เฮ้ย !!! แกร
เคยไปแม่ฮ่องสอนฤดูฝนป่ะ ….
นุ้ยนะไปแม่ฮ่องสอนมาแล้วทั้งหมด 6 ครั้ง ทุกครั้งก็จะคาบเกี่ยวฤดูฝนทุกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นต้นฝน กลางฝน ปลายฝน มีครั้งเดียวที่เป็นฤดูหนาว
อยากรู้ละสิ ว่าไปทำอะไรฤดูฝน
…ทั้งเปียก ทั้งแฉะ ….
แต่ขอบอกว่า อย่า อย่าพึ่งคิดแบบฉัน ถ้ายังไม่ได้ไปเจอ
นุ้ยให้เหตุผลง่ายๆ สัก 3 ข้อก่อนเราจะเริ่มออกเดินทาง
แค่ 3 ข้อ ก็รีบเก็บกระเป๋ากันแทบไม่ทันแล้วหล่ะ แต่ยังมีเหตุผลอีกมากมายว่าทำไมต้องไปแม่ฮ่องสอนฤดูฝน
ทริปนี้เราออกเดินทางจากภูเก็ต มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย
ก็เพราะบินตรง และถูกสุดเลยคร้า งานนี้ไม่มีถูก ไม่บินนาจา
บอกแล้วว่าฤดูฝน ตั๋วถูก ไปกลับแค่พันนิดๆ จากภูเก็ตด้วยนะเออ
แต่ใครอยู่กรุงเทพ หรือจังหวัดอื่น ไม่ต้อง มาขึ้นเครื่องที่ภูเก็ตนะ 555
จากภูเก็ตใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมง
รีวิวนี้มีคลิปมาฝากกันด้วยนะ
หากเดินทางมาถึงเชียงใหม่แล้ว เราสามารถไปต่อแม่ฮ่องสอนได้หลายทางมาก ไม่ว่าจะนั่งเครื่องบินต่อ
ก็จะมีของกานแอร์ กับบางกอกแอร์แวย์ หรือจะนั่งรถโดยสาร รถตู้รถหวานเย็น
แต่สำหรับเรา เลือกแบบถนัดและสะดวกที่สุดคือเช่ารถขับเอง อยากจอดตรงไหนจอด อยากกินตรงไหนแวะ
ไม่เสียเวลานั่งรอเวลารถออกด้วย
ครั้งนี้เราใช้บริการรถเช่าท้องถิ่น ซึ่งจะมีให้เห็นกันใจเชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน นั่นคือ
บริษัท NorthWheels ใครไปเชียงใหม่ลองติดต่อดูนะ ราคาไม่แพงค่ะ
ครั้งนี้เราใช้ปาเจโร่ ชอบความใหญ่และบึก เพราะเราจะเดินทางกันยาวๆ ขึ้นเขาลงห้วยกัน 5 วัน
ถ้าพร้อมแล้วเราไปกันโล๊ด
เส้นทางในทริปนี้ จะขับรถวนเป็นวงกลมกันค่ะ
โดยเริ่มจาก เชียงใหม่ – แม่ลาน้อย – เมือง – ปางมะผ้า – ปาย -เชียงใหม่
ปลายทางที่หลับที่นอนของเราในวันแรกอยู่ที่แม่ลาน้อย
เป็นครั้งแรกสำหรับการขับรถเส้นนี้เพราะปกติจะเข้าทางปายตลอด
ถนนสวย ขับง่ายกว่าเส้นปายพอสมควรเลยค่ะ
ก่อนถึงแม่ลาน้อยจะผ่านอำเภอแม่สะเรียง แอบเสียดายที่ทริปนี้ไม่ได้จัดแม่สะเรียงเข้าไปด้วย
แต่เราก็ยังได้แอบแวะ สวนสนบ่อแก้ว ซึ่งเป็นทางผ่านด้วย
เหมือนเกาะนามิเลยนะแกร๊ จูงมือแฟนไปมโนกันเถอะ
—-
เราอยู่ที่นี้ไม่นานนัก แวะถ่ายรูปเล่น เพราะเป็นสถานที่ที่สวยอีกสถานที่นึงเลยทีเดียว
แต่ที่นี้ไม่ใช่ปลายทางหลักของวันนี้ ก่อนฟ้าจะมืด
ระยะทางเชียงใหม่ เข้าสู่อำเภอแม่ลาน้อย ใช้เวลาเดินทางเกือบๆ 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว ถือว่าเส้นทางค่อนข้างยาวไกล
