เที่ยวดานัง 3 วัน 2 คืน go to danang

เที่ยวเวียดนามแต่ได้ฟิลล์ยุโรป

ทริปนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวดานัง  3 วัน 2 คืน สุดชิลล์

เที่ยวง่ายสบายกระเป๋า แต่รับรองว่าจะมีรูปโพสต์ได้ทั้งเดือน

**นั่งกระเช้าไปนอนพักหมู่บ้านฝรั่งเศส

**เอาใจสายคาเฟ่ นั่งชิลล์คาเฟ่สุดชิค

**ห้ามพลาดจุดเช็คอินแลนด์มาร์ค

อ่านจบรับรองเที่ยวเองได้แบบไม่ต้องง้อทัวร์

.

และต่อไปนี้ ทุกการเดินทางไปต่างประเทศของเราจะง่ายขึ้น เพราะตอนนี้เราใช้ K PLUS

สแกนจ่าย QR code ที่ต่างประเทศได้กว่า 40 ประเทศ/ภูมิภาคทั่วโลก!! ล้ำสุดบอกเลย

แค่มองหาป้ายสัญลักษณ์ UnionPay ที่อยู่คู่กับ QR หรือสัญลักษณ์หยุนฉานฟูสีแดงๆ ก็สแกนจ่ายได้เลย ไม่มีขั้นต่ำ ไม่มีค่าธรรมเนียม คือสะดวกมากๆ แถมยังได้เรทดี จะซื้ออะไรก็สแกนจ่ายเอา ไม่ต้องคอยเก็บเงินทอน

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://kbank.co/3yC4zaj

.

สำหรับแพลนเที่ยว ที่พัก การเดินทางต่างๆ  ทุกคนสามารถอ่านได้ในรายละเอียดใต้รูปเลยน๊า

ถ้าพร้อมแล้วหยิบกระเป๋า ตามมาได้เลยค่า

ใครชอบแบบคลิปดูได้เลย

ใครที่ไปเที่ยวต่างประเทศช่วงนี้ ก็ลองใช้ K PLUS สแกนจ่ายกับ QR UnionPay ดูนะ เพราะมีโปรโมชัน สแกนจ่าย 500 บาทขึ้นไปต่อรายการ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ต.ค. 65 รับคะแนนสะสม K Point 100 คะแนน จำกัดสิทธิ์ 2,000 คะแนน/คน/เดือน รับสูงสุด 8,000 คะแนน ตลอดรายการ

– ใช้จ่ายง่าย สะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องแลก/พกเงินสดติดตัวไปเยอะๆ ได้เรทอัตราแลกเปลี่ยนดี

– ไม่มีขั้นต่ำในการชำระ ฟรีค่าธรรมเนียม ใช้ได้สูงสุด 100,000 บาท/วัน

– มีจุดรับชำระในร้านค้าต่างๆ กว่า 30 ล้านร้านค้า ในกว่า 40 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ จีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย เวียดนาม

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://kbank.co/3yC4zaj

เราเริ่มกันที่  บานาฮิลล์ (Bana Hills) เลยละกัน เชื่อว่าเป็นปลายทางหลักๆ ที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเดินทางไปดานัง รวมถึงเราสองคนด้วย  ที่นี่คือ หมู่บ้านฝรั่งเศลบนยอดเขา เป็นแลนด์มาร์คที่เพียงแค่เห็นรูป ทุกคนจะร้องอ๋อ! ไปพร้อมๆ กัน ว่านี่คือที่ไหน  และความว้าวคือได้ฟิลล์เหมือนไปยุโรปเลยค่า

บานาฮิลล์มีทั้งที่พัก คาเฟ่ ร้านอาหาร และสวนสนุกด้วย   การเดินทางไปที่นั่นเราจะต้องนั่งกระเช้าขึ้นไป  เป็นกระเช้าที่มีความยาวที่สุดในโลกเลยนะ  

แต่เพื่อความชิลล์ แนะนำว่าควรนอนที่บาน่าฮิลล์สักคืน  แล้วเมืองฝรั่งเศสทั้งเมืองจะเป็นของเรา เพราะเคเบิ้ลคาร์ จะเปิดให้บริการ ตั้งแต่ 7.30 – 17.00 น. ทำให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ค้างคืน ต้องลงกลับไปด้านล่าง  ช่วงเย็น จึงเป็นเวลาแสนสุข ชิลล์ เดินเล่น ถ่ายรูปได้เพลินมากๆ  และไม่ต้องกลัวเหงาน๊า เพราะนักท่องเที่ยวที่นอนด้านบนเหมือนเราก็จะออกมาถ่ายรูปเล่นกัน นั่งดริ้ง เหมือนเราเยอะเลย

จองที่พัก Bana Hills

ความชิลลล์ ไม่ได้มีแค่ช่วงเย็นน๊า   ยังรวมถึงช่วงเช้าด้วยค่ะ รีบนั่งกระเช้าลงไปถ่ายรูป ที่ Golden Bridge ตั้งแต่รอบแรกเลย จะได้รูปแบบคนโล่งๆ  ดีต่อใจคุ้มค่ามากๆ  เพราะหนึ่งไฮไลท์สำคัญเลย ของการมาบาน่าฮิลล์ คือ Golden Bridge สะพานทองคำที่อยู่ในมือยักษ์   

หลังจากลงจากบานาฮิลล์มาแล้ว ช่วงเวลาที่เหลือ เราจะพาทุกคนตลุยดานังกันแบบเกือบทุกซอกทุกมุม

และเราขอยกตำแหน่งเจ้าแห่งคาเฟ่ให้เมืองนี้เลยค่ะ  เยอะมาก เยอะจนเราสองคนมองหน้ากัน แบบไม่รู้จะไปไหที่ไหนก่อนดี  เริ่มที่ Dreamer ค่าเฟ่เล็กๆ แต่ความน่ารักเยอะมาก  เป็นคาเฟ่ในสวนดอกไม้ มีความมินิมอลสูงมาก มุมเล็กมุมน้อย เก้าอี้ไม้ตัวเล็กๆ ร่มสีขาว กับความเขียวของต้นไม้ คือดีมากทุกคน  

ต่อมาคือ Danang Cathedral

เป็นโบสถ์สีชมพูหวานแหว่ว  เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแวะไปถ่ายรูป ซึ่งโบสถ์นี้เป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนานิกายคาทอลิก  ที่มีอายุนับ 100 ปี เลยค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าเอ๋ !! จะมีแค่เราหรือเปล่าน๊าที่แวะไปถ่ายรูแ  แต่ไปเจอทั้งคนไทย และเกาหลีเยอะมาก   ก็มันน่ารักอะเนอะ

Hòn đá Cụ Rùa  ชื่อเรียกยากมาก จนตอนนี้เรายังเรียกชื่อที่นี่ไม่ถูกเลย  เป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตรงไหล่เขา เห็นวิว ทั้งทะเล ภูเขา และเมืองดานังทั้งเมืองเลยค่ะ  คนขับรถบอกเราว่าคนไทยเรียกว่าร้านหินหลังเต่า    จะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่  แต่นุ้ยว่ามุมมันสวย สวยมาก  ถ้าใครพอมีเวลา และชอบมุมแบบนี้แนะนำเลยค่ะ

พาไปเช็คอินที่พักกันสักหน่อย  ครั้งนี้เราพักที่ Vanda Hotel และในภาพที่เห็นคือ เป็นวิวจากห้องที่นุ้ยพักนั่นเอง ทำเลดีมาก ห้องดีมาก อาหารเช้าก็ดี  แต่ที่ชอบสุดก็คือเรื่องทำเล นุ้ยสามารถเดินจากที่พักไปเที่ยวจุดไฮไลท์ต่างๆ ในดานังได้สบายมากๆ และที่สำคัญเลยคือ ใกล้ที่พักมีคาเฟ่เยอะมาก

