านตั้งอยู่ริมถนนหัวหมาก หรือถนนเส้นหลังรามคำแหงนั่นล่ะค่ะ
เดินทางง่าย ป้ายร้านค่อนข้างใหญ่ หาเจอได้ไม่ยาก
ก้าวเข้ามาในร้าน เต็มไปด้วยต้นไม้ บรรยากาศถือว่าร่มรืนเลยทีเดียว แต่โต๊ะเกาอี้ ดูเก่าไปสักหน่อย
อาจจะเป็นเพราะ ตอนเราไปตรงบริเวณหน้ามีการปรับปรุงถนน กันอยู่
มีน้ำตกจำลองด้วยนะเธอ
กรุงเทพ ก็สดชื่นมุ้งมิ้งได้
ไปนั่งด้านในกันเถอะ ตอนกลางวันแดดแรงๆ ยังร้อนอยู่
ไปในโซนด้านใน เม้าท์มอยเย็นๆ ได้มันส์กว่า
เข้ามาด้านใน
ร้านตกแต่งแนว แนวอะไรละแบบนี้ เราก็เรียกไม่ถูกด้วย
แต่มันดูคลาสสิคดีนะ กระจกสี แต่เราชอบบานประตูที่มันเป็นกระจกรอบด้าน
มุมน่ารักๆ เขาก็มีนะ
เรามาสตาร์ทกันด้วยอาหารหนัก
เพราะตอนแรกคิดว่าคงนั่งไม่นาน ทานข้าวให้อิ่มแล้วค่อยไปเที่ยวต่อ
เมนูแรกออกแนวทานเล่น ชื่อนางงามสองหน้า
ฝั่งหนึ่งเป็นแผ่นแป้งอีกฝั่งเป็นสาหร่าย รสชาติอร่อยค่ะ แต่ติดแข็งไปนิด
เมนูที่สอง ข้าวหมูนุ่มกระเทียม อร่อยดีค่ะ แต่ถ้าจัดจานอีกสักนิดปอกแตงกว่าอีกสักหน่อย
เราจะแฮปปี้มากขึ้น …เราเรื่องเยอะไปเนอะ
สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ที่นี้แปลกตรงที่มีไข่แดงดิบมา 1 ฟอง
รสชาติเข้มข้นดีค่ะ
จานนี้เรากินเองคนเดียวหมดเกลี้ยง
สปาเก็ตตี้ปลาเค็ม เบคอน
อันที่จริงแค่อาหารจานหลักๆ ก็ทำเราอิ่มจนแน่นท้องแล้วหล่ะ
แต่ใครละจะไปคิดว่าเราจะนั่งอยู่ร้านนี้นานถึง 3 ชั่วโมง
นั่งต่อก็เริ่มหิว เกรงใจอีกอย่าง
ขนมและเครื่องดื่มจึงตามมา
วอฟเฟิลกรอบๆ อุ่นๆ เสิร์ฟมาพร้อมไอศครีมคุกกี้แอนครีม น้ำผึ้ง และกล้วยหอม
ความสุขจึงบังเกิด
สำหรับเครื่องดื่มรสใช้ได้เลยค๊าา
อิ่มไปอีกหนึ่งมื้อ ขอบคุณที่ให้พวกเรานั่งเม้าท์เกือบครึ่งวัน
นั่งกันจนเย็น ได้เวลาเปลี่ยนที่นั่งกันแล้ว
วันนั้นเป็นเย็นวันพฤหัส มีตลาดนัดสวนรถไฟแถวศรีนครินทร์
จะรออะไรอยู่ละ ไปเดินเล่นกันต่อเลย
จะว่าไปแล้วตลาดนัดมันก็คือตลาดนั่นแหละ
แค่มีพื้นที่ใหญ่กว่า ขายของเยอะกว่า อาหารมีให้เลือกมากกว่า และมีมุมให้ถ่ายรูปมากกว่า
ตลาดนัดรถไฟศรีนครรินทร์ มีทุกวันพฤหัส – ถึงอาทิตย์ เริ่มเปิดตั้งแต่ 5 โมงเย็น
หลายคนอาจจะยังงงเหมือนเรา ตอนแรกก็งง อ้าวตลาดนัดรถไฟมี 2 ที่เหรอ
ใช้จ้า มี 2 ที่ คือที่นี้ และที่รัชดา แต่ที่นี้จะมีพื้นที่ใหญ่กว่าถึง 70 ไร่
ไหนบอกว่าตลาดนัดทั่วไป ทำไมมันใหญ่ขนาดนี้ฟ่ะ
การเดินทางก็ตามนี้นะ
ที่นี้ แบ่งออกเป็นหลายโซน โซนไหนบ้าง เรื่องนี้เราข้อมูลไม่แน่น แต่เราชอบโซนคลาสสิค
ของโบราณๆ เพียบ สวยๆ ทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นพวกรถ โคมไฟ ตู้น้ำ ขวดแบบต่าง ๆ
อยากมีแบบนี้สักคันเอาไว้ขับเที่ยวทั่วไทย
แต่ถ้าขับคันแบบนี้ไป กี่วันหนอจะไปถึงปลายทาง
แก๊งส์นี้ก็น่ารักน๊าา
มีกระจกหน้าด้วย เอากะเค้าสิ
นอกจากโซนคลาสสิคแล้ว
เราว่าร้านแนวฮิปสเตอร์ ก็เก๋ไก๋มากๆ
ไม่ว่าจะร้านั่งดริ้ง ร้านตัดผม ร้านของเก่า คือเท่ห์อะ
มาถึงโซนเปิดท้ายขายของเก่า
ของสะสมกันบบ้าง
โซนนี้ดูจะมีของแปลก แฝงน่ารักอยู่เพียบ
โซนตลาดช็อปปิ้ง มีให้เลือกกันจนกระเป๋าฉีกเลยค่ะ
กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า แว่นตา มีทุกอย่างให้เลือก
กลับบ้านกันได้แล้วไม่งั้นความพังพินาศอาจเกิดขึ้นได้
