ใครไม่รู้จักจังหวัดสงขลายกมือขึ้น
ทำไมต้องถามแบบนี้…
เพราะว่าหลายคนสับสนระหว่างสงขลา กับหาดใหญ่ ชื่อไหนคือชื่อจังหวัดกันแน่
เอาเป็นว่า “สงขลา” คือชื่อจังหวัด ส่วน “หาดใหญ่” เป็นชื่อำเภอๆ หนึ่งในจังหวัดสงขลานะคะ
ดูรีวิวเราจะเริ่มกันที่มีสาระมาก ซึ่งที่จริงแล้วแทบจะหาสาระไม่เจอเลย
เพราะทริปนี้เป็นทริปที่นุ้ยตั้งใจจะให้มันดูอินเลิฟ หนุงหนิงเที่ยวย่านเมืองเก่าจังหวัดสงขลา
แต่ไปๆ มาๆ สองคนสามีภรรยา ชวนกันกินแบบกระจายมาก
เพราะจังหวัดนี้เป็นจังหวัดที่มีแต่ของอร่อย …. แต่นุ้ยก็ยังไม่ลืมเรื่องเที่ยวนะ
เพราะสถานที่ท่องเที่ยวมีอยู่เยอะพอสมควร
ถ้าพร้อมแล้ว จูงมือแฟนไปตะลุยสงขลาพร้อมๆ กันค่ะ
การเดินทางไปสงขลาทำได้หลายวิธีมากๆ ไม่ว่าจะขับรถไปเอง นั่งรถบัส หรือจะนั่งเครื่องบินไป ซึ่งมีหลายสายการบินมาก
แต่สำหรับรอบนี้นุ้ยเลือกที่จะบินไปค่ะ เจอตั๋วโปร ซื้อสิค่ะ จองสิค่ะ รออะไร ประหยัดเวลาไปหลายชั่วโมง
จองตั๋วโปรราคาถูกกว่า รถทัวร์อีกนะ
นุ้ยเลือกบินไฟท์เช้าที่สุด ขากลับเราก็บินไฟท์เย็น เพื่อให้มีเวลาเที่ยวแบบคุ้มค่า 3 วัน 2 คืน ฟินๆ
แต่สำหรับคนที่ไม่อยากลางาน เช้าเสาร์ กลับอาทติย์เย็น ก็เอาอยู่นะ
แต่เธออาจจะรู้สึกเสียดาย ว่า ฉันน่าจะมีเวลามากกว่านี้ ยังเที่ยวไม่ทั่วเลย
เวิ้นเว้อมาก เริ่มๆ ไปกันเลย
ไปถึงสนามบิน นุ้ยเลือกใช้บริการรถเช่าค่ะ … มันสะดวกสุด เที่ยวง่ายสุด
เพราะตอนเที่ยวนุ้ยค่อนข้างที่จะชอบไปถ่ายแสงเช้า เก็บแสงเย็น ดูพระอาทิตย์ขึ้น ดูพระอาทิตย์ตก
อาจจะทำให้การใช้บริการรถสาธารณะไม่สะดวกนัก
แต่สำหรับคนที่ขับรถไม่ได้ … อาจจะต้องตัดแสงเช้าแสงเย็นออก แต่จะมีรถตุ๊กๆ บริการนะ ราคาไม่สูงมาก
ครั้งนี้นุ้ยใช้บริการของ AVIS เป็นค่ายรถที่ใช้บ่อยที่สุดแล้วหล่ะ แม้จะไม่ได้มีช่วงโปรแบบแรงเว่อเหมือนหลายเจ้า
แต่ทุกครั้งที่ใช้ก็เลือกใช้รถเล็ก ราคารวมประกันชั้น 1 แล้ว ก็ประมาณ 9 ร้อยกว่าๆ ไม่ถึงพัน
อย่ารอบนี้เลือกใช้ Vios
เคาเตอร์ของ AVIS ไม่ต้องมองหาเลย เดินผ่านประตูเข้ามาในตัวอาคารปุ๊บเจอเลย ด้านขวามือ
รับรถกันเรียบร้อย
พร้อมออกเดินทาง แต่กองทับต้องเดินด้วยท้อง ต้องไปเติมพลังกันก่อน
ลืมบอกไปเลยว่าสนามบินจะอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่นะค่ะ
ทำให้มื้อเช้าของเราง่ายเลย เพราะว่าแอบเล็งร้านโชคดีแต่เตี้ยมไว้
ร้านติ่มซำที่ชื่อดังที่สุด
