วันพุธ, 18 ธันวาคม 2567

หลวงพระบาง : S l o w L i f e

หลวงพระบาง : S l o w L i f e

.

เอาจริงๆ ป่ะ   สำหรับนุ้ยนะ หลวงพระบาง คือเมืองที่อยากไปมานานมาก  แต่ไม่มีโอกาสไปสักที

ก็แอบงงตัวเองนะว่า เมืองตั้งเยอะแยะ ประเทศก็ตั้งมากมาย  แต่ดันอยากไปหลวงพระบาง ประเทศลาว

นุ้ยว่ามันต้องมีพลังงานบางอย่าง … ที่ดึงดูดความรู้สึกเราอยู่

.

// อาจะเป็นเพราะ

หลวงพระบาง เป็นเมืองเก่าแก่ที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

เป็นเมืองที่ตั้องยู่ริมแม่น้ำถึง 2 สายสาย โขง และคาน

เพราะมีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย

และมีบ้านเรือนโคโลเนียลสไตล์ เป็นเอกลักษณ์ที่สวยมาก

.

และ ….. จู่ๆ วันหนึ่งมีเพื่อนมาชวนว่าไปหลวงพระบางมั๊ย …

นุ้ยไม่ถงไม่ถามรายละเอีดยสักคำ   กลายเป็นคนใจง่ายตอบตกลงในทันที

.

แล้วเพื่อนๆ ล่ะ

ไปมั๊ย… ไปหลวงพระบางกัน

.

.

ไปหลวงพระบางไปยังไง

จะนั่งรถ  นั่งเรือไปก็ได้นะยูว์  แต่นุ้ยเลือกนั่งเครื่องบินละกัน สะดวกและรวดเร็วค่อยไปใช้ชีวิตช้าๆ ที่โน่น

ทริปนี้เดินทางกับสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งมีไฟลท์บินตรง กรุงเทพฯ – หลวงพระบาง ทุกวัน วันละ 1 ไฟท์จ้า

ลองเข้าไปเช็คไฟลท์ เช็คราคากันดูน๊า   https://www.airasia.com/

.

นั่งหม่ำข้าวกระเพราะไก่บนฟ้า มันก็จะเกร๋ๆ หน่อย

ชอบข้าวนุ่มมากๆ

.

1.30 ชม. ผ่านไปไวเหมือนโกหก

ตอนนี้เรามาถึงหลวงพระบางแล้วจ้า

และขอแนะนำว่า  …. ห้ามหลับนะ  เพราะก่อนเครื่องจะลง

เราสามารถเห็นความเขียวขจีของหลวงพระบางได้สุดลูกลูกตาเลย

ภูเขาเป็นภูเขา ต้นไม้เป็นต้นไม้จริงๆ   ..สดชื่นลูกกะตะ

.

.

เมื่อมาถึงแล้ว   ก่อนที่เราจะไปเที่ยวกัน  มาเข้าสู่ สาระน่ารู้กันสักนิด

.

ใช้เงินอะไรยังไง ? 

เงินที่ประเทศลาวเป็นเงินกีบ  โดยประมาณแล้ว 10,000 กีบ ประมาณ 40 บาท บ้านเรา

เพราะฉะนั้นตอนไปลาวนะแก   รวยมหาศาล เลยจ้า พกเงินกันเป็นแสน เป็นล้าน “กีบ” เลย

กรณีต้องการแลกเงิน  นุ้ยไปแลกที่โน่นค่ะ แลกที่ละน้อยๆ หมดก็ค่อยแลกเพิ่ม  

เราจะเจอจุดแลกเงิน ทุกๆ 200 เมตรเลย ที่สนามบินก็มีนะ 

หรือจะใช้เงินไทยก็ได้นะ แต่เราจะขาดทุนหน่อย จาก 40 บาท ก็จะเป็น 50 บาท ประมาณนั้น

และค่าครองชีพค่อนข้างสูงกว่าบ้านเรานะ

.

.

