แจกแพลนเที่ยวสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน ครบรสสิงคโปร์

ในที่สุดเราก็ได้ออกเดินทางไปท่องโลกกันอีกครั้ง ครั้งนี้เราสองคนเลือกประเทศใกล้ๆ อย่างสิงคโปร์

เที่ยวง่าย มุมถ่ายรูปสวย เดินทางสะดวก

.

ตอนแรกก็คุยกันว่า 4 วัน 3 คืน เราจะไปทำอะไรกัน มันเยอะไปมั้ย ต้นก็บอกว่าไปให้หายคิดถึงการเดินทาง อ่ะๆ นุ้ยก็ยอมแต่พอเริ่มทำแพลน ที่เดิมก็อยากไป ที่ใหม่ก็อยากไป ร้านนั้นก็อยากกิน ร้านนี้ยังไม่เคยลอง  4 วัน 3 คืน ดูน้อยไปเลยสำหรับสายชิลล์แบบเรา

.

สำหรับคนที่เดินทางเข้าสิงคโปร์ตอนนี้ง่ายมากเลย

แค่มี Passport + Vaccine Passport + กรอกข้อมูล SG Arrival Card

.

ที่พัก

 V Hotel Bencoolen ทำเลดีมาก เดินออกจากสถานีปุ๊บเจอเลย และมีสถานี MRT ใกล้ ถึง 2 สถานี  รถบัสผ่านหลายสาย เงียบสงบ ปล่อยภัย รอบๆ เป็นโรงแรม มีค่าเฟ่ ศูนย์อาหาร มินิมาร์ท

.

การเดินทาง

เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย สะดวก สบายกระเป๋า มีบินตรงทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน

เข้าไปเช็คไฟลท์บินกันได้เลย https://www.airasia.com/

.

แต่ที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ คือบัตรเครดิตกรุงศรี

ทำให้ทริปนี้ของเราทั้งเซฟ และได้เงินคืน ไม่ว่าจะกิน เที่ยว ช้อป  หรือเริ่มต้นตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบินกันเลยทีเดียว  ท่องโลกให้ปลอดภัย ช้อปสกุลต่างประเทศให้คุ้ม กับบัตรเครดิต กรุงศรี

ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2565

แพลนตามนี้เลยจ้า 4 วัน 3 คืน ของเรา ตามนี้เลย

Day 1  วันเดินทาง

  • Hawker Chan Chaina town
  • Supertree Grove at garden by the bay

Day 2   Keong Saik /  Duxton /  Chainatown / Marina Bay

  • Tong Ah Eating House
  • Potato Head
  • วัดเขี้ยวแก้ว  Buddha Tooth Relic
  • Tian Tian Hainanese Chicken Rice
  • Cake spade
  • Marina one
  • Capital spring
  • Merlion
  • Marina sand

Day 3   กิน / ถ่ายรูป/ช้อป

  • NG AH SIO Bak Kut The
  • Haji Lane
  • Sultan Mosque
  • Hill Street Tai Hwa Pork Noodle
  • Library @ Orchard
  • ช่วงเวลาที่เหลือช้อปปิ้ง

Day 4   วันเดินทางกลับ

  • Old Hill Street Police Station
  • Fort Canning Park
  • Tiong Bahru Bakery

 Jewel Changi Airport 

มีความตื่นเต้นเบาๆ สำหรับการเดินทางออกต่างประเทศทริปแรกของเราในรอบสองปีครึ่ง

เราว่าเสน่ห์ของการช้อปปิ้งที่คิงพาวเวอร์คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของของต่างประเทศเลยนะ

และแน่นอนว่าครั้งนี้เราก็ไม่พลาด มีของหลายสิ่งอยากที่อยากได้  และที่สำคัญเลยสำหรับคนที่ถือบัตรเครดิตกรุงศรี  รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ

พิเศษ 1: รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท

พิเศษ 2: แลกพอยต์รับเครดิตเงินคืนเพิ่ม 10%

การเดินทางในครั้งนี้เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย  สะดวก สบายกระเป๋า มีบินตรงทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน จะบอกว่านุ้ยพึ่งเคยกินชาไทยบุกเพชรของแอร์เอเชีย มันอร่อยเข้มข้นอร่อยเบอร์นั้น  ลองขาไปแล้วขาก็กินอีก ชอบอ่ะเนอะ 