ดูได้จากบริเวณหน้าร้านสิ ผู้คนเยอะมาก รวมถึงมีร้านค้าต่างๆ มาจอดรถขายของกันเต็มเลย
ร้านจะอยู่ที่ ซอยละม้ายสงเคราะห์ 1 สงขลา (ใกล้โรงแรมไดอิชิ)
เปิด 6 โมงเช้า -11 โมง และมีเปิดรอบเย็นด้วยนะ
เมนูเด็ดของหนีไม่พ้นติ่มซำแน่นอน แต่สำหรับนุ้ยเทใจให้บะกุ๊ดเต๋ กลมกล่อม อร่อย มีเติมน้ำซุปให้ด้วย
วิธีการทานติ่มซำร้านนี้ ให้เราไปหาที่นั่งให้ได้ก่อนนะค่ะ แล้วก็จำเลขโต๊ะมา
ขั้นตอนต่อมาก็ไปเลือกได้เลย บอกเลขโต๊ะตอนเลือกด้วยนะ ไม่งั้น เสิร์ฟผิดโต๊ะอดกินนะ
ไม่มีโมเม้นแบบเจาะแต่ละชิ้นเลย เพราะงั้นนี้วางปุ๊บหมดปั๊บ
ท้องอิ่ม ปลายทางต่อไปของนุ้ยคือ มุ่งไปที่อำเภอเมืองสงขลาเลยค่ะ
อยู่ที่ย่านเมืองเก่า หรือถนนนางงามนั่นเอง เดิมทีถนนนางงาม ชื่อว่าถนนเก้าห้อง
ต่อมีมีการประกวดนางงาม และคนที่ได้ตำแหน่งมีบ้านอยู่ที่ถนนเส้นนี้ จึงทำให้ถนนเส้นนี้ชื่อว่า ถนนนางงาม
มีที่มาที่ไปนะเธอ
อันที่จริงบริเวณนั่นจะมีถนน 3 เส้นขนานกัน ซึ่งเราสามารถเดินวนได้ทั้ง 3 เส้นเลยนะ
บ้านเรือนที่ยังคงเสน่ห์ ยิ่งเก่ายิ่งคลาสสิค ยิ่งเก่ายิ่งควรค่าแก่การรักษา
ถ้ามาสงขลา แล้วมาไม่ถึงที่นี้เหมือนไม่ได้มานะบอกไว้เลย
ถ่ายวนไปค่ะ
อย่ามัวแต่เดินเล่นกันอย่างเดียวนะ
ย่านเมืองเก่ายังมี ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวสงขลา ใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
ผ่านไปแล้ว เราก็แวะไปสักการะกันสักหน่อย
และในศาลเจ้าพ่อหลักเมืองนี่เอง ที่มีร้านก๋วยเตี๋ยวใต้โรงงิ้ว
แอบเสียดายที่ไม่ชิม … เพราะมื้อเช้าจัดติมซำไปหนักมาก
เดินร้อนๆ มาเจอร้านไอศครีม เหมือนเจอสวรรค์
ร้านที่นุ้ยกินเป็นร้านไอติมโอ่ง แต่บางคนบอกว่าต้องลองไอติมยิว
แต่นุ้ยหาร้านไม่เจอ เจอร้านไหนกินร้านไหน … ว่าแต่มันคือคนละร้านใช่มั๊ย
ร้านนี้จะเป็นไอติมไข่แข็ง ไม่อยากบอกว่าเป็นครั้งแรกที่กิน ตอนแรกก็แอบคิดว่า มันจะคาวมั๊ยน๊า
แต่พอลองชิม แล้วก็ไม่คาว อร่อยดี
กินเสร็จเดินต่อเรื่อยๆ มีสตรีทอาร์ทด้วย
แอบคิดในใจ …นี่ฉันมาถ่ายพรีเวดดิ้งเหรอ
แต่ก็เป็นมุมที่สวยไม่น้อย
นุ้ยยังคงวนเวียนอยู่ในสงขลาอีกพักใหญ่ ด้วยการไปเที่ยวสวนสัตว์
สวนสัตว์สงขลาเป็นสวนสัตว์แห่งแรกของภาคใต้ ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาและโอบล้อมด้วยทะเลสาบสงขลา
สวนสัตว์สงขลาเปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.30-17.30 น.