สัญญาณอินเตอร์เน็ต

คุณไม่ต้องกังวล เพราะเพียงแค่เท้าแต่พื้นสนามบินหลวงพระบาง

คุณก็จะเจอเคาร์เตอร์ขายซิม ประมาณ 4 -5 เคาร์เตอร์ ก็ลองเลือกๆ กันดูเนอะ

ส่วนใหญ่ราคาประมาณ 150 -200 บาท ใช้ได้ 3 วัน เล่นเน็ตได้อย่างเดียว 4 GB

.

และในรูปนี้คือเคาเตอร์ขายซิมนั่นเอง

.

ครั้งนี้เราพักกันที่  Angsana Maison Souvannaphoum  

อยู่ห่างจากสนามประมาณ 15-20 นาที  เท่านั้น   มีรถของโรงแรมมารับ

แต่ต้องบอก่อนว่า จะใช้บริการโรงแรมมีค่าใช้จ่ายน๊า

.

ตอนนุ้ยเดินทางไปถึงโรงแรมก็เกือบจะ ห้าโมงเย็นแล้วหล่ะ

.

โรงแรม  Angsana Maison Souvannaphoum  

แต่เดิม เป็นที่พักของ  เจ้าสุวรรณภูมา  (Prince Souvanna Phouma)

ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีสี่สมัยของประเทศลาว

.

บริเวณล็อบบี้

.

ขณะเช็คอิน มี Welcome drink มาเสิร์ฟพร้อมขนมอะไรสักอย่าง นุ้ยคิดเองว่าน่าจะเป็นข้าวเกรียบลาว

อร่อย กินเพลิน กินคนเดียวไปหลายชิ้น

.

และทุกครั้งที่มีการทักทายว่า สบายดี  ….  นุ้ยก็คิดในใจทุกครั้งว่าจะบอกนุ้ยทำไม

กว่าสมองจะประมวลผลได้ว่า  สบายดีของลาว ก็คือ สวัสดีของไทยนั่นเอง

เกือบปล่อยไก่ไปหลายรอบ

.

ที่นี้เป็นโรงแรมที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก  จะมีเพียง 24 ห้องเท่านั้น

บรรยากาศภายในค่อนข้างร่มรืนเลยทีเดียว

และแม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่โรงแรมขนาดใหญ่   แต่ก็มีสระว่ายน้ำ

.

.

ห้องที่นุ้ยพัก เป็นห้อง GARDEN WING

ภายในห้องกว้างขวางกำลังดี สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

นอกจากชา กาแฟแล้ว  ที่นี่เรายังสามารถดื่มน้ำอัดลมในมินิบาร์ได้ด้วยฟรีอีกด้วย

.

เมื่อผ่านประตูไปยังหลังห้อง  จะมีระเบียง พร้อมโต๊ะเก้าอี้ ให้เราได้นั่งชิลรับอากาศหลวงพระบาง

และโชคดีในวันที่นุ้ยไป แม้จะเป็นช่วงฤดูฝน แต่ก็ไม่มีฝนตกลงมา  ทำให้อากาศค่อนข้างดีเลยทีเดียว

.

พักผ่อนในโรงแรมจนพอหายเหนื่อยจากการเดินทาง

อันที่จริงมันก็ไมได้เหนื่อยนะ นั่งเครื่องบินมาแค่ 1.30 ชม. เท่านั้นเอง

เราก็พร้อมออกไปซึบซับความเป็นหลวงพระบางกันแล้ว

.

แต่ทริปนี้เป็นทริปที่มากับเพื่อนๆ หลายคน นุ้ยไม่หาข้อมูลใดๆ มาทั้งสิ้น

เน้นไปเรื่อยๆ เน้นสโลว ที่สำคัญคือเน้นให้เพื่อนนำทางนั่นเอง

อีกอย่างสำหรับนุ้ยนะ นุ้ยว่าหลวงพระบางเป็นเมืองที่เงียบๆ

เสน่ห์คือความคลาสสิคของบ้านเมือง  ความโคโลเนียล  ความสโลว์ไลฟ์ ความวัดวาอาราม

เพราะฉะนั้น มันไม่ต้องมีอะไรให้เป๊ะมาก เดี๋ยวเสน่ห์มันจะหายไป

ในช่วงเย็นออกไปดูวิวพระอาทิตย์ตกกัน

หากไม่ขึ้นไปพระธาตุพูสี ก็จุดนี้แหละเริ่ดสุด

เป็นจุดชมวิวที่มีแม่น้ำโขง และแม่คาน ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสายสำคัญ 2 สาย ไหลมาบรรจบกัน

.