จองที่พัก Vanda hotel

ร้านนี้อยู่ติดกับที่พักมากๆ นุ้ยเล็งไว้ตั้งแต่วันแรกตอนนั่งรถผ่าน ใครสายเกาต้องรู้จักร้านนี้ Gong Cha สำหรับนุ้ยเรียกว่าร้านโปรดได้เลยนะ เคยกินครั้งแรกตอนไปเกาหลีเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นคือชอบดูเลขาคิมมาก ก็เพราะเอกหล่อ  และตอนนั้นคือพระเอกเป็นพรีเซอนเตอร์ไง  เราก็เข้าทุกร้านที่เจอ  พอมาเจออีกทีที่ดานัง ไม่พลาดแน่นอน และที่ดานังมีหลายสาขามาก แอบโชคดีที่อยู่ติดกับโรงแรมเลย เก็บกระเป๋าเสร็จก็เดินลงมา

ความอร่อยคือเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเราสามารถ มี UnionPay QR ให้ใช้ K PLUS สแกนจ่ายได้ด้วยนะ สะดวกสุด

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://kbank.co/3yC4zaj

สำหรับร้านนี้ ใครสายชาไม่ควรพลาดนะคะ เราสั่งชามาสองแก้ว ในเว่อร์ชั่นที่ว่าได้มาปุ๊ปกินปั๊บ ชาหอมจริงๆ และที่อยากแนะนำให้ลองสั่ง ครัวซองต์ มันอร่อยมาก กรอบนอก ข้างในเหนียวนุ่มและไส้อร่อยมาก

ร้านนี้มี UnionPay QR ใช้ K PLUS สแกนจ่ายได้เหมือนกัน

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://kbank.co/3yC4zaj

อีกร้านถัดกันไม่ไกลนัก ชื่อว่า PHUC LONG พอลองเสิร์ชดู นี่เป็นอีกร้านที่มีสาขาเยอะมาก เดินไปถึงหน้าร้านเห็นคนเดินเข้าออกตลอด ข้างในคือคนเยอะ  และที่สังเกตได้คือ คนเวียดนามชอบดื่มชา มีร้านชานมเยอะ และคนเต็มร้านตลอด

ตอนนี้นุ้ยยังคงวนอยู่แถวที่พัก เดินไปที่ Apec Park เป็นสวนสาธารณะริมแม่น้ำฮัน เพิ่งเปิดได้ไม่นาน นี่ถึงขั้นถามตัวเองสวนสาธารณะมันต้องสวยขนาดนี้เลยเหรอ มุมถ่ายรูปคือถ่ายยังไงก็สวย   รับรองได้มุมชิคๆ กลับมาแน่นอน  และความชิลล์คือเต็มพิกัดมาก เพราะอยู่ติดกับแม่น้ำฮันเลย ใครสายชิลล์ ก็เดินลงมานั่งเล่นริมแม่น้ำดูสะพานมังกรได้เลย

แต่คนชิค และสายแฟ แบบเรายังคงอยากไปร้านคาเฟ่ต่อ ร้านนี้เป็นร้านที่เราเสิร์ชเจอตอนนั่งชิลลริมน้ำ  ชื่อว่าร้าน Amee Station เราว่ามันน่ารักมาก มีความเป็นเรือนไม้ เรือนกระจก และเต็มไปด้วยต้นไม้ คิวท์จริง อะไรจริง อีกหนึ่งร้านที่ห้ามพลาด

สายมูกันบ้างที่  Linh Ung Pagoda เป็นวัดเจ้าแม่กวนอิม เป็นวัดที่สวยที่สุดในดานังเลยน๊า มีรูปเจ้าแม่กวนอิมแกะสลักด้วยหินอ่อนสีขาว  มีความสูงเท่าตึก 30 ชั้น สวย อลังการ ได้บุญ ได้ขอพร สายมูจะพลาดได้ไง

