เคยบอกตัวเองนะ … ว่าลองเก็บตังค์ไปเที่ยวที่อื่นบ้าง
แต่จนแล้วจนรอดก็หนีไม่พ้น “ญีปุ่น” สักที
และนี่ก็เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
..แต่เราก็ไม่เบื่อจ้า
รอบนี้ชิลล์แสนชิลล์ กับโอซาก้า เกียวโต และนารา
กับการเที่ยวแบบ รวมทั้งทริปไม่เกิน 22,000 บาท รวมทุกอย่างแล้วเด้อ กิน เที่ยว ตั๋วเครื่องบิน การเดินทาง ที่พัก ซิม
ออกไปเที่ยวพร้อมๆ กันเลยดีกว่า
ปล. สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดไว้ตอนท้าย
รอบนี้ใช้บริการของนกสกู๊ต(เฝ้าโปรไว้ให้ดีนะทุกคน) ถ้ามีโปรถูกมาเมื่อไหร่ก็ให้รีบสอยได้เลย
ตอนนี้นกสกู๊ต มีเที่ยวบิน บินตรงจากจากดอนเมือง-โอซาก้า 6 เที่ยวต่ออาทิตย์ละ
นี่เป็นการบิน นกสกู๊ตครั้งแรก สำหรับเราสองคนถือว่าโอเคเล
หรือเลื่อนไฟลท์เลย ที่สำคัญโปรเยอะจัด สอยมาได้นี่ชิลล์เลย
…………..
ตอนนี้นกสกู๊ต มีเที่ยวบิน บินตรงจากจากดอนเมือง-โอซาก
และ ดอนเมือง-โตเกียว ทุกวัน อยากเที่ยวโตเกียวหรือโอซาก
นกสกู๊ต เป็นสายการบินราคาประหยัดที
อาหารบนเครื่อง
ทริปนี้เราบินกันไฟลท์ดึก ถึงโอซาก้า ก็เช้าพอดีเลยค่ะ
…Day 1…
เมื่อถึงโอซาก้าแล้วเรามาว่ากันต่อด้วยเรื่อง Pass ที่เราใช้ในญี่ปุ่น ตลอด 4 วันกันบ้างค่ะ
รอบนี้ใช้พาส 2 ตัว จาก KKday ตอนนี้เราสามารถรับพาสหลายๆ ตัวได้ที่ สนามบิน หรือสถานีรถไฟฟ้า ไปจากไทยได้แล้วนะคะ
สะดวกมากๆ เลย
– บัตร Kansai Thru Pass แบบ 2 วัน จำนวน 2 ใบ
: http://bit.ly/2FzlkYa
(จริงแล้วเพื่อนๆ สามารถใช้ 3 วัน 1 ใบ แล้วจ่ายค่ารถไฟเข้าเมืองเพิ่มได้ แต่นุ้ยซื้อพาสพลาดไปนิด ก็เลยได้เป็นแบบ 2 วัน 2 ใบ )
– Osaka Amazing Pass แบบ 1 วัน ใช้เที่ยวรอบโอซาก้าในวันแรก
: http://bit.ly/2U9vs36
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
เราเดินทางเข้าเมือง .. และเอากระเป๋าไปเก็บกันก่อน
ที่พักของเราในทริปนี้คือ Hotel Villa Fontaine Osaka-Shinsaibashi เราจองมาในราคาคืนละ 2 พันกว่า