และมีเคล็ดลับสำหรับการจองตั๋วแบบเด็ดๆ มาฝาก  สำหรับคนที่ถือบัตรเครดิตกรุงศรี  จองตรงกับสายการบิน  5 สายการบินที่ร่วมรายการ รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 1,500 บาท*

Day 1

เริ่มวันแรกกันเลยน๊า  เรามาถึงสนามบิน ในช่วงบ่ายแก่ๆ 

รอขั้นตอนการผ่านคนเข้าเมือง รับกระเป๋า และซื้อบัตร EZ Link  ก็ใช้เวลาร่วมๆ ก็เกือบชั่วโมงอยู่น๊า

ซึ่งตอนนี้บัตร EZ Link ใบละ 10 เหรียญ ค่าบัตร 5 เหรียญ เราสามารถใช้ได้ 5 เหรีญ  สามารถเติมเงินได้ตลอดเท่าที่เราอยากเติม ตอนคืน จะได้คืนเฉพาะเงินคงเหลือที่เราเติมเข้าไปน๊า ขั้นต่ำ 3 เหรียญ แต่ค่าบัตร 5 เหรียญจะไม่ได้คืน

 ทุกอย่างเรียบร้อยรีบตรงดิ่งเข้าที่พักก่อนเลยจากสนามบิน เข้าเมืองใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง  เช็คอินเสร็จ ท้องก็ร้องได้เวลาอาหารเย็นพอดี มื้อแรกในสิงคโปร์ของเราสองคน  เลือกไปกันที่ย่านไชน่าทาวน์ค่ะ

กับร้านนี้ที่ชื่อว่า Liao Fan Hawker Chan  เป็นร้านข้าวหน้าไก่ซีอิ้ว ที่มีดีกรี Michelin Star 1 ดาว หลายปีติดกันเลยน๊า และยังได้ชื่อว่าเป็นอาหารมิชลินที่ถูกที่สุดในโลกอีกด้วย

ร้านเปิดทุกวัน  เวลา 10.30 – 20.00 น.  

การเดินทาง MRT สีน้ำเงิน ทางออก A

หน้าตาอาจจะไม่ว้าว  แต่รสชาติว้าวเด้อ  ไก่นุ่ม หอม รสชาติอร่อย ส่วนน้ำซอสที่ราดมาบนข้าวก็กลมกล่อมกำลังดี

นอกจากข้าวหน้าไก่ซีอิ้วแล้วยังมีบะหมี่ รวมทั้งหมูอบ หมูกรอบด้วยน๊า

อร่อยถูกปาก และราคาคือน่ารักมาก

ดูจากเวลาที่ยังพอมีเหลือ เราไปที่ Garden by the bay กันค่ะ  เป็นส่วนสาธารณะขนาดใหญ่

นุ้ยขอแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือในส่วนของโดมขนาดใหญ่ ที่แสดงพันธ์ไม้ ทั้งเมืองร้อน เมืองหนาว แต่ส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่าย  ครั้งนี้นุ้ยไม่ได้เข้าน๊า  เพราะเคยเข้าแล้ว 2 รอบ   และอีกส่วนคือ Supertree Grove  เป็นต้นไม้ไฟขนาดยัง ช่วงกลางคืนจะมีการแสดงแสงสีเสียงด้วย  เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดน๊า

การเดินทาง

นั่ง MRT สายสีเหลือง หรือสายสีฟ้า  ลงสถานที Bayfront  ทางออก B

ตอนเดินจะผ่านมุมนี้ด้วย เห็น Singapore fryer ด้วยแหละ   

วันแรกของเราจบลงที่นี่คือ นั่งรอดูการแสดงช่วงกลางคืนยาวไป  สโลว์ไลฟ์ไม่มีใครเกินเรา