.

ยามเย็นแบบนี้นอกจากนักท่องเที่ยวแล้ว

ยังได้เห็นวิถีชีวิตของคนเมืองหลวงพระบางอีกด้วย

บ้างก็มาหาปลา  บ้างก็มานั่งดูพระอาทิตย์ตกเหมือนเรานี่แหละ

.

.

หลังจากอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว นุ้ยเลือกเดินกลับที่พัก  ถ้าหากใครชอบปั่นจักรยาน ทางที่พักมีไว้บริการด้วย

แต่วันนี้นุ้ยเน้นเดินละกัน  เพราะตั้งใจจะไปเดินเล่น Night Market ด้วย

ถ้าเอาจักรยานออกมาจากโรงแรมกลัวจะต้องเป็นกังวล..หากต้องจอดทิ้งไว้

.

.

ถ้าหากเราเดินจากจุดชมวิวมายังที่พักเลย จะใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง

อย่าค่ะ อย่าพึ่งทำหน้าตกใจว่าทำไมเดินไกลจัง

แต่พอเดินจริงๆ เราจะรู้สึกว่า อ้าว ! ถึงแล้วเหรอ

เพราะตลอดทั้งเส้นถนน นุ้ยไม่รู้ว่าเขามีคำเรียกเฉพาะหรือเปล่า  แต่นุ้ยเรียกว่าถนนโคโลเนียลละกัน

เพราะตลอดทั้งเส้น มีบ้านเรือน ร้านอาหารที่เป็นสไตล์โคโลเนียลตลอดทั้งเส้น อีกทั้งวัดวาอาราม

ให้เราได้ถ่ายรูปเล่นกันเพลิน ลืมเรื่องระยะทางไปเลย

เป็นถนนเส้นที่มีสเน่ห์ที่สุดในเมืองหลวงพระบางเลยก็ว่าได้

สลับระหว่างบ้านพักอาศัย และร้านอาหาร และมีโรงแรมให้เห็นอยู่บ้าง

แบบนี่สินะ ที่เรียกว่าชิล

ค่ำหน่อย … บรรยากาศยิ่งชิล ยิ่งโรแมนติคมากขึ้นเรื่อยๆ

และเดินมาเรื่อยๆ จนถึง night market

และเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า ใกล้ถึงที่พักของเราแล้ว  เพราะอยู่ใกล้กันมากๆ

มื้อค่ำสำหรับวันนี้ นุ้ยกลับมาทานอาหารที่โรงแรม Angsana Maison Souvannaphoum 

ห้องอาหารชื่อว่า Elephant Blanc ตั้งใกล้กับสระว่ายน้ำ เป็นห้องอาหารที่ให้บริการทั้งวัน

ตั้งแต่อาหารเช้า เที่ยง และมื้อดินเนอร์

บรรยากาศดีมากๆ เลยทีเดียว

สำหรับอาหารมีทั้งอาหารไทย และอาหารลาว

สิ่งที่ทำนุ้ยตื่นตาตื่นใจ คือเซ็ตอาหารที่เสิร์ฟมาในเรือ

เป็นอาหารพื้นเมืองของลาวนั่นเอง มีทั้งหมด 6 อย่าง

หรือจะแบบขันโตกของไทย

.

.


Day 2

.

Good morning หลวงพระบาง

เสียงนาฬิกาปลุ๊ก  ดังก่อนเสียงไก่ขันซะอีก  เพราะเช้านี้พวกเราตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อไปใส่บาตร

ก่อนจะดึงตัวเองออกจากที่นอนได้ หันไปถามต้นว่า …. การสโลว์ไลฟ์ คือการต้องตื่นแต่เช้าใช่มั๊ย

ต้นตอบว่า   “ก็เพราะเราตื่นเช้าไง เราถึงมีเวลามากขึ้น ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรน  ช้าๆ ได้  “

ปรัชญาก่อนฟ้าสร้างของต้น …ทำนุ้ยตาสว่าง ดึงตัวเองออกจาที่นอนอย่างรวดเร็ว 

.

จุดเที่เราใส่บาตร  เดินไปจากหน้าโรงแรมเพียงนิดเดียว

จะว่าไป..ก็นานแล้วนะ ที่ไม่ได้ตื่นเช้ามาใส่บาตรแบบนี้

.

และที่เมืองหลวงพระบางแห่งนี้  ชาวบ้านจะใส่บาตรด้วยข้าวเหนียว แต่ละคนก็จะนำมากระติ๊บใหญ่ ๆ

.

.

ตอนเห็นพระท่านเดินมา เราก็ได้แต่ก้มมองของตัวเอง  และคิดในใจว่าข้าวเหนียวที่เราเตรียมมาพอมั๊ยหนอ

เพราะพระท่านมากันเป็นขบวนเลยจ้า

.

แต่พอตอนหยิบข้าวเหนียวใส่ลงบาตร… เกือบร้องโอ๊ย ออกมา   เพราะข้าวเหนียวร้อนมาก

เราก็เลยดูคล้ายกับปราณีต บรรจงใส่ให้เพียงพอ กับพระทุกรูป

แต่จริงๆ คือร้อนมาก   เราจะมัวแต่ร้อน นั่งสะบัดมือก็เกรงใจพระท่าน

 

.

อิ่มบุญกันแล้วก็เดินต่ออีกนิดหน่อย…เพื่อไปตลาดเช้า

เริ่มต้นกันที่ร้านกาแฟประชานิยม   ถ้าถามเราจริงๆ ว่ามันอร่อยเด็ดเว่อร์วังอะไรมั๊ย

เราก็ว่า อร่อยแบบทั่วๆ ไป  แต่ตอนอยู่ตรงนั้นมันก็จะอินๆ หน่อย ฟิวมันได้

ได้กาแฟมาหนึ่งถุง ดีใจเหมือนถูกหวย  เติมพลังยามเช้าได้ดี แล้วก็ไปเดินเล่นในตลาด

.

ตลาดก็คล้ายๆ กับตลาดสดตอนเช้าบ้านเรานั่นแหละ

แต่จะมีพวกของพื้นเมืองอาหารแปลกๆ ของฝากแปลกๆ เพิ่มเติมเข้ามา

ก็แหม่ ถ้าเหมือนบ้านเราเป๊ะ จะดึงดูดคนไทยแบบเราได้ไง จริงมั๊ย

.

จริงๆ มันคือข้าวเกรียบปากหม้อ

และจริงๆ คือ นุ้ยก็จำไม่ได้ว่าคนลาว เรียกว่าเมนูอะไร

คือ พูดเพื่ออะไร

อ๋อ ..จะบอกว่าให้ลอง ทำกันสดๆ ร้อนๆ อร่อยเลยทีเดียว  จานนี้ 50 บาทจ้า

.

.

เช้านี้เราได้ลองชิมอาหารไปแค่อย่างเดียว  ไม่อยากจะจัดหนักมาก

เพราะตั้งใจจะไปทานอาหารเช้าที่โรงแรมอีกรอบ

.

แค่ช่วงเวลาเปลี่ยน บรรยากาศห้องอาหารเช้าก็เปลี่ยนไป

เมื่อคืนยังโรแมนติค  แต่เช้านี้กำลังรู้สึกสบาย สดใส อาจจะเป็นเพราะแสงแดดอ่อนๆ  ที่ลอดผ่านเข้ามา

 

.

อาหารเช้าที่โรงแรมเป็นแบบบุฟเฟ่ต์แบบอินเตอร์   มีอาหารให้เลือกทานหลายอย่างเลยหล่ะ และมีอาหารพื้นเมืองด้วย

.

หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อย    หนังตาเริ่มหย่อนโดยปริยาย

เราเริ่มสัมผัสได้ถึงความสโลว์ไลฟ์แล้วค่ะ ตื่นเช้ามากเพื่อที่จะมานอนตอนนี้อีกรอบ 

กลับไปงีบต่ออีกสักหน่อยอาบน้ำอีกสักรอบ แล้วค่อยออกไปเที่ยวต่อ

.

แต่…พอเอาเข้าจริงๆ ไม่สามารถข่มตาให้หลับได้

เพราะนี่คือการมาครั้งแรก และเรามีเวลาอยู่ที่เมืองนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่  … เพราะฉะนั้นต้องกอบเก็บทุกสิ่งอย่างไว้

ด้วยการไปนั่งชิลล์ร้านกาแฟ   …

ก็แหม่ … รู้ๆ กันอยู่ว่านุ้ยติดกาแฟ แบบหนักมาก และชอบนั่งร้านกาแฟสุดๆ

และแน่นอนว่าเราจะไม่พลาดร้าน โจมา  ร้านกาแฟสุดชิค สุดฮิตของเมืองนี้

ร้านโจมาเป็นร้านสไตล์โคโลเนียล ในลักษณะอาคารสองชั้น

ชั้นล่างจะเป็นส่วนของการรับออเดอร์ และมีตู้โชว์ขนมหน้าตาแสนอร่อย

แต่ก็ยังแบ่งโซนสำหรับจัดโต๊ะ ให้ลูกค้าได้นั่งด้วย

สำหรับร้านนี้ หลังจากหาที่นั่งได้แล้ว  เราจะต้องบริการตัวเองด้วยการเดินมาสั่งที่หน้าเคาร์เตอร์พร้อมชำระเงิน

แล้วพนักงานจะนำไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ

.

แต่วันนี้ลูกค้าด้านล่างค่อนข้างเยอะ

นุ้ยเลือกที่จะมานั่งชั้นบน

กาแฟมื้อนี้หว๊านๆ  ไม่ใช่เพราะใส่น้ำตาล

แต่เป็นเพราะเรามากับแฟน ฮิ้วๆๆๆๆๆ

ชงเองเล่นเองก็ได้นาจา

.

แนะนำเค้กแครอท อร๊อย อร่อย

.

ขอบคุณรูปภาพนี้จากพี่เอ็มพักสบาย

.

ถึงเวลานัดกับเพื่อน สำหรับการออกไปเที่ยวรอบเมืองกันแล้ว

โปรแกรมของเรามีไปน้ำตกและ ไปหาของอร่อยๆ ทานกันนั่นเอง

.

มื้อเที่ยงของเราวันนี้ เราจัดหนักและจัดเต็มกันด้วย

ตำหลวงพระบางร้านเจ๊ติ๋ม ….ก่อนไปเพื่อนก็เล่าสรรพคุณความอร่อยเด็ดของร้านนี้ว่าเด็ดขนาด

เราก็ตั้งใจฟังแล้วนะ  แต่คือเข้าใจเราม่ะ ว่าเราไม่ได้ชอบกินส้มตำ เราไม่กินปลาร้า เราไม่กินส้มตำใส่กะปิ

.

.

แต่พอถึงร้านทุกคนก็สั่งๆ  และจานแรกที่วางลงบนโต๊ะ คือตำหลวงพระบางอันเป็นที่เลืองลือ

รู้สึกตัวอีกที เราเผลอกลืนน้ำลาย  ..

คำถามเกิดขึ้นในหัวไหนบอกว่าไม่ชอบส้มตำ ไหนบอกไม่กินปลาร้า  แต่อาการเมื่อกี้คืออาการคนอยากกิน

และทุกคนก็เริ่มปฎบัติการจก  เราขอใช้คำว่าจก เพราะทุกคนแบบเอร็ดอร่อยมาก

( อร่อยแบบต้นลืมถ่ายในจานที่ตำเสร็จ เสิร์ฟปุ๊บต้นก็วางกล้องทันที)

.