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท
สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 7433 6038-40 หรือดูเว็บไซต์ www.zoothailand.org
เป็นสวนสัตว์ที่กว้างมาก
นุ้ยเลยเลือกดูเฉพาะโชว์ต่างๆ กับสัตว์บางชนิดเท่านั้น
นี่คือชุดการแสดงทั้งหมด เราได้ใกล้ชิดกับสัตว์มาก ๆ
นกแก้วตัวใหญ่ และมีหลายสีมาก (มันคือนกแก้วใช่มั๊ย 555)
หมีขอ นางน่ารักมาก ได้ให้อาหารนางด้วยนะ เพราะนางไต่เชือกมากใกล้ๆ
แต่ที่ชอบคงเป็นเสือขาว และสิงโตขาว
ปกติเราจะเห็นแบบพันธุ์ทั่วไปสีเหลือส้ม แต่ที่สวนสัตว์สงขลา เป็นสีขาว
เสือปกติก็มีนะ
มีนกเงือกเยอะมากๆ นางมักจะอยู่เป็นคู่ เคยได้ยินมาว่า ถ้าคู่ของนางตาย นางจะอยู่ตัวเดียวไปตลอด
แต่ถ้าให้น่ารักสุดๆ ต้องน้องแพนกวินเลย มีการแสดงด้วยนะ
เดินออกมากระดุ๊กกระดิ๊ก
แต่ที่รีบบึ่งรถอย่างเร็วไม่ได้รีบไปเช็คอินน๊า รีบไปหาของอร่อยกิน
เพราะนี่ก็ไปบ่ายแล้ว
ร้านที่เลือกเป็นร้านไก่ทอดร้านดัง ร้านไก่ทอดเดชานั่นเอง
ร้านนี้มีหลายสาขามาก บ้างก็ว่าไม่อร่อย บ้างก็ว่าร้านอื่นอร่อยกว่า
งานนี้ไม่เชื่อใคร เชื่อตัวเอง ตรงไปที่ร้านไก่ทอดเดชาสาขาชีอุทิศข้างโรงเรียนแสงทอง
มาร้านไก่ทอดจะไม่สั่งได้ไง
ไก่ทอดร้านนี้ชิ้นละ 50 บาท ราคาไก่สูงไปสักนิด แต่ถ้าชอบหอมเจียวต้องสั่งแยกนะค่ะ ถ้วยละ 10 บาท
เสน่ห์ไก่ทอดหาดใหญ่คงอยู่ที่หอมเจียวนี่แหละ
นอกจากไก่ทอดแล้วยังมีอาหารอื่นๆ อีกหลายอย่าง กับข้าวซีฟู๊ด
แต่นุ้ยขอแค่ส้มตำ กับยำวุ้นเส้นก็พอ ส้มตำรสชาติอร่อยมาก (ความเห็นส่วนตัว)
มาถึงข้อมูลไก่ทอดเดชากันสักหน่อย ร้านต้นตำรับจะเป็นร้านรถเข็น อยู่ข้างๆ โรงเรียนเทศบาล 1
รสชาติอร่อยราคาถูกกว่า แต่นุ้ยขับรถไปดู 2 วัน วันแรกหมด วันที่ 2 เหลืออยู่แค่ 2 ชิ้น แต่ก็ซื้อมาชิมนะ อร่อยดีแม้ว่าจะไม่ร้อน
อีกสาขาที่ไปลอง คือสาขาสนามบิน อร่อย ร้านนั่งสบาย แต่ส่วนตัวชอบรสชาติของชีอุทิศมากกว่า
เป็นที่พักเปิดใหม่ สวยมาก ตอนนั่งหาข้อมูลว่าพักที่ไหนดีมาสะดุดตากับที่นี้เพราะค่อนข้างจะแตกต่างจากที่อื่นมาก
ด้วยสีที่เป็นโทนสีดำ เทา และโมเดิร์นมาก พิจารณาแล้วว่าเหมาะสมกับวัยเราที่สุด
ตั้งอยู่ที่จุติอุทิศ ซอย 3 อำเภอหาดใหญ่ ด้านหน้าเป็นคล้ายอาคาพาณิชน์สีดำๆ แปลก
แต่พอเข้ามาด้านใน โมเดิร์นมาก
บริเวณล็อบบี้ โล่งๆ โปร่ง ลักษณะคล้ายโฮเทลดีไซน์อยู่เหมือนกันนะ