มาถึงเวียดนามแล้วถ้าพลาดร้านนี้ก็จะรู้สึกแปลกๆ ร้านนี้ชื่อว่า Cong café เป็นคาเฟ่ที่ดังมากในเวียดนาม มีสาขาทั่วประเทศเลยนะ และในดานังก็มีอยู่หลายสาขาเลย  ร้านมีควมมชิค คลาสสิค การตกแต่งคือให้ฟิลล์เวียดนามยุคโบราณ พนักงานใส่ชุดเขียวคล้ายกับทหาร เมนูห้ามพลาดคือกาแฟมะพร้าว อย่าให้พูดว่าทริปนี้แวะไปกี่สาขา และกินเมนูนี้ไปกี่แก้ว 

พาไปกินอาหารพื้นเมืองกันบ้างที่ร้าน Banh Xeo Ba Duong ร้านนี้คนขับรถเป็นคนแนะนำเราค่ะ  เขาบอกว่าร้านนี้ดังมาก และอร่อยมาก   เขาจอดส่งให้เราลงหน้าปากซอย แล้วปากว่าได้ไปให้สุดซอย เมื่อไปถึงเราจะรู้เองว่าร้านไหน แล้วก็จริงด้วยค่ะแม้ว่าในซอยนั้นจะมีร้านเยอะ  แต่พอสุดซอยจะมีหนึ่งร้านที่คนแน่น เต็มทุกโต๊ะ

เมนูมีไม่เยอะเลยค่ะ มีแค่ Banh Xeo แหนมเนือง(หมู)  และเนื้อย่าง เราสั่งมาแค่ 2 ย่าง แต่สั่งแหนมเนืองมา 2 รอบ คืออิ้มจุกๆ อร่อยถูกปาก พึ่งรู้ว่าเรามีความสามารถในการกินผักได้มากขนาดนี้

มาถึงโซนยอดฮิตกันบ้างนั่นคือ Dragon Bridge  ซึ่งบริเวณนี้จะมีไฮไลท์อยู่ หลายอย่าง ไม่ว่าจะ love bridge สะพานแห่งความรัก เป็นมุมที่เราสามารถถ่ายไปเห็นสะพานมังกร ได้สวยเลยทีเดียว  สะพานนี้มีนักท่องเที่ยวเอากุญแจรูปหัวใจมาคล้องกันไว้เต็มเลย

มาถึงสะพานแห่งความรัก็ต้องมีรูปคู่สินะ แต่เอาคู่แบบนี้ละกัน มุมเดียวกันผลัดกันถ่าย

ติดกันเลยคือ  Dragon Carp เป็นรูปปั้นหัวเป็นสิงโตตัวเป็นปลาคาร์ฟ แกะสลักด้วยหินอ่อน

และที่พลาดไม่ได้เลยคือ  Dragon Bridge   แลนด์มาร์คที่อลังการมาก เป็นสะพานมังกรที่ข้ามแม่น้ำฮัน มังกรสีทองเหลืองอร่ามมาก ยิ่งตกค่ำยิ่งสวย  ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 3 ทุ่ม  มังกรจะพ่นไฟได้  เป็นมังกรพ่นไฟที่แท้ทรูเลยล่ะ  บรรยากาศคือคึกคัก ทั้งคนทั้งรถจอดเต็มถนนเต็มสะพาน และริมแม่น้ำทั้งสองฝั่งก็เต็มไปด้วยผู้คนเพื่อมารอดู  เราสองคนคนหนึ่งในนั้น

ดูผู้คนเยอะมากจริงๆ ทั้งนักท่องเที่ยว และคนเวียดนามเอง เรารู้สึกว่าเวียดนามครั้งนี้ของเราคอมพลีทมาก ครบรสจริงๆ  เป็นอีกหนึ่งประเทศที่อยากให้ทุกคนได้ลองมาเที่ยวกัน มันดีต่อใจ สบายกระเป๋า ได้ฟิลล์ยุโรป ได้ชิมของอร่อย และสัมผัสวิถีของคนเวียดนาม

My Life My Travel