จนเพื่อนก็แบบเชื้อเชิญแกมบังคับ เพราะตักมาใส่ให้ในจาน  ..

เห้ย ! แก มันอร่อย มันกลมกล่ม มันไม่เหม็น    มันเด็ดจริง ๆ นะ

ความแปลกของเส้นมะละกอที่ต่างจากบางเรา เพราะตำหลวงพระบางจะเป็นการสไลด์บางๆ

เพราะความกรุบกรับ อร่อยมากขึ้น   ต้องมาลอง เพราะนุ้ยได้ลองไปแล้ว 

เมนูที่เราโปรดปรานมากอีกเมนูคือเมนูหมูทอด

จะอร่อยอะไรเบอร์นั้น  กินได้แบบหยุดไม่อยู่

.

แหนมทอด อันนี้ก็เด็ดเช่นกัน

.

ไส้อั่วก็เด็ดมากๆ บอกเลย  สรุปให้เลยว่าร้านเจ้ติ่มเนี๊ยะ   ห้ามพลาด

.

สิ่งที่นุ้ยรอคอยก็มาถึง  … นุ้ยว่ามันคืออันซีนเลยนะ

เพราะที่นี้คือน้ำตกกวางสี  น้ำตกที่สวยที่สุดเท่าเคยเห็นมาเลย

การเดินทางไปที่นี้ ไม่สามารถปั่นจักรยาน หรือเดินไปได้นะคะ เพราะมันค่อนข้างไกล แนะนำให้

เหมารถนำเที่ยว ซึ่งจะมีคนมาคอยถามเราอยู่เต็มท้องถนนเลยหล่ะ  ลองต่อรองราคาดูเนอะ

เพราะของนุ้ยไปกับรถของโรงแรม

.

.

ในการเข้าไปเที่ยวน้ำตกจะมีค่าเข้าอยู่ที่  20,000 กีบ หรือประมาณ 80 บาท  นั่นแหละ

ตอนนั่งในรถ  เพื่อนก็บอกว่าที่น้ำตกมีหมีด้วยนะ ต้องไปดูหมี

นุ้ยก็คิดว่าเพื่อนทะลึ่ง  และว่าเพื่อนด้วยนะว่าชอบหลอกเรา

แต่เมื่อเดินมาถึงปุ๊บ  …

อ้าว ! เห้ย !  มีหมีจริงๆ ด้วย   บ้านหมีเลยหล่ะ

.

มีความคุ้นเคยกับคนมาก

แต่ในความคุ้นเคยนี่ ไม่ใช่ ว่าจะเดินเข้าไป ลูบหัวหมีได้นะยูว์

นุ้ยหมายถึง หมี ไม่ได้ตกใจที่มีคนมายืนจ้องมอง และถ่ายรูปพวกนาง

นางก็เลยนอนฉีกแข้งฉีกขาสบายใจ

พวกเราเดินไต่ลำดับขั้นของน้ำตกขึ้นไปเรื่อยๆ

แต่ละชั้นมีความสวยที่ต่างกัน   และเป็นความสวยที่เหนือคำบรรยาย

ภาพถ่ายนสวยได้ไม่ถึงครึ่งของจริง ที่เห็นด้วยตา

.

ในชั้นล่างๆ นั่งท่องเที่ยวสามารถลงไปเล่นน้ำได้

บ้างก็นั่งฟิน อาบน้ำตก  บ้างก็โชว์ลีลาเด็ด กระโดดน้ำท่าไหนเท่กว่ากัน

.

และชั้นที่เป็นไฮไลท์ ก็คือชั้นนี้นั่นเอง  น้ำตกสูงเสียดฟ้า

น้ำไหลลงมาตามชั้นหินที่ลดหลั่น … เป็นความสวยงามจากธรรมชาติ

.

น้ำตกสวยก็จริง แต่ก็เดินเหนื่อยไม่ใช่เล่นเลยนะ

และนั่นคือข้ออ้างให้เราต้องแวะหาอาหารอร่อยๆ ทานกันค่ะ

เพราะใกล้ๆ กับน้ำตกมีร้านอาหารแห่งหนึ่ง วิวสวยมาก มีธารน้ำตกไหลผ่านด้วย

แต่…เค้าขอโทษเค้าจำชื่อร้านไม่ได้  จำได้แค่ว่า อยู่ในซอยเล็กๆ ด้านขวามือก่อนถึงน้ำตกอ่า

.

คือวิวชนะขาดทำให้อาหารอร่อยขึ้นมาหลายสิบเท่าเลย

.

เมนูอาหารอร่อยถูกปาก  กินจนอิ่ม แล้วกลับไปสลบจิบเบียร์ลา ที่ เมซง สุวรรณภูมิกันดีกว่า


Day 3

.

เป็นเช้าอีกวันที่เสียงนาฬิกาปลุก ยังคงดังก่อนเสียงไก่ขัน

เช้าวันนี้ไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ เกิดขึ้นระหว่างนุ้ยกับต้น

มีแต่เสียงที่นุ้ยพูดออกไป คล้ายกับว่าได้บันทึกเทปไว้เป็นอย่างดี 

ในขณะที่มือคว้าโทรศัพท์มาปิดเสียงปลุก … ปากก็พูดออกไปว่า

ต้น … ตื่นได้แล้ว ถึงเวลานัดแล้ว  โดยไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาว่าอย่างไร 

หลังจากนั้น …. นุ้ยก็มารู้สึกตัวอีกทีตอนได้ยินเสียงกริ๊งหน้าห้อง ดังตอนเจ็ดโมงเช้า

สะดุ้งตัวแบบสุดแรง … ต้นกลับมาแล้ว นี่เรายังไม่ตื่น

.

สาเหตุของการตื่นเช้าในวันนี้

เพราะต้นได้นัดกับเพื่อนๆ เพื่อที่จะขึ้นเขาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่พระธาตุพูสี

ก่อนเข้านอนก็นัดกันไว้ประมาณ 5 คน  ที่รู้ คือนุ้ย 1 คนที่ลุกไม่ไหวจริงๆ

เช้าวันนี้ฟ้าไม่เปิดมากนัก  มีเมฆค่อนข้างเยอะ

(ตามภาพเลยเนอะ นะจุดนี้เล่ายากมาก เพราะมัวแต่นอน จะจินตนาการฝันว่าไปด้วยก็ไม่ได้)

.

รู้แค่ว่า ตอนต้นเอารูปมาอวด ..

คือโกรธตัวเองว่าทำไมไม่ไป  ตอนอยู่นะจุดนั้นคือต้องฟินแน่ๆ ขนาดฟ้าไม่เปิดยังสวยขนาดนี้

.เช้าวันสุดท้ายในหลวงพระบางของเรา ..

หลังจากที่พลาดช่วงเวลาสวยงามไปแล้ว  เราจะไม่พลาดอีก  รีบลุกขึ้นอาบน้ำ และชวนต้นกลับไปเดินเล่นแถวตลาด

จริงๆ คือตั้งใจกลับไปนั่งจิบกาแฟริมโขง 

เป้าหมาย ก็ร้าน ประชานิยม ที่นุ้ยบอกว่าไม่ได้อร่อยเว่อร์วังนี่แหละ

แต่ความรู้สึกบอกว่า ต้องกลับมาอีก

.

ก็ดูบรรยากาศดิ  จะไม่ให้กลับมาได้ไง

.

จัดหนักด้วยโจ๊กหมูใส่ไข่  ไข่ลวก ข้าวจีปาเต้ และกาแฟโบราณ

จำได้แค่ว่าข้าวจีปาเต้ ราคา 60 บาท แต่อย่างอื่นจ่ายรวมกัน จำไม่ได้เลย

ช่วงสายๆ  กลับมาเก็บข้าวของพร้อมเช็คเอ้า 

แต่ก่อนกลับ ก็ขอเข้าไปดูห้องพัก Type อื่น อีกสักรอบ 

ห้องที่จะพาไปดูต่อไปนี้เป็นห้องที่อยู่ในโซน La Residence   จะเป็นห้อง Suite 

ห้องแรก แต่เดิมห้องนี้เป็นของเจ้าสุวรรณภูมิ

และห้องนี้ของห้องพระราชินี 

หลังจากเช็คเอ้าท์แล้ว …. เรายังพอมีเวลาเหลือให้เดินเล่นทำโน่นนี่นั่น เพราะไฟลท์บินของเราเป็นช่วงเวลาเย็น

เราจึงเลือกไปไหว้พระ  เพราะเมืองนี้วัดวาอารามเยอะเหลือเกิน 

 เริ่มกันที่วัดแรก  ต้องขอออกตัวแรงๆ เลยว่า 

ข้อมูลวัดวาอารามของนุ้ยไม่แน่นนะ   … เน้นแค่เข้าไปกราบพระจริงๆ 

เพราะวัดแรกที่นุ้ยเข้าไปกราบพระ นุ้ยจำชื่อวัดไม่ได้จ้า  

จำได้แค่วามีเจดีย์กลมๆ อยู่กลางวัด และนุ้ยก็เรียกว่าเจดีย์แตงโม 

แต่สำหรับวัดที่สอง  เป็นวัดที่คงต้องบอกว่าห้ามพลาด 

วัดนี้ ชื่อว่าวัดเชียงทอง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงเลยน๊า 

เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมงดงามมากๆ ละเอียดปราณีต เขาว่ากันว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญมากๆ ด้วยนะ 

ด้านหน้าของวิหาร 

และด้านข้างจะมีโบสถ์เล็ก ๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของนั่งท่องเที่ยวเลยทีเดียว

กับมุมหน้าต่างที่สีสันแสนหวาน   … ครั้งแรกที่เห็นภาพถ่ายมุมนี้  ไม่คิดเลยว่าจะเป็นมุมในวัด  

แต่ไหนๆ ก็มาเยือนถึงที่แล้ว ก็ขอเก็บเป็นที่ระลึกสักภาพเนอะ 

.

.

ปิดท้ายด้วยมื้ออาหารแสนอร่อยก่อนกลับกันที่ The Grand Luang Prabang  

บรรยากาศห้องอาหารดีมาก ตั้งอยู่ติดแม่น้ำโขง และยังเห็นวิวภูเขาที่สลับซับซ้อน 

 

วันนี้ได้ทานอาหารหลายอย่าง  รสชาติถูกปาก  

ซึ่งนุ้ยว่าอาหารของลาวส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ กับอาหารไทย  อาจจะมีเครื่องเทศบางตัวเท่านั้นที่ต่างกัน 

.


.

เวลา 3 วัน 2 คืน เดินทางผ่านไปอย่างรวดเร็ว 

หลวงพระบาง …. ดินแดนที่เราพึ่งไปเยือนในครั้งแรก 

ได้สร้างความทรงจำที่สวยงามให้กับเราสองคน 

หากวันหนึ่งวันใด ที่เราอยากไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง ที่มันไม่ได้ไกลมากนัก 

ที่ไหนสักแห่งที่สวยงาม และยังคงความรู้สึกว่าที่นี้ก็เหมือนเดิม 

เราสัญญา  จะคิดถึงเธอ …. หลวงพระบาง 

.


ติดตามเรา 

Fanpage : https://www.facebook.com/MyLifeMyTravels

WebSite : www.mylifemytravels.com

Youtube : https://goo.gl/0bnw9a

Instagram: https://goo.gl/G7qsVC

สนใจติดต่องานได้ที่ mylifemytravels@gmail.com

หรือ โทร. 094-5929142

#แฟนพาเที่ยว #mylifemytravel #NuiKaTon #Coupletravelers

1 ความคิดเห็น
Pikulthong CatLover เมื่อ กรกฎาคม 20, 2017 10:05 am

น่าเที่ยวมากเลยค่ะ รูปสวย อาหารต้องลองไปทาน ไม่ทานปลาร้าเหมือนกัน แต่ชอบส้มตำนะ เป็นอีกหนึ่งทริปที่อยากไปค่ะ