บรรยากาศห้องจะประมาณนี้ค่ะ
ขนาดความกว้างก็ถือว่ากำลังดี สำหรับญี่ปุ่นค่ะ ยิ่งถ้าเป็นที่พักในเมืองด้วยแล้วละก็
แค่นี้ในราคาสองพันกว่า ๆ กับทำทอง อย่างย่านชินไซบาชิ ถือว่าเด็ดมากๆ เลย
ก่อนออกไปเที่ยวเราก็เดินไปหาอาหารทานใกล้ๆ ทางลงรถไฟใต้ดิน
และกลายเป็นร้านประจำของพวกเราในทริปนี้เลยค่ะ เพราะราคาถูก อร่อย และอิ่มมาก
จะเป็นร้านกดเมนูจากตู้ ตอนนั่งทานก็จะนั่งเป็นบาร์ เลย
หลังจากอิ่มท้งก็ไปกันต่อเลย อย่างที่บอกว่าวันนี้เราจะใช้อเมซิ่งพาสกัน
สถานที่ ที่เราจะไปในวันแรก จะต้องเป็น สถานที่ที่อเมซิ่งพาสเข้าฟรีน๊า
ปลายทางแรกก็หนีไม่พ้น ปราสาทโอซก้าจ้า
ไม่ได้มา ก็เหมือนมาไม่ถึงแหละ ถามว่าอินอะไรมั้ยกับประวัต
ยิ่งถ้าตอนนี้ซากุระ บอกเลยว่าสวยมากๆ สวยสุดๆ เดี๋ยวจะเอารูปเก่ามาแปะไว้
ไปต่อกันที่ หมู่บ้าน Tempozan Harbor Village
เพราะที่นี่มีกิจกรรมหลายๆ อย่าง ที่สามารถใช้ โอซาก้าอเมซิ่งพาสได้ฟรี
เราต้องใช้คุ้มจ่ายเงินค่าพ
เริ่มกันที่ ชิงช้าสวรรค์ เท็มโปซาน (Tempozan Ferris Wheel) เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูง และใหญ่ที่สุดที่เคยขึ้นเลย
เดินประมาณ 5 นาที จากสถานีรถไฟใต้ดิน Osakako Sta.
ปกติราคา 800 เยน
ดูชิลล์นะ แต่พอขึ้นไปถึงจุดสูงสุด โคตรหวิวบอกเลย
และน้องที่ไปด้วยกัน เหมือนนางจะนั่งชิลล์ แต่นั่นคือการเกาะไว้แน่นเลยล่ะ
….แต่วิวสวยนะบอกเลย
ต่อที่ เลโก้แลนด์ (Lego Land) ปกติค่าเข้า 2,300 เยน เลยนะ
แต่ใช้พาส AP ฟรีเหมือนเดิม พวกเราติดอยู่ในนี้นานเลยที
จนทำให้พลาดการนั่งเรือ Santa Maria รอบอ่าวโอซาก้า เพราะเปิดถึง 4 โมงเย็นเท่านั้น
สุดท้ายของวัน ที่ อาคารอุเมดะสกาย (Umeda Sky Building) ตั้งใจไปดูพระอาทิตย์ตก
แต่ปรากฎคิวยาวมากๆ ขึ้นไปปุ๊บก็มืดปั๊บ แต่วิวเมืองก็สวยอยู่น๊า
แต่สำคัญเลย อากาศหนาวลมแรง ตัวสั่นปากสั่นกันเลยทีเดีย
อากาศข้างบน โหดร้ายที่สุด เพราะหนาวมากๆ หนาวจนต้องวิ่งกลับเข้ามาด้านใน
….Day 2….