แต่ตอนขับรถอยู่กลับรู้สึกว่าไม่นานเลย เพราะบรรยากาศสองข้างทำให้เราเพลินได้ตลอด ต้นไม้เขียวชะอุ่มชุ่มชื่น
บ้างก็มีลำธารริมถนน …ฟิน
เราเดินทางมาถึงแม่ลาน้อยกันในตอนเย็น คืนแรกเรานอนกันที่ เฮินไตรีสอร์ท
เป็นที่พักหลักร้อยที่ต้องร้องว๊าวเลยทีเดียว
แต่ … นุ้ยก็แอบเศร้าที่คำนวณวันผิดพลาด เนื่องจากตอนที่นุ้ยเดินทางไป เป็นช่วงต้นฤดูฝน
ที่นี่พึ่งเริ่มจะเตรียมหน้าดินสำหรับปลูกข้าว
ห้องพักที่เฮินไต มีหลายแบบมาก ตั้งแต่ห้องเล็กๆ พักได้ 2 คน จนถึงห้องขนาดใหญ่ พักได้ 8 คน
ราคาเริ่มต้นที่ 790 บาท รวมอาหารเช้านะคุณ
วันที่เราไป ไม่ได้จองห้องไว้ล่วงหน้า บอกแล้วไปแบบไม่ต้องแพลนจ้า
เราจึงได้พักห้องนี้ บ้านหลังนี้ เป็นบ้านที่มี 2 ห้องติดกัน
ห้
นุ้ยคอนเฟิร์ม และนำนำที่นี่เลยค่ะ
ถ้าใครกำลังจะเดินทางช่วงนี้นะ ตั้งแต่ กรกฎาคม – ตุลาคม มันจะสวยมาก
เป็นช่วงกรีนซีซั่น ต้นข้าวเขียวขจีเต็มท้องนา ป่าเขาชุ่มชื่น
โอ๊ย ! อยากลับไปอีก
นุ้ยว่าหยดน้ำเหล่านี้ คือเสน่ห์ ของฤดูฝนนะ การนั่งมองฝน
มองออกไปไกลๆ มันทำให้เราผ่อนคลาย และคิดอะไรเยอะ
และมื้อเย็นไมได้ออกไปไหนไกลเลย ทานอาหารที่เฮินไตเลยคะ
อย่างที่บอกว่ามาถึงตอนเย็น ไม่ได้ไปเดินสำรวจในหมู่บ้าน ไม่ได้ไปพูดคุยกับคนท้องถิ่นเลย
นี่คือ..เป็นเหตุผลที่เราต้องกลับไปใหม่อีกรอบให้ได้
กลับเข้ามาสู่เมนูอาหาร ง่ายๆ ของเรา จำได้ว่าเป็นแกงฮังเล เห็ดหอมทอด และต้มอะไรสักอย่าง อร่อยไม่แพง
นี่คือห้องที่นุ้ยพักนอนได้ 3 คน ห้องกว้างพอควรค่ะ มี 2 ชั้นด้วย
คืนนี้หลับฝันดี พรุ่งนี้เราจะไปขึ้นเขากัน
ตื่นเช้ามาด้วยสดใส วันนี้เราออกจากที่พักกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า
เพราะจะไปขึ้นเขาดูทะเลหมอก ไปดูนาขั้นบันไดที่โครงการหลวงแม่ลาน้อย และไปชิมกาแฟกันที่บ้านห้วยห้อม
นี่คือระหว่างทางขึ้นเขา… ที่ทำให้เลือดของนุ้ยสูบฉีด
ตื่นเต้นและมีความสุข ่
คนอื่นไม่รู้เป็นเหมือนกันหรือเปล่า … ทุกการเดินทาง
แค่ยอดหญ้า เรายังบอกว่าสวยได้เลย … เพราะในช่วงขณะนั้น เรามีความสุข
สิ่งรอบตัว จึงดูสวยไปหมดซะทุกอย่าง
แต่เพื่อนเราบางคนบอกว่า “สวยตรงไหนอะเมิง กรูเข้าไม่ถึง”
โมเม้นมันต่างกันเนอะ
เราแวะจอดเกือบตลอดเส้นทาง เพราะแต่ละจุดมีหมอกที่ต่างกัน
มีทั้งแบบบางเบา พริ้วไหว หนาแน่น นุ่มนวล
ตลอดเส้นทางนอกจากสายหมอกที่คอยยั่วยวนให้เราหยุดรถแล้ว
ยังมีวิถีชีวิตของคนในชุมชนที่น่าสนใจ ความอยากรู้อยากเห็นของเรามีมากมายเหลือเกิน
เพราะเราคิดเสมอว่า …การเดินทางคือการเรียนรู้ มันคือประสบการณ์ และความรู้ที่เราจะไม่สามารถ
หาจากที่ไหนได้เลย…ถ้าไม่ไปเจอด้วยตัวเอง
หลังจากบ้าเห่อทะเลหมอกอยู่นานมาก เป็นชั่วโมง สองชั่วโมงเลยทีเดียว
ต่อจากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่ นาข้าวขั้นบันไดที่โครงการหลวงแม่ลาน้อยกันเลย
ทางเข้าโครงการหลวง เราจะผ่านหมู่บ้าน ตอนนี้ดูเงียบเหงา
เพราะชาวบ้านออกไปทำไร่ ทำนากันหมดแล้ว
วันที่นุ้ยขึ้นไปเป็นวันที่ 23 มิถุนายน 2559
เป็นช่วงเวลาที่ข้าวพึ่งเริ่มปลูก
มีอยู่หลายแปลงเลยทีเดียวค่ะ แต่นุ้ยก็ไม่ได้อยู่บริเวณนี้นานสักเท่าไหร่ แค่เก็บภาพเล็กๆ น้อยๆ
แต่ถ้าเป็นเดือนปลายๆ กันยาย นุ้ยว่า ที่นี้คงเหลืองอร่ามแน่ ๆ ในขณะที่บริเวณตัวอำเภอแม่ลาน้อยก็กำลังเขียวขจี
และปลายทางสุดท้ายของการขึ้นเขามาวันนี้คือ
การไปชิมกาแฟบ้านห้วยห้อมคะ
เพราะเราได้ยินมาว่ากาแฟของบ้านห้วยห้อม รสเด็ดหอม เข้มข้น จนถึงขั้นที่สตาร์บั๊ค มารับซื้อเลยน๊า
แต่รับไปเฉพาะแบบสด แล้วนำไปคั่วที่ต่างประเทศ แล้วส่งกลับมาขายที่สตาร์บั๊คบ้านเรา
ในแบรนด์ ม๋วนไจ๋
ถือเป็นโอกาสดีที่วันนั้นเราได้เจอกับตาเลอะ ผู้ปลูกกาแฟต้นแรกของบ้านห้วยห้อม
ตาเลอะเป็นคนอารมณ์ดีพูดเก่งมาก ยิ้มแย้มตลอด
ตาเลอะเล่าให้เราฟังว่า จุดเริ่มต้นมาจากมีมิชชันนารีเข้ามาเผยแพร่ศาสนา
และอยากให้ชาวบ้านมีรายได้ จึงได้นำเข้าพันธ์ุกาแฟ มาให้ชาวบ้านปลูก จนถึงทุกวันนี้
ที่ชาวบ้านเข้มแข็ง และใช้เป็นอาชีพเลี้ยงตัว สืบทอดจนมาถึงลูกหลาน
กาแฟแก้วธรรมดา แต่กลิ่นและรสชาติไม่ธรรมดาเลยจริง
กลิ่นหอมที่เตะจมูก จนทำให้เราต้องหันไปมองว่ากลิ่นมาจากไหน
ยิ่งตอนได้ลิ้มรส ….. มันใช่อะ
คอกาแฟ ต้องไปลิ้มลองให้ถึงที่นะพูดเลย
แต่เขามีแบบสำเร็จขายด้วยนะ ทั้งแบบ คั่ว และบดแล้ว
และมีกาแฟขี้ชะมดด้วยนะเออ แต่วันนั้นนุ้ยไม่ได้ชิม
มัวแต่ไปเดินตามลากาแฟต้นแรก และกินแมคาเดเมียสด
และปิดท้ายแม่ลาน้อยด้วยกับข้าวบ้านๆ ที่อร่อยมาก จากครัวบ้านตาเลอะ
เห็ดเผาะอร่อยมาก กรุบๆ กรับๆ
หลังจากทานจนอิ่ม ได้เวลาที่นุ้ยต้องออกเดินทางต่อ เพราะปลายทางและที่หลับนอนคืนนี้คือ
อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ถ้าใครขับเที่ยวตามเส้นทางนี้ในช่วงพฤศจิกายน
เราจะได้เห็นทุ่งดอกบัวตองด้วยน๊า
เช่นเดิมมาถึงเมืองกันช่วงเย็น
คืนนี้เราพักกันที่ อิมพีเรียล แม่ฮ่องสอน
เป็นครั้งแรกที่พักโรงแรมใหญ่ๆ ในแม่ฮ่องสอน ปกตินุ้ยจะเน้นสายโฮมเสตย์ชิลล์ๆ
แต่ครั้งนี้อยากลองพักอีกาแบบ เพื่อให้รู้ว่า เฮ้ย ! ที่พักดีๆ ได้มาตราฐานในแม่ฮ่องสอนก็มีนะ
ห้องค่อนข้างกว้าง เลยทีเดียว ของใช้ในห้องครบครัว ที่จอดรถเพียบ มีสระว่ายน้ำ และรวมอาหารเช้านะจ๊ะ ดีงามตามท้องเรื่อง