La Pause Hatyai ราคามีแบบวันธรรมดาและเสาร์อาทิตย์ ประมาณ 1090 กับ 1190 หรือเปล่านี่แหละ
แต่ราคาแค่พันนิด ๆ มี Welcome drink ด้วยนะเออ
อันนี้ไม่ใช่ welcome drink นะ กินเข้าไปนี่ปากฉีกเลยนะ
ห้องก็เหมือนคือโทนดำนำมาก่อน แต่ชอบนะมันให้ความรู้สึกแบบน่าค้นหา
ห้องกว้างพอสมควร ข้าวของเครื่องใช้มีครบ ทุกอย่างเต็มไปด้วยดีไซน์
ไปดูในห้องน้ำกันบ้าง …. กว้างพอตัวเลยนะ แบ่งสัดส่วนเปียกแห้งได้ดี
มีขนมขบเคี้ยวชุดนี้ พร้อมเครื่องดื่มซอร์ฟดริ้งอีก 3 ขวด
เพียงพอสำหรับห้องพักห้องพักออกไปเที่ยวต่อกันดีกว่า
แถมด้วยโซฟานั่งเล่นนอกห้องอีกสักรูป
นุ้ยไปร้าน The Containers ตั้งอยู่ที่ถนนทวีวรรณ์ หาดใหญ่
ร้านใหญ่มาก สวยมาก เหมาะกับการไปเช็คอินนั่งหนุงหนิงกันเป็นที่สุด
บานอฟฟี่ อร่อยมาก บอกเลย
เครื่องดื่มอร่อย ขนมอร่อยน่าทาน มีให้เลือกจนนุ้ยยืนมึน จะกินอะไรดีน๊า
มีพวกอาหารทานเล่นด้วย
เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาอิสลาม เราสามารถเข้าไปดูด้านในได้นะค่ะ แต่ควรแต่งกายให้เรียบร้อย
เป็นการให้เกียรติสถานที่
แต่นุ้ยเลือกที่จะนั่งดูแสงอยู่ด้านนอก เพราะสวยมาก สถานที่อลังการสวยด้วยตัวเองอยู่แล้ว
เจอธรรมชาติช่วยสรรค์สร้าง ยิ่งสวยเข้าไปอีก
พอแสงอาทิตย์หมด ก็หมดแรงเหมือนกัน แทบจะไปหาของกินต่อไม่ไหว ตัดสินใจกลับที่พัก
แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเดินไปถามพนักงานที่โรงแรมว่า แถวนั้นมีร้านอาหารแนะนำมั๊ย
ได้มาหนึ่งร้าน เดินออกจากที่พักไปปากซอยเลี้ยวซ้าย เจอเลย
เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวปลา ที่แซ่บมาก
เข้าไปในร้านมีรูปดาราเพียบเลย เมนูแนะนำเป็นก๋วยเตี่ยวปลาต้มยำ
สำหรับนุ้ยนะอร่อย รสต้มยำเหมือนกับต้มยำกุ้งเป็นหม้อๆ อะ ไม่เหมือนก๋วยเตี๋ยวต้มยำร้านอื่น
ร้านนี้ให้ผ่าน อร่อยจริง ราคาไม่แพง
เช้าอีกวัน…เป็นวันที่นุ้ยตื่นแต่เช้าตรู่
ไปเที่ยว..ตื่นสายเดี๋ยวไม่คุ้ม …เวลามีน้อยต้องรีบเที่ยว
เช้าวันที่สอง นุ้ยขับรถไปสงขลากันอีกรอบ รอบนี้เราจะไปเที่ยวที่หาดสมิหลากัน
นุ้ยเชื่อว่า ถ้าพูดถึงสงขลา ไม่มีใครที่ไม่รู้จักที่นี้นะ
ยิ่งได้เห็นรูปนางเงือกที่นั่งสวยอยู่ริมหาด ต้องร้องอ๋อ กันเลยทีเดียว
ประวัติเล่าว่า นางเงือกทองถูกสร้างขึ้นตามนิยายปรัมปราของไทยโบราณ ซึ่ง ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์)