Day 2 

จะว่าชิลก็ชิลนะ  แต่จะว่าแน่นก็แน่นอยู่ 555 เริ่มงงกับตัวเองเบาๆ  แต่เรายังรู้สึว่า สบายๆ ซึ่งวันนี้จะเที่ยว 2 ย่านๆ หลัก ๆ คือ Chaina town  และ Marina bay

โดยในช่วงเช้า นุ้ยจะไปย่าน Chaina town ก่อน  เริ่มกันที่ ถนน Keong Saik (ค็องเซค) และ Duxton (ดักซ์ตัน)

และแน่นอนว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง  เรามาทานอาหารเช้าเวอร์ชั่นสิงคโปร์กันค่ะ

ที่ร้าน Tong Ah Eating House เป็นร้านที่เปิดมานานมากๆ  และสาเหตุที่เราร้านนี้คือ ตอนแรกเราตั้งใจจะมาถ่ายรูปกับตึกที่เห็นกันบ่อยใน IG คือ Potato Head  แล้วเราดันไปเจอข้อมูล เดิมที่ตึกนั้นคือที่ตั้งของร้าน Tong Ah ในอดีต  ตัวอักษรจีนที่เขียนอยู่หน้าตึก ก็คือชื่อร้าน Tong Ah นั่นเอง แต่นุ้ยไม่แน่ใจว่าเขาให้เช่าตึก หรือขายไปนะ   แต่ส่วนตัวร้าน Tong Ah  ได้ย้ายมาเปิดอยู่ใกล้ๆ กัน

นี่เลยค่ะ อาหารเช้าเวอร์ชั่นสิงคโปร์  ไข่ลวก ชากาแฟ ขนมปังปิ้ง และขนมปังชุบไข่  วันนี้กินแค่พอรองท้อง และเพื่อเรื่องเล่าของทริปนี้    แต่ร้านนี้ในช่วงเที่ยงจะมีเสิร์ฟอาหารแบบซือชาด้วยน๊า 

ภายในร้านก็จะประมาณนี้  มีรูปตึก Potato Head ติดอยู่ด้วย

และนี่ก็คืออาคารที่นุ้ยบอกค่ะ  เป็นตึกที่ดูคลาสสิคมาก โทนสีครีมตัดขอบสีแดง  ตั้งอยู่ตรงมุมถนน 

ในซอย    รถไม่เยอะมาก แต่คนท้องที่มักใช้จุดนี้เป็นที่กลับรถ ตอนถ่ายรูประวังกันด้วย

ตอนนี้ชั้นล่างจะเป็นร้านเบอเกอร์  ชั้น 2 3 เป็นร้านอาหาร และ บนสุดคือ Rooftop bar 

เดินทางไปเรื่อยๆ จนถึงถนน  Duxton  จะบอกว่า ถนนทั้งสองเส้น ถ่ายรูปสนุก มีมุมเพียบเลย  และยังมีร้านอาหาร ร้านคาเฟ่เพียบ นุ้ยกับต้น เดินเล่นเดินชิลล์ได้เรื่อยๆ ใช้เวลาดูโน่นนี่นั่น ผ่านไปจนเกือบเที่ยง

ซึ่งจาก Doxton เดินไม่ถึง 5 น่าน ก็จะถึงย่าน ย่านไชน่าทาวน์ทีเราคุ้นเคยกันดี

มาถึงที่นี่ในมื้อเที่ยงพอดี ก็ต้องจัดสิค่ะ กับร้านข้าวมันไก่เจ้าดัง ที่ตั้งอยู่ในศูนย์อาหาร Maxwell

ร้านข้าวมันไก่ Tian Tian Hainanese Chicken Rice

อร่อยเหมือนเดิม  ข้าวอร่อยกำลังดีไม่เปียก ไม่แข็ง  ส่วนตัวไก่ นุ่มแน่น ราดด้วยซอสรสชาติเค็มๆ นิดๆ

จานนี้ 4 เหรียญ  แต่แนะนำว่าไม่ควรมาเวลาเที่ยง เพราะคนเยอะมาก  แนะนำให้บวกลบเวลาไปสักหน่อย

เปิดเวลา 10.00-19.30 น. (ปิดทุกวันจันทร์)

อิ่มแล้วก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ  เพื่อไปที่ สถานี MRT  ระหว่างทางเราจะผ่านวัดเขี้ยวแก้ว  ซึ่งอยู่เยื้องกับ Maxwell เลยค่ะ ใครไปสิงคโปร์ครั้งแรก แนะนำให้แวะไปเข้ากราบสักการะกันน๊า และภายในสวยมากๆ ด้วย

ตอนแรกบอกว่าจะเดินไป MRT ใช่มั้ย  แต่ระหว่างทางเดิน ก็มีอะไรให้เดินดู เดินถ่ายเยอะ และสายตาก็ไปสะดุดกับคาเฟ่สีชมพู ร้านนี้ชื่อ Cake Spade ร้านน่ารักทั้งร้านเป็นสีชมพู

ขนมอร่อย เครื่องดื่มดีเลย มีมุมให้ถ่ายรูปได้ทั้งในร้านและนอกร้านเลย

เพราะพึ่งมาสังเกตว่า หลายๆ ร้าน ในสิงคโปร์ ไม่ค่อยรับเงินสด โดยเฉพาะร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ ซึ่งรอบนี้นุ้ยเจอ 4 ร้านที่ไม่รับเงินสด โชคดีมากที่เราพกบัตรเครดิตกรุงศรีติดตัวมาด้วย  และที่สำคัญบัตรนี้ เหมาะสำหรับสายท่องโลกแบบเรา  ยิ่งใช้ต่างประเทศยิ่งคุ้ม ยิ่งได้รับเงินคืน  สูงสุด 20,000 บาท

มุมด้านข้างร้านคือ น่ารักไปอีก

มุมด้านข้างร้านคือ น่ารักไปอีก

ตึกเส้นนี้สวยมาก  ถ้าตั้งใจไปถ่ายโซนนี้ สวยตั้งแต่ 4 แยกเลย มีตึกสีฟ้าที่เป็นโรงแรม 81

นี่ก็ติดกันเลย

ถ่ายรูปเล่นจนพอใจแล้ว  เปลี่ยนย่านกันบ้างดีกว่า  นั่ง MRT ไปลงที่ สถานี Downtown ทางออก D

ปลายทางแรกเลยคือ Marina One  เป็นโครงการมิกซ์ยูสแถว Marina Bay ไฮไลท์ของที่นี่คือ สวนสาธารณะในตึกขนาดยักษ์ เป็นสวนแนวดิ่ง  สวยล้ำมาก การดีไซน์ตึกคืออลังการสุด  และยังมีน้ำตกจำลองที่สูงถึง 13 เมตร    ที่นี่เข้าชมฟรีน๊า  ไปถ่ายรูปกันได้เดินทางสะดวกอยู่ติดกับสถานีเลย 

ต่อมาคืออีกหนึ่งสถานที่ ที่อยากนำเสนอมาก เพราะนี่ถือเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของสิงคโปร์เลยนะ 

CapitaSpring  เป็นตึกที่ติดอันดับต้นๆ ของตึกที่สูงที่สุดในสิงคโปร์เลยนะ 

ที่นี่มีทั้งหมด 51 ชั้น  ไฮไลท์ที่ดูงดูดนักท่องเที่ยวแบบพวกเราคือ  สวนลอยฟ้าสุดอลังการ และดีไซน์ที่ทำให้เรารู้สึกได้นั่งอยู่ในสาธารณะ ที่โปรง สบาย วิวสวย ต้นไม้เยอะ เห็นวิว เมืองสิงคโปร์แบบ 360 องศาไม่มีอะไรกั้นกันเลยค่ะ

มีจุดให้ถ่ายรูปหลักๆ 2 จุดด้วยกัน

จุดแรกคือชั้น 51 เป็น Sky Garden

สวยลอดยฟ้าที่แท้ทรู อารมณ์ชมวิวเมืองบน RoofTop นุ้ยชอบชั้นนี้มาก ทำให้เราได้เห็นสิงคโปร์ในมุมสูงด้วยตาตัวเอง ไม่ต้องใช้โดรน เห็นความแตกต่างของเมืองในแต่ละมุมชัดมาก และมุมถ่ายรูปก็สวยมากๆ ชั้นนี้มีร้านอาหารด้วยนะ มุมสวยมาก เห็นมาริน่าเบย์แซนด์แบบเต็มๆ

.