หลังจากเช็คอินเสร็จ เราก็ไปเติมพลัง สูบฉีดกาแฟเข้าร่างกาย
กันที่ Coffee Moning ที่นี่นอกจากเป็นร้านกาแฟแล้ว ยังเป็นที่พักอีกด้วยน๊า
เมื่อตอนปี 2552 ครั้งแรกของการมาเยือนแม่ฮ่องสอน นุ้ยเคยมานอนที่นี่ ตอนนั้นคืนละ 500 บาท ห้องน้ำรวม
แต่ปัจจุบันไม่แน่ใจนุ้ยลืมถามราคา
บรรยากาศในเมืองค่อนข้างเงียบ ผู้คนบางตา
แอบชอบบรรยากาศแบบนี้จัง รู้สึกเราได้สโลว์ไลฟ์จริงๆ
เดินช้า ๆ นั่งเรื่อยๆ จิบกาแฟ อ่านหนังสือ เขียนโปสการ์ด
ไปต่อกันที่บ้านห้วยเฒ่าเสือ เป็นหมูบ้านชาวกะเหรี่ยงคอยาว
เที่ยวมาก็เยอะ ถ้าจะบอกว่าพึ่งเคยเจอครั้งแรกจะเชยมั๊ย
บ้านห้วยเฒ่าเสืออยู่ห่างจากตัวเมืองเพียงไม่กี่กิโลเมตร ขับรถเข้าไปเองได้สบายๆ เลยค่ะ
และทำให้รู้ว่าสาวกะเหรี่ยงสวยมากนะยูว์
นอกจากสาวกะเหรี่ยงแล้วที่นี้ยังมีพวกของฝาก ผ้าทอมือ ขายอีกเพียบ
แต่นุ้ยไม่ได้อะไรติดมือกลับมาเลย เพราะมัวแต่ป่วนเปี้ยนอยู่กับสาวกะเหรี่ยง
นางสวยมากอะ
ตอนใกล้ค่ำนุ้ยตั้งใจไปดูแสงที่พระธาตุดอยกองมู
บรรยากาศพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขา โรแมนติคสุดๆ
แต่ นั่นไง ลืมไปว่าอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขา ไม่ได้หล่นน้ำเหมือนภูเก็ต
กว่าจะขึ้นไป พระอาทิตย์ลับหายไปนานแล้วจ้า
ไปสัการะองค์พระธาตุแทนก็แล้วกันเนอะ
ช่วงเวลาย่ามค่ำคืนผ่านไป เช้ารุ่งขึ้น รีบบึ่งรถไปปางอุ๋งเลยจ้า
จากตัวเมืองไปปางอุ๋งใช้เวลาเกือบชั่วโมง แต่เพื่อบรรยากาสยามเช้าริมน้ำนุ้ยสู้ตาย
ครั้งที่ 3 ที่ได้มายืนอยู่ ณ จุดนี้
พระอาทิตย์เริ่มโผล่ นุ้ยรีบเลยค๊า รีบขับรถกลับมายังพระธาตุดอยกองมู
เพราะเคยได้ยินมาว่ายามเช้าพระอาทิตย์ขึ้นสวยมากจะมีหมอกปกคลุมด้วย
แอบเสียดายนิดๆ ที่เมฆค่อนข้างเยอะ แต่แค่มีหมอกมาให้เห็นเราก็ชื่นใจกันแล้ว
ยังไม่จบ ๆ ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมง นุ้ยขับรถวนไปมา ประมาณว่า เที่ยวไม่ครบไม่หลบกลับบ้านแน่
เพราะเรายังแวะไปยังสะพานซูตองเป้ เขาว่ากันว่าสะพานแห่งนี้เป็นสะพานไม้ไผ่ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
เกิดขึ้นจากแรงศรัทธา และเป็นสะพานแห่งความสำเร็จ
ให้เราเริ่มอธิฐานตั้งแต่หัวสะพานจากหมู่บ้าน และเดินไปจนถึงปลายสะพานที่สวนธรรมภูสมะ
วันนี้ฝันพังสลาย ข้าวยังไม่ปลูก พึ่งเริ่มไถ่นา ใครเดือนกรกฎาสิงหา กันยา ส่งรูปมาอวดด้วยนะ
เค้ารู้ว่ามันต้องสวยแน่ๆ อิจฉาแรง
และแล้วเราก็ลืมอธิฐาน … ต้องกลับไปใหม่แล้วหล่ะ
หลังจากนั้นนุ้ยก็กลับไปทานข้าวปลาในโรงแรม ก่อนออกเดินทางต่อ