ได้บอกเล่าไว้ว่า ในวันดีคืนดีนางเงือกจะมานั่งหวีผมบนชายหาดด้วยหวีทองคำ
วันหนึ่งบังเอิญว่ามีชายชาวประมงเดินผ่านมา ทำให้นางเงือกตกใจ
รีบหนีลงทะเลไปโดยลืมหวีทองคำไว้
ฝ่ายชาวประมงเห็นดังนั้นก็เก็บหวีทองคำไว้และเฝ้าคอยนางเงือกที่หาดนั้นเสมอ
แต่นางเงือกก็ไม่เคยปรากฏกายให้เห็นอีกเลย
นอกจากนางเงือกที่นั่งเด่นอยู่ริมหาดแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจมากคือช่วงเวลายามเช้าที่หาดสมิหลา เป็นช่วงเวลาที่สวยมาก
เดินเล่นไปตามชายหาดที่ทอดยาว จับมือกันเดิน เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขแบบที่เราไม่ได้ตั้งใจ
แต่มันก็เกิดขึ้น ถ้ามีเวลา หรือตื่นเช้ากันไหว ลองไปเช้าๆ ดูนะ มันสวยจริง ๆ
ได้เห็นวิถีชีวิตของคนที่นั่น และเห็นของแปลกคือวัวทะเล
เพราะชาวบ้านจะพาวัวมาเดินออกกำลัง
อันซีนไทยแลนด์เลยนะ
ทางขึ้นเขาไปวัดกุฏสวยมาก อดใจไม่ได้ ที่จะแวะลงถ่ายรูป
เมื่อมาถึงด้านบน ก็ไม่เว้นที่จะเข้าไปกราบสักการะ ถ้าในยังมีพิพิธภัณฑ์ของโบราณ ที่น่าสนใจอีกด้วย
ที่ร้านนั่งเล่นหน้าเล Bistro Cafe’
ร้านน่ารักเป็นบ้านไม้เก่าๆ ถูกดัดแปลงให้เป็นร้านกาแฟ
เครื่องดื่มรสชาติทั่วไป แต่เค้กโอเคเลยคะ มีให้เลือกเยอะเต็มตู้เลย
และยังมีอาหารจานเดียว อาหารทานเล่นด้วย ร้านนี้แนะนำให้ไปนั่งชิล ทานมื้อเที่ยงได้
แต่ถ้าใครถนัดแนวซีฟู๊ด ลองหาดูในเกาะยอเยอะมาก
ทำบุญร่วมกันเยอะๆ ชาติหน้าจะได้เกิดมาคู่กันอีก
“วัดแหลมพ้อ” ถือว่าเป็นวัดที่เก่าแก่อีกวัดหนึ่งในจังหวัดสงขลา
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เก่าแก่กว่าสองร้อยปี
อีกทั้งมีประติมากรรมที่เก่าแก่ที่กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน
และมีพระพุทธรูป ปางปรินิพพาน องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ด้านหลังวัดยังอยู่ติดทะเลสาปอีกด้วย
ตั้งอยู่ที่ยอดเขาสวนสาธารณะ ระยะทางไม่ไกลมากนัก แต่ไปวันหยุดคนเยอะหน่อย
อัตราค่าบริการ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก (สูงไม่เกิน150 ซ.ม.) 50 บาท เด็กสวมเครื่องแบบนักเรียน/นักศึกษา และผู้ใหญ่สวมเครื่องแบบข้าราชการ 50 บาท ต่างชาติ 200 บาท เวลาให้บริการ
เปิดให้บริการทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 20.00 น.