วันนี้เราไปเที่ยวเกียวโตกัน ออกจากที่พักตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อไปป่าไผ่ Arashiyama
การเดินทาง เดิน 15 นาที จาก Arashiyama Station [Henkyu railway]
แนะนอนว่าเราต้องนั่ง Henkyu railway ซึ่งวันนี้เราเริ่มใช้ kansai Wide Pass สามารถนั่งรถขบวนนี้ได้ฟรี
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อมาถึง อากาศเย็นสบาย ฝนตกพรำๆ โชคดีที่วันนี้ได้ร่มจากที่พักติดมาด้วย
ริมแม่น้ำอากาศดีมากๆ หากมีซากุระ คงเป็นบรรยากาศแสนหวานเลยทีเดียว
เราเดินต่อไปเรื่อยๆ สะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) และเดินต่อไปไม่ไกลนักก็ถึงทางเข้าสะพานแล้วหล่ะ
ระหว่างทางยังคงเงียบอยู่ ร้านรวงต่างๆ ยังไม่เปิดให้บริการ เพราะเรามาถึงกันค่อนข้างเช้าเลยทีเดียว
และที่สำคัญทำให้คนน้อย ถ่ายรูปได้สวยและง่าย
เราเดินมาเรื่อยๆ ลัดเลาะมาจนถึงแม่น้ำ เดินเล่นซึมซับบรรยากาศ ของเช้านี้ไปเรื่อยๆ
จนมาหยุดอยู่ที่คาเฟ่เล็กๆ เราจะอาจจะเห็นนี้ได้ง่าย ถ้าอยู่ในเกียวโต
ผ่านไปพักใหญ่ กองทัพของเราเริ่มหมดกำลัง
ต้องหาของอร่อยๆ เข้าท้องกันอีกแล้วละคะ
ซึ่งตอนนี้ร้านรวงต่างๆ ต่างพากันเปิดร้านเต็มทั้ง 2 ฝั่งถนน
ร้านขนม ของฝากของที่ระลึก รวมถึงร้านอาหารด้วย
พวกเรา เลือกร้านนี้ ร้านแรกที่เราจะได้เจอเมื่อข้ามสะพานมาถึง อยู่ตรงหัวมุมด้านซ้ายมือ
ภายในร้านค่อนข้างกว้าง และบรรยากาศดี หากคนไม่เยอะก็จะได้เลือกนั่งมุมที่เห็นแม่น้ำด้วย
ถ้าถามว่าอร่อยมั้ย นุ้ยว่ามันอร่อยนะ แต่หลังจากที่เรากินอิ่มแล้ว ลองเดินสำรวจร้านอื่นๆ ปรากฎว่าร้านนี้ราคาค่อนข้างแพงกว่าร้านอื่นๆ
ญี่ปุ่น ก็คือญี่ปุ่น
ความน่ารักน่ากินของขนมชั่งมีอยู่มากมายเหลือเกิน
ชิ้นนี้ชิ้นละ 500 เยน ทำออกมาได้เหมือนในรูปแป๊ะ
ชิ้นนี้ก็ 500 เยน เช่นเดียวกัน
เดินเล่นกันไม่นานนัก เราก็ย้ายไปที่ Nishiki market
พึ่งกินมาแท้ๆ ก็ต้องไปกินใหม่อีกแล้ว
เอกลักษณ์ของตลาดนี้ คงเป็นอาหารเสียบไม้เหล่านี้
ที่ค่อนข้างหลากหลาย …. รวมถึงอาหารสด อาหารแห้งต่างๆ ที่มีวางขายตลอดทางเดิน
ก่อนกลับเข้าโอซาก้า ไปเดินเล่นต่อกันอีกนิด กับย่านพอนโตโชะ ที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟ Kawaramachi Station
จนเดินข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำ คาโมะ
และสุดท้ายของวันที่ 2 ก็มาจบอยู่ที่ ดงทมโบริ กิน ช้อป เดินเล่น
และเดินกลับที่พัก
…Day 3…
ก็ยังคงวนเวียนอยู่เกียวโตเ
ก็แอบสงสัยนะว่า ทำไมไม่มานอนเกียวโต จะไปกลับทำไม
แต่นุ้ยเป็นคนขี้เกียจขนของ