ระหว่างทางขาออกจากแม่ฮ่องสอน ไปปางมะผ้า ผ่านร้านกาแฟ ชื่อร้านช้างไทย เป็นร้านกาแฟ
วิวสวย บรรยากาศดี แวะเลยคร้า ตามสไตล์ เจอร้านกาแฟเมื่อไหร่ เราต้องจอด
เครื่องราคาไม่แพงด้วย ปลื้มคะปลื้ม
ที่ร้านจะขายเฉพาะเครื่องดื่ม ไม่มีอาหาร
คาปูชิโน่หวานๆ มาเป็นหัวใจเลย
นมเย็นเหมาะกัผู้หญิงหวานๆ
นั่งห้อยขาชิลๆ กันมุมนี้ ฟินๆ อากาศดีมากๆ
จากอำเภอแม่ฮ่องสอนไปอำเภอปางมะผ้า ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
และนี่ก็เป็นครั้งแรกสำหรับการพักค้างคืนที่ปางมะผ้า
อำเภอแห่งนี้เป็นอำเภอที่นุ้ยใช้เป็นทางผ่านมาตลอด 5 ครั้ง
แต่ครั้งนี้พลาดไม่ได้แล้ว ..เดี๋ยวปางมะผ้าน้อยใจ
แต่สาเหตุหลักๆ เพราะนุ้ยอยากไปดูทะเลหมอกที่บ้านจ่าโบ่ จะขับรถมาจากปายก็ไกลพอควร แต่ลืมคิดไปว่าที่นั่นมีโฮมสเตย์
จนได้มานอนที่ เดอะร็อครีสอร์ท
คาดไม่ถึงเลยว่า อำเภอเล็กๆ ที่เราเคยมองผ่านจะมีที่พักน่ารักๆ และอากาศดีขนาดนี้
บ้านพักทุกหลังจะลักษณะคล้ายกัน ต่างกันที่วิว และขนาดของห้อง
ของนุ้ยคือหลังนี้ หลังเล็กๆ ริมน้ำ
ภายในสวยเลยทีเดียว
เรียบๆ แต่น่ารัก สะอาดมาก ห้องน้ำสวยมาก
ที่นี้ก็ฟินกันเลย หลังจากเช็คอินหลับยาว เพราะตื่นเช้ามา 2 วันติด
เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ตื่นมาอีกที มืดตื๋อเลย ออกไปหาอาหารตามสั่งทาน ซึ่งยังพอมีให้เห็นอยู่บ้างยามค่ำคืน
เดอะร็อคนอกจากจะเป็รีสอร์ทแล้ว ยังเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหารอีกด้วยน๊า ใครผ่านไปมาเส้นนี้
แวะชิมกันได้ ถือเป็นกันจอดพักรถ พักคน พักสายตา
เช้าวันที่ 3 ตื่นกันตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง เพื่อมุ่่งหน้าสู่บ้านจ่าโบ่ เราจะไปกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา
ณ บ้านจ่าโบ่
ทะเลหมอกเช้านี้ ไม่ได้เยอะเหมือนที่คาดหวัง
แต่มันดูแล้วสดชื่นมากๆ
เพราะเมื่อคืนฝนตก พึ่งจะหยุดตอนที่นุ้ยมาถึง
ตอนแรกเศร้าแล้วเชียวว่าจะไม่เห็นอะไร ได้แค่นี้ก็ชื่นใจ
เห็นอะไรในภาพนี้มั๊ย
ห้ามตอบว่าเห็นนุ้ยอ้วนนะ 555
เห็นมั๊ยว่าเราไม่ต้องแย่งใครถ่ายรูป คนน้อยมาก ชอบโมเม้นนี้ที่สุด
ได้เวลาก๋วยเตี๋ยวแล้ว
ควันขึ้นเลย … น้ำซุปร้อนๆ ตอนอากาศเย็นๆ แบบนี้เข้ากั๊น เข้ากัน
รสชาติอร่อยเลย ไม่รู้เป็นเพราะนุ้ยหิวหรือเปล่า
กินอิ่มแล้วไปเดินเล่นกันต่อสักหน่อย ก่อนจะกลับไปอาบน้ำ แล้วขับรถเข้าปายกันต่อ
เช้านี้ในหมู่บ้าน
ทุกคนยังคงใช้ชีวิตกันตามปกติ
ทำกับข้าวกับปลา ..เตรียมตัวออกไปทำมาหากิน
ทำให้รู้สึกอยากพักโฮมเสตย์ของที่นี้จริงๆ ซะแล้ว
ไปแอบถามราคา คนละ 200 บาทเองนะ ถูกมากๆ
กลับจากบ้านจ่าโบ่
ใช้เวลาอยู่ใน เดอะร็อคอีกพักใหญ่ ก่อนออกเดินทางต่อ
ระหว่างทางเจอฝนนิดหน่อย แต่แอบแปลกใจ ฤดูฝนที่แม่ฮ่องสอนไม่ได้ตกหนัก ไม่ได้ตกทุกวันเลย
ระหว่างทาง ผ่านจุดชมวิวกิ่วลม
เพราะเป็นจุดที่นุ้ยรู้สึกว่ารับลมดีมาก
ขึ้นไปยืนตรงนั้นที่ไร รู้สึกลมหนาวมาปะทะผิวทุกครั้ง
เดินทางถึงปาย เราต้องไปเช็คอินกันก่อน
นุ้ยนอนที่ปาย 2 คืน แต่ละคืนก็จะนอนคนละที
ออกแนวโรคจิต อยากสัมผัสหลายๆ ที่ ว่าแต่ละที่ต่างกันยังไง
คืนแรกนอนที่ ปายริเวอร์คอนเนอร์ อยู่ริมแม่น้ำปายเลยจ้า ติดถนนคนเดิน
หรือถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ เดินถนนคนเดินไปจนสุดทางถึงแม่น้ำปาย
ปายริเวร์คอนเนอร์จะอยู่ตรงมุมขวามือ
แต่แวะเข้าไปเช็คอินแค่แปบเดียว แล้วนุ้ยก็เดินออกมาเช่ามอเตอร์ไซค์
ไม่ต้องงง ว่าจะเช่ามอเตอร์ไซค์ทำไม ในเมื่อเช่ารถยนต์มาแล้ว
สำหรับนุ้ยนะ การใช้ชีวิตอยู่ในปาย มอเตอร์ไซค์ดีสุด ฟินสุด
จนก็ง่าย ขับก็ง่าย แต่อาจจะดำสักนิด แต่ได้สัมผัสความเป็นปายมากกว่า ยอมแลก
ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ จะราคาประมาณ 100-250 บาท แล้วแต่ประเภทของรถ
และความเก่าใหม่ นะ
ได้รถปุ๊บขับเล่นไปเรื่อยๆ ไปจนถึง ปายแคนยอน หรือกองแลนนั่นเอง
แนะนำให้ไปช่วงเย็นๆ นะ ฟินมาก ที่สำคัญไม่ร้อน เดินขึ้นเขาก็ไม่เหนื่อย
ลองไปกลางวันดิ วิ่งลงแทบไม่ทัน
กลับจากกองแลน มาก็เดินเล่นหาของอร่อยๆ ที่ถนนคนเดินปาย
กินไปเรื่อยๆ อิ่มเมื่อไหร่ค่อยหยุด
ซื้อเบียร์กลับมาสักขวดนั่งกินหน้าห้อง
ก่อนจะไปนอนแช่จากุซซี่ สบายๆ
เสน่ห์ของปายริเวอร์คอนเนอร์ จะอยู่แม่น้ำปาย
นั่งทานอาหารเช้าริมแม่น้ำเก๋ ๆ ชิลล์ ๆ
อาหารเช้าจะเป็นแบบอลาคาส เป็นเซ็ตให้เราเลือก
ทานอาหารเช้าเสร็จ วันนี้ขอฟินช่วงเช้าในที่พัก ขอสโลว์ไลฟ์ สักวัน พรุ่งนี้จะต้องเดินทางกลับแล้ว
กลิ้งๆ นอนๆ อ่านหนังสือ แช่จากุซซี่ต่อ จนถึงเวลาเช็คเอ้าท์ จัดการขนของย้ายโรงแรม เรียบร้อย
แล้วจะรออะไร
เที่ยวต่อเลยดีกว่า เนื่องจากว่ามาปายบ่อยมาก ครั้งที่ 6 แล้ว
ก็ได้แต่คิดว่าแล้วจะไปไหน แม้จะมีที่เที่ยวมาก ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิว วัดวาอาราม
น้ำตก น้ำพุ สะพานปาย
รอบนี้เลยขับเข้าซอยโน่นซอยนี่ไปเรื่อยๆ สำรวจเส้นทาง
เจอพร็อพจักรยานรีบถ่ายก่อนเจ้าของมา
สำหรับคนชอบปั่นก็โอนะ แต่สำหรับนุ้ย ในปายนุ้ยว่ามันเหนื่อยไป
เพราะบางช่วงค่อนข้างเนิน และชัน อ้วนๆ แบบเรา ต้องไม่หลุดคอนเซ็ป ยังคงรักสบายนะค่ะ
ขับวนมาถึง น้ำพุร้อนท่าปาย เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ค่าเข้าคนละ 50 บาท รถมอเตอร์ไซค์อีก 20 บาท