จุดที่สองคือชั้น 17-20 Green Oasis ถ่ายรูปเพลินกันเลย 4 ชั้น แนะนำให้กดลิฟต์ไปลงที่ชั้น 20 ก่อนแล้วค่อยเดินถ่ายรูปลงไปเรื่อยๆ สวยทุกชั้น มีมุมให้นั่งพักเยอะมาก และมีเตียมปลั๊กไฟสำหรับชาร์ตแบตไว้ให้ด้วย

….

เปิดให้เข้าชม ไม่มีค่าใช้จ่าย

วันจันทร์ – วันศุกร์ (ยกเว้น Public Holiday)

เวลา 7:30 – 22:30 น.

การเดินทาน MRT ลงสถานี Raffle Place ทางออก 1

แนะนำให้ขึ้นมาที่ชั้น 51 ก่อนเลย  ถ่ายรูปเพลินๆ วิวสวยมาก เห็นวิวมุมสูง เห็นความแตกต่างของเมืองในแต่ละองศาชัดเจนมาก ฝั่งหนึ่งทะเล ฝั่งหนึ่งคือเมืองที่เจริญมากๆ อีกฝั่งคือไชน่าทาวน์

ชั้น 51 จะมีร้านอาหารอยู่ด้วยน๊า   ว่าแล้วสายชิลล์แบบเราต้องจัดสักหน่อย โซนนั่งทั้ง Indoor และ Out door   จะได้รูปมุมนี้เลย  เรานั่งอยู่จุดนี้เกือบสองชั่วโมง หากเป็นช่วงเย็นคงโรแมนติคน่าดูเลย

เสร็จจากชั้น 51 ให้ลงมาที่ชั้น 20 แล้วเดินถ่ายรูปเล่นลงมาเรื่อยๆ จนถึงชั้น 17 ได้เลยชิลล์ 

จาก Capital Spring เราไปต่อกันที่ Merlion แลนด์มาร์คที่ไม่ควรพลาด

เจ้าสิงโตผสมปลาตัวนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของสิงคโปร์ ที่ใครเห็นก็รู้ทันทีว่าที่นี่ที่ไหน

เรามาที่นี่ในช่วงเย็น ถ้าหากวันที่ฟ้าเปิด ตอนนี้แสงคงสวยมากๆ เลย แต่สิงคโปณ์ของเรารอบนี้

ฟ้าครึ้ม ไร้แดดตลอดทั้งทริป   เดินเล่นๆ รอบๆ อ่าวได้เลยน๊า  ระยะทางก็พอสมควร แต่พอเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ มันก็ได้อยู่    แนะนำให้อยู่ถึงค่ำเลย เพราะจะมีการแสดงแสงสีเสียงในทุกคืนเลย  มันสวยมากๆ  

Day 3  กิน ถ่ายรูป ช้อป

เริ่มต้นเช้านี้ด้วย NG AH SIO Bak Kut Teh เป็นบักกุ๊ดเต๋ ร้านที่เราชอบที่สุด

มีเมนูให้เลือกเยอะ ไส้พะโล้อร่อย ตับคือนุ่มสุดฟินสุด  แต่ร้านค่อนข้างไกล 

ตอนขาไปคือรถบัสถึงหน้าร้านเลย ตอนกลับ เดินไปป้ายรสบัสค่อนข้างไกล

มีทั้งคนพื้นที่และนักท่องเที่ยว เป็นร้านที่ไปกี่ครั้งก็คนเยอะตลอดเลย

นี่คือปริมาณที่กินสองคน  เราน่าจะเปลี่ยนไปเป็นสายกินเนอะ กินเก่งมาก

กินอิ่มแล้ว ไปเดินเล่นกันย่าน Kampong Gelam  เป็นอีกย่านเก่าแก่  มีชาวมุสลิมอยู่ค่อนข้างเยอะ  มีสตีทอาร์ท งานศิลปะ ต่างๆ แทบทุกซอกทุกซอยเลย  และนี่คือมุมไฮไลท์เลยค่ะ Sultan Mosque

เดินมาเรื่อยๆ จนถึงจุดยอดฮิตที่มีทั้งงานศิลปะ ความชิค คาเฟ่ บาร์ ร้านขายของแฮนด์เมด

ถนน Haji Lane นั่นเอง  ยกให้เป็นถนนแห่งสีสันเลย ใครที่เป็นขาดริ้ง แนะนำให้มาตอนค่ำๆ น๊า คึกคักสุดเลย 

เอ๊ะ ยังไงน๊า  ทริปนี้ดูจะเน้นกินเป็นหลัก  เผลอแปบเดียวก็เที่ยงแล้ว ถึงเวลากินอีกแล้ว  ซึ่งร้านนี้อยู่ไม่ไกลจาก Haji Lane มากนัก เดินแปบๆ ก็ถึงแล้วค่า  ร้านนี้ชื่อว่า Hill Street Tai Hwa Pork Noodle  ตั้งอยู่ที่ Tai Hwa Eating House  เหตุผลที่ไปร้านนี้คือ เป็นร้านบะหมี่ที่ได้ ร้านมิชลิน 1 ดาว  คำว่ามิชลินมันเชื้อเชิญเรามาก  รสชาติอันนี้แล้วแต่คนชอบเลย เครื่องแน่นมาก 

จะมี 3 ราคา เล็ก กลาง ใหญ่  เริ่มต้นที่ 6 เหรียญ  คิวยาวเรารอคิวจนกระทั่งได้กินประมาณ ครึ่งชั่วโมง   ร้านจะมี 2 ฝั่ง เข้าแถวให้ถูกฝั่งน๊า   ฝั่งหนึ่งจะเป็นกลับบ้าน  ฝั่งหนึ่งทานที่ร้าน เข้าผิดชีวิตเปลี่ยน

ร้านเปิดเวลา  9.30-21.30 (ปิดทุกวันจันทร์)

ในช่วงบ่ายของวันนี้จริงๆ เราตั้งใจให้แป็นช่วงของการช้อปปิ้ง

แต่ขอแว๊บไปถ่ายรูปอีกนิด ถือเป็นอีก 1 มุมที่เห็นบ่อยๆ ใน IG เลย นั่นคือ  Library @ Orchard

เป็นห้องสมุดโทนสีคือมินิมอลมาก มุมเก๋มาก ที่นี่เข้าฟรี ถ่ายรูปได้น๊า เข้าไปด้านในจะมีจุดมาร์คไว้ให้ถ่ายรูปด้วย  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นน๊า  เพราะคนสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับห้องสมุด มีคนที่ไปใช้บริการ นั่งอ่านหนังสือกันเยอะมาก   และมีพื้นที่ให้ทำงานด้วยน๊า 

นั่ง MRT  ลงที่สถานี Somerset ทางออก C    Orchard Gateway ชั้น 3

เปิดบริการทุกวัน  11.00 – 21.00 น.

เป็นมุมอ่านหนังสือที่ชิลมาก  เห็นแล้วรู้สึกดีจัง

มาถึงออร์ชาดแล้วในช่วงเย็น นุ้ยของเริงร่ากับการช้อปปิ้งก่อนน๊า  ให้เป็น Free time สำหรับเพื่อนๆ ไปในที่ที่อยากไป 555

Day 4  วันนี้ต้องกลับแล้ว

นุ้ยจองตั๋วไว้รอบเย็น ทำให้ช่วงเช้าจนถึงเที่ยง เรามีเวลามากพอออกไปเดินเล่น ตื่นสายเป็นปกติ  เช็คเอ้าท์ฝากกระเป๋าไว้ให้เรียบร้อย  แล้วออกไปเที่ยวกัน  เริ่มกัน Fort Canning Park เพราะใกล้ที่พักมาก นั่ง MRT สถานทีเดียวเท่านั้นค่ะ  นั่ง MRT ลงสถานี  Fort Canning ออกประตู B ได้เลย   จะมีมุมไฮท์ไลท์ที่ใครก็ต้องมาถ่ายกัน  ซึ่งวันนั้นเราก็ไปเช่นเดียวกัน  แต่คิวเยอะมากๆ เพราะเป็นวันอาทิตย์เจอคณะทัวร์ ของคนจีนกลุ่มใหญ่เลย  เราสองคนก็เลยตัดสินใจไม่รอ  เพราะเคยมาถ่ายรูปจุดนี้แล้ว  แต่เอารูปเดิมที่เราเคยถ่ายมาให้ดูละกันพอเป็นน้ำจิ้ม   แต่สำหรับเพื่อนที่ยังไม่เคยไป หรือยังไม่มีรูป แนะนำว่ารอเถอะฃ