สอบถามเพิ่มเติม ได้ที่… 074-800431
เมื่อเรานั่งกระเช้าไปถึงอีกฝั่ง จะเป็นเขาชุมสัก เป็นทีประดิษฐานของท้าวมหาพรหม
ผู้สร้างทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ เป็นสิ่งศักดิ์ของคนจังหวัดสงขลา
ถือเป็นโอกาสดี ที่จะได้ขอพร
ประมาณว่าขอพรเยอะไปนิด กลับมาถึงจุดเดิม ก็เย็นมาก
นุ้ยใช้เวลาที่เหลือในการกราบสักการะ พระพุทธมงคลมหาราช ซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคอหนองหงษ์
สวย เด่น ตระง่านมาก ยิ่งตอนเวลาใกล้ค่ำแบบนี้ สีทองยิ่งเปล่งประกายออกมา
และบนยอดเขาแห่งนี้ในยามเย็น เป็นช่วงเวลาที่สวยมาก
เหมือนเรากำลังนั่งดูดาวบนดิน ผู้คนไม่มากมายนัก แต่ไม่ได้เป็นอันตราย แม้จะเป็นช่วงเวลาค่ำคืน
บ้างก็มากับลูก บ้างก็มากับแฟน
ลมพัดเย็นสบาย นั่งดูวิวเมือง ฟิน ฝันหวานกันเลยทีเดียว
น้องพนักงานที่โรงแรมแนะนำมา
ร้านตั้งอยู่ที่ตลาดใหม่ บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง ร้านขนาดใหญ่พอควร แต่คนเยอะมาก
ที่สำคัญหาที่จอดรถยากแนะนำ นั่งตุ๊กๆ ไปนะ
เมนูเด็ดเป็นบะหมี่เกี๊ยวกุ้งกับ จ้อปู
แต่วันนี้นุ้ยสั่งมาเป็นจ้อปูอร่อยมาก เนื้อปูล้วนๆ ไม่ผสมแป้งไม่ผสมเนื้อหมู แป้งด้านนอกบางกรอบ
แต่ราคาก็สูงนิดนึง 5 ลูก 150 บาท แต่เมนูนี้แนะนำค่ะ
สำหรับชามนี้ บะหมี่ปูชามละ 55 บาท แต่ปูมาเต็ม ไม่ได้มาแค่วิญญาณ บอกเลย
ค่ำคืนนี้ยังไม่จบ เรามาปิดท้ายกันด้วยร้านโรตี ชาชักร้านดัง ร้านฟอร์ซีน
ร้านใหญ่ คนเยอะมาก และเป็นร้านดังจริงๆ เกือบไม่มีทีนั่งกันเลยทีเดียว
ชาชักอร่อย และโรตีอะไรสักอย่างที่เป็นแผ่นใหญ่ๆ กรอบอร่อยดีค่ะ นั่งชิลล์ยาวๆ ไป น้ำชาฟรี
ออกไปหาอาหารเช้าทาน ตอนแรกตั้งใจจะไปหาร้านข้าวมันไก่ วนอยู่หลายรอบแต่ปรากฎร้านปิด
แต่ขณะที่วนๆ ก็กวาดสายตาไปเจอร้านนี้ … คือไม่ได้ตั้งใจจะแวะเลยจริงๆ แต่อารมณ์หงุดหงิดเริ่มมา เพราะหิว
ก็เลยแวะ
แต่การแวะของเรา มันเริ่ดมาก เจอร้านขนมจีนร้านเด็ดซะงั้น แถมขนมหวานอร่อยสุดๆ
ขนมจีนจะมีประมาณ 5 น้ำแกง ไตปลา น้ำยา แกงเผ็ด น้ำพริก และแกงไก่
ส่วนขนมไป 2 คน กิน 4 ถ้วยเลยจ้า
รสไม่หวานเกินไป น้ำกะทิสด หอม คอนเฟิร์ม
ร้านจะอยู่บริเวณหลังโรงเรียนแสงทอง หาไม่ยาก
ข้าวฟ่างน้ำกะทิ พึ่งเคยกินมันอร่อย ละมุนลิ้นมาก
มีสินค้าเยอะมาก พวกเครื่องสำอาง เสื้อผ้า ผลไม้ และผลไม้อบแห้ง พวกถั่วต่าง เยอะมาก
มีร้านขึ้นดัง ๆ อยู่พอสมควร แต่พวกเครื่องสำอาง นุ้ยไม่ชัวร์ว่าของแท้หรือเปล่า แต่คนซื้อเยอะเหมือนกันนะ
ราคาถูกกว่าในท้องตลาด
ของที่ช้อปมา ของกินล้วนๆ
ช้อปเสร็จเราก็ไปคืนรถ รอขึ้นเครื่องกันเลย