มีทั้งบ่อน้ำร้อนที่ให้ลงไปอาบ แช่ตัว
และบ่อน้ำร้อนต้มไข่ และบ่อน้ำร้อนที่ห้ามทำอะไรเลย
และการต้มไข่เหมาะที่สุดสำหรับเรา
แวะซื้อไข่ในร้านสวัสดิอุทยานได้เลย 6 ฟอง 50 บาท (หรือเปล่า)
มีตะกระกร้าให้ยืมต้มไข่ด้วยน๊า
แช่ไว้ประมาณ 10-15 นาทีไข่ก็สุกแล้วหล่ะ
แต่บอกก่อนว่า ไข่ขาวไม่สุกนะ จะสุกเฉพาะไข่แดง
เพราะตอนแรกนุ้ยก็ลองเอามาปอก ปรากฎว่าไข่ขาวมันเหลว ก็เลยต้มต่อ
รอเท่าไหร่ก็ไม่สุกสักที … จนรอไม่ไหว แกะเปลือกออกจริงจัง
อ้าว ! ไข่แดงสุกแล้ว
ถึงบางอ้อเลยค่ะ
เสร็จจากต้มไข่ขับรถไปหาร้านข้าวทานกัน
หลายคนบอกว่า ที่ปายของแพง
ไม่จริงหรอกค่ะ …มันอยู่ที่เราเลือกนะ เพราะทริปนี้นุ้ยเที่ยวแบบประหยัด แต่ไม่อด
แวะกินข้าวร้านอาหารตามสั่ง จานใหญ่ด้วย 30-40 บาทเอง
แต่ไม่แนะนำบริเวณถนนคนนเดินสำหรับอาหารตามสั่งนะ เพรามื้อแรกนุ้ยทานไปจานละ 90 บาท
เห็นมั๊ยบอกแล้วว่าอยู่ที่เราเลือก
แต่ต้องปิดท้ายวันนี้ด้วยการไปนั่งโง่ๆ ปล่อยสมองกันที่ถนนคนเดินอีกนั่นแหละ
ประมาณ พี่งกค่าข้าว แต่ค่ากาแฟ กับเค้กพี่สู้ตาย 555
วันนี้นุ้ยเลือกทานร้านประถม 1 เป็นร้านไม้เล็กๆ ริมถนนคนเดินปาย
มีที่นั่ง 2 โซน คือด้านใน จะเป็นโต๊ะนั่งพื้นคล้ายๆ โต๊ะญี่ปุ่น
แต่นุ้ยเลือกนั่งบริเวณหน้าร้านเลย …เพื่อนนั่งดูโน่นนี่นั่น
ดูนั่งท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา
ในช่วงฤดูฝนแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่ง เกือบทุกช่วงวัย คนไทยและคนจีนแทบไม่มีเลย
ดูสงบดี อยากให้ลองไปกันช่วงหน้าฝนจริง ๆ
วันนี้สั่งไม่เยอะ กาแฟคนละแก้ว และบราวนี่มา 1 ชิ้น
บอกเลยว่า มันอร่อย
นุ้ยจำไม่ได้ว่ากาแฟแก้วนี้ชื่อว่าอะไร เพราะชื่อค่อนข้างยาว
แต่มันอร่อย เข้มข้น กลมกล่ม มีกลิ่นหมอคาราเมล
แต่ถ้าถามพลาดจริงๆ บราวนี่ชิ้นนี้เลย
มันเกินคาด ถ้าให้พูดจริงๆ คือไม่ได้คาดหวังกับบราวนี่ชิ้นนี้ สั่งมาเพราะวันนั้นเหลืออยู่อย่างเดียว
แต่มันอร่อย เป็นบราวนี่ที่บอกได้เวลา อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกิน
ไม่ได้เว่อร์นะ แต่ต้องบอกว่าลิ้นคนไม่เหมือนกันนะ
นุ้ยชอบะ มีความกรอบนอก แต่ข้างในนุ่มหนึบๆ อร่อยจริงๆ
นั่งจนอิ่ม ไม่ใช่กินคนอิ่ม
กลับเข้าที่พักอาบน้ำอาบท่ากันบ้าง คืนสุดท้ายของนุ้ยพักที่ The Quarter Hotel
อีกคืนนี้เน้นสบาย …. แต่ไม่แพงนะจะบอกให้
ยิ่งช่วงหน้าฝนลดกระหน่ำมาก ชอบๆ ถูกและดี
ห้องของเราเป็นแบบนี้ ห้องน้ำกว้างมาก แบ่งออกเป็น 2 โซน
ระเบียงหน้ากว้างๆ
ทีโปรดปราน คือมีสระว่ายน้ำ … บางทีเหนื่อยๆ ตากแดดทั้งวันช่วงกลางค่ำ ว่ายน้ำสระผ่อนคลายไม่น้อย