และจริงๆ แล้วการที่เรามาที่ Fort Canning Park ไม่ได้มาเพื่อถ่ายรูปมุมที่ทุกคนมา  แต่เราตั้งใจมานั่งชิลล์ที่คาเฟ่แห่งนี้  Tiong Bahru Bakery  อยู่ใกล้ๆ กับสถานีเลย  เป็นร้านที่คอนข้างดังเลยทีเดียว คนเข้าออกร้านตลอด ยืนเข้าคิวไม่นานนัก เพราะมีโต๊ะค่อนข้างเยอะ  และ 80% คือคนในสิงคโปร์ นักท่องเที่ยวไม่เยอะนัก เพราะส่วนใหญ่ ทุกคนจะถ่ายรูปที่อุโมงค์แล้วกลับ  

เรื่องกินต้องยกให้เราเช่นเดิม มา 2 คน สั่งขนม 3 ชิ้น ครัวซองต์ว่าอร่อยแล้ว  แต่ชีสเค้กที่นุ้ยสั่งมาคืออร่อยมาก มีไส้ด้านใน เปรี้ยวหวาน คือฟิน ต้องลอง

มาร้านนี้ต้องกินครัวซองต์  นุ้ยว่าอร่อยเลยทีเดียว

มีหลากหลายแบบ หลากหลายรสชาติ ให้เลือกชิม

ผ่านไป 1 ชั่วโมง  ดูเวลายังมี เดินเล่นต่ออีกหน่อยไป Old Hill Street Police Station  ไปเพื่อถ่ายรูปโดยเฉพาะเลยค่า สีสันของหน้าต่างคือแรงดึงดูชั้นดีเลย  เดินจากคาเฟ่มาแค่นิดเดียว  แต่ถ้าใครมีเวลาเหลือ ระหว่างทางผ่านคลากคีย์ด้วยนะ ย่านนั้นก็สีสันไม่เบาเลยแวะถ่ายรูปกันได้

ในที่สุดก็ได้เวลากลับ  เราออกจากเมืองเกือบบ่ายโมง  นั่ง MRT ประมาณ 1 ชั่วโมง มาถึงสนามบิน  ไปเช็คอินโหลดกระเป๋าให้เรียบร้อย  เวลาที่เหลือคือการเดินเล่นที่ Jewel Changi Airport   จะมีสักกี่ประเทศน๊า ที่สามารถทำให้สนามบิน เป็นสถานที่ที่คนพร้อมใจกันถ่ายรูปเช็คอิน  

Jewel Changi Airport  คือห้างที่เชื่อกับสนามบินเลย จะเข้าจาก Terminal ไหนก็ได้  และไฮไลท์คือสิ่งนี้เลยค่ะ น้ำตก HSBC Rain Vortex ตั้งอยู่ใจกลางอาคาร มีความสูงกว่า 40 เมตร   และได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกในร่มที่สูงที่สุดในโลก  แนะนำให้ลงไปที่ชั้น B2 ด้วยน๊า ซึ่งเป็นคนละมุม นุ้ยมัวแต่ถ่าย VDO จนลืมถ่ายรูป นุ้ยว่ามันดูอลังการไม่แพ้กันเลย

และขอปิดทริปสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน ไว้ที่นี่เลยน๊า

สิงคโปร์เที่ยวง่าย ใช้งบไม่เยอะ เดินทางสะดวก ของกินอร่อย

ใครไปมาแล้วเอามรูปมาอวดกันหน่อย

My Life My Travel