ยังต้องอยู่กรุงเทพต่ออีกหลายวัน ตังค์หมดอดเที่ยวแน่ ถ้าเดินครบทุกตรอกทุกซอย
ข้อมูลปิดท้ายกันสักนิด
ตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ ตั้งอยู่ที่ ซอยศรีนครินทร์ 51 (หลังห้างซีคอนสแควร์) กรุงเทพฯ 10900
เช้าวันถัดมากฤกษ์งามยามดี ได้ไปสะเดาะเคราะห์ เฮ้ย !!! แก้ปีชงต่างหากละ
และแน่นอนสถานที่ ที่เราจะไปแก้ปีชงคือ
“วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์” หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดเล่งเนยยี่ 2 นั่นเอง
ชื่อวัดมาจากคำ 3 คำ ในภาษาจีนแต้จิ๋ง
เล่ง แปลว่า มังกร
เน่ย แปลว่า ดอกบัว
ยี่ แปลว่า วัด
วัดเล่งเน่ยยี่ 2 ตั้งอยู่ที่ซอยเทศบาล 9 ตำบลบางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
เปิดให้เข้าไปสักการะได้ตั้งแต่เวลา 08.00 น. -17.00 น. แต่สำหรับวันเสาร์อาทิตย์ เปิดถึง 18.00 น
แผนที่การเดินทางตามนี้เลย
เราไปเริ่มพิธีกันเลย วันที่เราไปคนเยอะมาก เพราะพึ่งผ่านช่วงตรุษจีนมาหมาด
การแก้ปีชง จะต้องทำหลังตรุษจีน หรือปีใหม่จีนนะคะ
หลายคนถามว่า ต้องเตรียมอะไรไปบ้าง
ง่ายๆ เลยคือเตรียตัว เตรียมใจ และเงินในกระเป๋าค่ะ
ตารางเทียบอายุปีเกิด ซึ่งไม่ได้ตรงตามอายุจริงของเรา
ขั้นตอนและวิธีตามนี้
พร้อมแล้วไปกันเลย
เขียนชื่อสกุลในใบสีแดงนะค่ะ เติมช่องว่างให้ครบ
ช่องไหนไม่รู้ตอบไม่ได้ ให้เขียนว่า ดี
แต่วิธีการที่ถูกต้องห้ามนำใบสีแดงออกมานะค่ะ
ของเราทำไม่ถูกวิธี แต่ได้ไปสอบถามเพิ่มเติม ปรากฎว่าไม่เป็นไรแต่ ทางทีดีไม่ควรแกะออกจากกัน
จากนั้นเดินตามป้ายเลยค่ะ
จะมีป้ายคอนบอกขั้นตอน
หลังจากไหว้พระ ทำพิธีครบทุกจุดแล้ว เดินไปกราบสักการะพระที่อยู่ในอุโบสถด้านหลังกันค่ะ
รอบๆ อุโบสถจาะเป็นภาพเขียนแกะสลัก รูปเทพเจ้า
มีความละเอียด วิจิตรงดงามมาก
และสุดท้าย จะเป็น “วิหารสุขาวดีหมื่นพุทธ” ซึ่งอยู่ด้านหลังพระอุโบสถ
ชั้นล่างจะเป็นที่ที่ประดิษฐาน ของ พระโพธิสัตว์ กวนอิม พันกร
ชั้นบนของวิหารแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานองค์พระอมิตาภพุทธเจ้า พระอวโลกิเตศวร และพระมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์
สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และสวยมาก
แม้ไม่ใช่ปีชง เราก็สามารถแวะเวียนมากราบสัการะเพื่อความสิริมงคลกันได้ค่ะ
มาดูสถาปัตยกรรม ภาพวาดภาพแกะสลักแบบจีน ที่ปราณีต งดงาม
เราไม่ได้งมงายนะ เขาบอกว่าไม่เชื่ออย่าลบลู่
บางครั้งก็เพื่อความสบายใจ สุดท้ายมันอยู่ที่ตัวเราจะรอบคอบ ระมัดระวัง และวางตัวได้ดีแค่ไหน
จะชง หรือไม่ชง จะแก้ชงหรือไม่ คงไม่ต่างกัน
ถ้าเรานำตัวเองไปอยู่ในที่ ที่อันตราย
ถ้าเราคอยแต่แสวงหาความทุกข์ให้ตัวเอง
เพราะไม่ว่าเทพเจ้าองค์ไหน ก็คงช่วยเราไม่ได้
ใช้ชีวิตให้มีความสุข มองโลกในแง่ดี…. รอบคอบทุกความคิดนะค่ะ
และวันหยุดสบายๆ ในกรุงเทพ ผ่านไปแบบชิลล์ ชิลล์
บางครั้งเราไม่ต้องดิ้นรนออกไปให้ไกลสุดขอบฟ้าหรอก
เพราะสิ่งที่เรามองข้าม อาจจะทำให้เรามีความสุขมากกว่า
ออกไปเที่ยว ไปพักผ่อน จะใกล้จะใกล้ ก็มีความสุขเหมือนกัน
————————————-
และสามารถติดตามทุกการเดินทางของเรา ได้ที่นี้ค่ะ
https://www.facebook.com/MyLifeMyTravels/
https://www.instagram.com/mylifemytravel/