ตื่นเช้ารีบบึ่งรถไปหยุนไหล
ใครยังไม่เคยไปหยุนไหลยกมือขึ้น
บอกว่าห้ามพลาดนะ สามารถขับรถขึ้นไปได้เอง แต่ทางค่อนข้างแคบหน่อยขับระวังๆ กันนะ
แต่รับรองว่าคุ้มสุด นุ้ยขับรถขึ้นไปตอนประมาณเกือบๆ 6 โมงเช้า
ไปนั่งรอแสงพระอาทิตย์ขึ้น ไปดูทะเลหมอก ไปนั่งนิ่ง กุมมือกันไว้
เคยมั๊ยกำลังนั่งฟินๆ ได้ยินเสียงแว่วมา
มึงตื่นมาดูพระอาทิตย์ทำไม …ที่บ้านมึงพระอาทิตย์ไม่ขึ้นเหรอ
เราสองคนก็หันมามองหน้ากัน … แล้วก็หัวเราะ
5555 มันก็จริง
แสงเริ่มแรงหมอกเริ่มจา
นุ้ยกลับมาทาอาหารอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะเก็บความสุขทั้งหมดกลับบ้าน
และสำหรับมื้อเช้าที่นี้ดีงาม
แม้จะเป็นช่วงฤดูฝน แต่ที่นี้ยังคงมีอาหารเช้าเป็นบัฟเฟ่ต์นะคุณ
เพราะลูกค้าของที่นี้เกือบเต็ม … คิดดูละกันว่า ในขณะที่อื่นเงียบเหงา ที่นี้เกือบเต็ม มันต้องดีจริง
ที่สำคัญไม่ใช่บัฟเฟ่ต์แบบเล็กๆ นะ เพราะมาแบบเต็มสูตร
บ๊าย บาย แม่ฮ่องสอน แล้วพบกันใหม่นะ
จะกี่ปี่ผ่านไปแม่ฮ่องสอนก็ยังคงเป็นเมืองที่นุ้ยรักเสมอ
เพื่อนๆ ละ มีที่ไหนที่เป็นสถานที่ที่ไปบ่อยที่สุดมั๊ย
แล้วเคยมั๊ยไปเยือนสถานที่นั่นในฤดูที่แตกต่าง
ฤดูฝน …. มันไม่ได้มีแค่ความเปียกแฉะ
แต่ยังมีเสน่ห์อีกมากมายเหลือเกิน
ออกมาเที่ยวแม่ฮ่องสอนฤดูฝนกันค่ะ ….แล้วคุณจะตกหลุมรักเหมือนที่นุ้ยรัก
———————————–
สุดท้ายขอขอบคุณ
ททท.แม่ฮ่องสอน /สายการบินแอร์เอเชีย / เฮินไต รีสอร์ท / อิมพีเรียล โฮเทลแม่ฮ่องสอน
ปายริเวอร์คอนเนอร์ / เดอะควอเตอร์ ปาย / และ North Wheels
——————————–
ขอบคุณเพื่อนๆ สำหรับการติดตามกันนะค่ะ
ทักทายกันได้ที่ช่องทางเล่านี้
Facebook : https://www.facebook.com/MyLifeMyTravels/
Instagram : https://www.instagram.com/mylifemytravel/
Website : http://www.mylifemytravels.com/
YouTube : https://goo.gl/Gync7Y
View Comments
ชอบมาค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีงาม น่ารัก...
สวยทุกภาพเลย บรรยายดีมากๆๆอยากเที่ยวตาม ขอบคุณน้องนุ้ยน่ะค่ะ ถ้าพี่มีเวลาจะติดตามน้องเที่ยวหรือชวนเราไปด้วยได้น่ะค่ะ อยู่ภูเก็ตเหมือนกันค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิว..สุดยอดค่ะ ทั้งภาพและคำบรรยาย จะตามรอยปลายสิงหาคม 2563 นี้ค่ะ
ต้องรวบรวมสมาชิกก่อน ไม่ทราบจะสำเร็จไหม แต่กลางตุลาจะมาปายอีก เป็น กรุ๊ป สว.ไม่ค่อยลุย
รีวิว..อยากขอเพิ่ม ช่วงวันที่ตั้งแต่หัวเรื่อง ผู้อ่านจะได้รู้ว่าไปช่วงไหนจึงจะได้วิวเช่นนี้ค่ะ และที่พักมีราคาด้วยก็จะดีมากๆ ช่วยในการตัดสินใจค่ะ