ยังไงก็ใช้พาส ไม่ต้องจ่ายค่ารถเพิ่มอยู่แ
วันนี้เราเริ่มกันที่ ฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha) ศาลเจ้าเทพอินาริ
หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ศาลเจ้าเสาแดง หรือวัดจิ้งจอง แต่ที่เราสงสัย ทำไมเรียกเสาแดง มองยังไงก็เป็นสีส้ม หรือเราตาบอดสีหว่า
มุมนี้คือมุมไฮไลค์ที่ใครมา
แต่ถ้าอยกได้รูปสวยและไม่มี
ตอนเดินเข้าไปยังไม่ต้องถ่า
เพราะคนส่วนใหญ่จะเดินไปเรื
ก็ค่อยกลับไปใหม่ แต่ถ้าแค่มาถ่ายรูป ก็ถือว่าคอมพลีท กลับบ้านได้
ถนนเล็กๆ ข้างศาลเจ้ามีร้านอาหารมาขา
เราไปต่อกันที่เมือง Uji เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมื
มาถึงที่นี่ก็ต้องกินชาเชีย
ไอศครีมชาเขียว อร่อยมาก
เรามาเจอซากุระ full bloom ที่นี่ สวยมากๆ แต่แค่ต้นเดียวเท่านั้น
มาลองกิน โซบะชาเขียว อร่อยเลยทีเดียว
มาถึงที่เมืองนี้ สิ่งที่พลาดไม่ได้คงเป็น วัดสำคัญ ที่มีชื่อว่า Byodo-In
ซึ่งมีรูปอยู่หลังเหรียญ 10 เยนด้วย
ตกเย็นเรานั่งรถกลับมาเกียว
เพื่อมาเดินเล่นย่านเมืองเก
พวกเราจึงพยายามมองหาร้านนั
กินจนอิ่ม นั่งจนหายเหนื่อยออกมาเดินก
ใครมาก็ต้องมาถ่าย เพราะเป็นมุมที่สวยมาก ย่านนี้เราจะเจอสาวๆ ในชุดกิโมโน เยอะมาก รอบหน้าเราจะใส่บ้างแล้วน๊า
…Day 4 …
มุ่งตรงไปสู่เมืองนารา จ้า แต่ก่อนออกเดินทาง เราต้องเติมพลัง
มากินราเมงข้อสอบ ร้านดังกัน ปกตินุ้ยจะไม่ค่อยกินร้านดังๆ เพราะไม่ชอบการรอคิว
แต่รอบนี้เราได้กิน เพราะเลือกมากินมื้อเช้า มื้อที่ยังไม่มีคนตื่น หรืออาจจะออกไปเที่ยวกันหมดแล้ว
เราใช้เวลาเดินทางจากโอซาก้าไปนารา ปร
เดินต่ออีกนิดหน่อยก็ถึงแล้
แต่หลายคนบอกว่ากวางที่นี่ด
ปลายทางหลัก ๆ ของเมืองนารา ก็จะเป็น Nara Park
วัดโคฟุคุจิ – Kofukuji Temple
และ วัดโทไดจิ – Todaiji Temple
น้องกวางไม่ดุ แต่นางชอบแย่งกระดาษแล้วิ่ง
วัดโทไดจิ Todaiji Temple หรือวัดหลวงพ่อโต
เป็นที่สำคัญมากๆ ไม่ใช่แค่ในเมืองนารา แต่สำคัญระดับประเทศเลยทีเด
และได้รับการยอมรับว่าเป็นว
และทางเดินเข้าไว้ มีรูปแกะสลักไม้ ใหญ่โตมากๆ
ค่าเข้าที่นี่ 1,000 เยน ปกตินุ้ยจะไม่ค่อยยอมจ่ายเงินเพื่อเข้าวัดแพง ๆ แต่รอบนี้ยอม เพราะความอลังการ และมีความรู้สึกว่า
ต้องเข้าอ่ะ ยังไงก็ต้องเข้าไปด้านใน
0
หลังจากกลับจากเมืองนารา
เรากลับมาช้อปปิ้งกันต่อ จนเดินทางกลับไปสนามบิน
แต่เมื่อมาถึงโอซาก้า สิ่งที่ทุกคนไม่ควรพลาดคือ ทาโกยากิ นะ เพราะที่นี่ถือเป็นเมืองกำเหนิดทาโกยากิเลยนะ
มีร้านขายเยอะมากในย่าน Dontonbori
ต่อจากนี้เป็นสรุปค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน