ไป “เลย” มั้ย
…ถ้าจะไปก็ตามมา
ทริปนนี้นุ้ยกับต้นจะพาทุกคน ไป Slowlife กันที่จังหวัดเลย
ไปกินๆ นอนๆ เดินเล่น เข้าถึงชุมชน กันค่ะจุดเริ่มต้นคือเราสองคนอยากไปพักผ่อนกันที่เชียงคาน
เพราะไปกี่ทีก็ได้ชาร์ตแบตกลับมาแบบเต็มพลังมากๆ
แต่ความพิเศษของทริปนี้คือ เราจะลัดเลาะไปเรื่อยๆแวะเที่ยวระหว่างทาง ทั้งขาไปและขากลับเลย
ก็เลยอยากเก็บเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง
ถ้าพร้อมแล้ว ไป(กัน)เลยมั้ย
การเดินทาง
นุ้ยใช้วิธีการเดินทางโดยเครื่องบินค่ะ จากกรุงเทพฯ สู่จังหวัดเลย และเช่ารถขับต่อค่ะ สะดวกและชิลล์ที่สุดแล้ว
โดยใช้บริการของสายการบินนกแอร์ บินนกแอร์วันนี้ ได้ไมล์ฟรี! นกแอร์ พร้อมเปลี่ยนรอยยิ้มของคุณให้เป็นไมล์
เมื่อซื้อตั๋วประเภท Nok MAX หรือ Nok X-tra ก็รับไปเลย ไมล์สะสมจากรอยัล ออร์คิด พลัส (ROP)
บิน Nok MAX รับฟรี! ทันที่ 250ไมล์ / บินNok X-tra รับฟรี! ทันที่ 150ไมล์
แล้วมาเปลี่ยนรอยยิ้มให้เป็นไมล์ไปกับนกแอร์กันนะคะ รายละเอียดเพิ่มเติมhttps://goo.gl/NrNmxw
เช่ารถขับต่อ โดยใช้บริการของ AVIS Thailand
ใช้บ่อยที่สุดใน 3 โลกแล้วค่ะเจ้านี้ ได้มาตรฐาน จองง่าย ราคาดี คืนรถช้าได้ 4 ชม.ด้วยนะ
จองรถได้ที่ http://www.avisthailand.com
หรือโทร 02-2511131
ชุมชนบ้านนาอ้อ
อย่างที่บอกว่าทริปนี้เป็นที่ตั้งใจไปเชียงคานเนอะ และขับรถเที่ยวลัดเลาะไปเรื่อยๆ
ปกติอออกจาสนามบินพี่ก็ตรงดิ่งไปเชียงคานเลยจ้า แต่รอบนี้ขอแวะกันที่บ้านนาอ้อ
เป็นชุมชนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างไปเชียงคานเลยค่ะ
บ้านนาอ้อ ตั้งอยู่ตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย
เป็นชุมชนเก่าแก่มีการตั้งหมู่บ้านมานานกว่า 450 ปี โอ้วมายก็อต
ภาษาที่ใช้ติดต่อสื่อสารคือ ภาษาถิ่นเลย ซึ่งเป็นภาษากลุ่มหลวงพระบาง มีความไพเราะนุ่มนวล เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมบ้านไทยเลยที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาชาวบ้านที่ถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
เราสองคนมีเวลาอยู่ชุมชนบ้า
นุ้ยจึงเลือกเลี้ยวรถเข้าไป
ในบริเวณวัด มีที่ตั้งของกลุ่มวิสาหากิจ
และในบริเวณวัดศรีจันทร์ ยังมีบ้านไม้โบราณ
รวมถึงพิพิธภัณฑ์วัดศรีจันท
วิถีชีวิต และยังของเก่ามากมาย ทั้งอุปกรณ์ทำมาหากิน และของเก่ามากมาย
เวลาผ่านไป เกือบ 3 ชม. ที่เราเดินดูโน่นนี่นั่น และคุยกับแม่ ๆ ที่นั่งทอผ้าจนได้เวลาออกเด
เชียงคาน
ซึ่งเรานอนกันที่เชียงคาน 2 คืน ชิลล์แบบเต็มที่
เราสองคนพักกันที่บ้านบุฟผา
และบรรยากาศก็จะชิลล์แบบนี้
ตอนนเย็นริมโขงที่เชียงคานค
นั่งฝั่งไทย แต่ดูพระอาทิตย์ตกฝั่งลาว เก๋ไปอีก
ถนนคนเดินเชียงคาน
เสน่ห์ของเชียงคานคงหนีไม่พ
และจะคึกคักเป็นพิเศษในช่วง
ซึ่งแตกต่างจากที่อื่นๆ จะมีแค่วันเสาร์ หรืออาทิตย์เท่านั้น
เพราะที่นี่มีถนนคนเดินทุกค
ช่วงวันธรรมดาคนก็จะบางๆ ตาหน่อย แต่ก็ชิลล์นะ
ต้องลองชิมนะ โรตีเพื่อชีวิต
หรือจะแฮ้งเอ้าท์ ก็มี
ที่นี่เป็นทั้งที่พัก และคาเฟ่ ด้านหลังติดริมน้ำด้วยนะ
ปูนาเสียบ กุ้งเสียบ ต้องลอง ไม้ละ 20 บาท 3 ไม้ 50 บาท
ตักบาตรข้าวเหนียว
เช้าวันที่ 2
การตักบาตรข้าวเหนียว คือเสน่ห์ของเชียงคานที่ไม่
ตอนเช็คอินที่ที่พัก คุณลุงกับคุณป้า ก็ถามว่าจะตักบาตรตอนเช้ามั
ซึ่งชุดตักบาตร ราคาชุดละ 50 บาท
มีบริการเสริมคือ ช่วยปลุกตอนเช้า /// น่ารักไปอีก
และนี่คือข้าวของที่คุณลุงก
และไปปลุกเราตอนถึงเวลาใส่บ
ชอบบรรยากาศแบบนี้ ชอบความดั้งเดิม ที่ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนได้
มันงดงามด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว
ใส่บาตรเรียบร้อย อิ่มบุญแล้ว ก็ต้องอิ่มท้อง นุ้ยกับต้นชวนกันเดินเล่นไป
ซึ่งจะว่าห่างมันก็ห่าง จะว่าใกล้มันก็ไม่ใกล้
เอ๊ะ ! ยังไง แต่เราก็เดินไปถึงตอนเช้าๆ อากาศดี
เพื่อไปสำรวจว่าตลาดที่นี้ มีอะไรน่าสนใจบ้าง
แต่จุดจบของสายกิน จะอิ่มบุญอย่างเดียวไม่ได้ ต้องอิ่มท้องด้วย กาแฟ และปาท่องโก๋ หน้าตลาดนี่แหละ ชิลล์สุด
ข้าวเปียกอีกชามคือฟิน จบภารกิจเช้านี้
ผาสาดลอยเคราะห์
เราสามารถไปทำผาสาด ได้ที่ศูนย์ข้อมูลเมืองเชีย
กิจกรรมอีกหนึ่งอย่าง เมื่อมาเชียงคานแล้วอยากให้
นั่นคือผาสาดลอยเคราะห์ เป็นพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ใ
จะว่าคล้ายลอยกระทงก็คล้าย แต่ก็ไม่ใช่เพราะผาสาดลอยเค
เพื่อนำสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่สบายใจ เคราะห์ร้าย โชคร้ายออกไป
เราสามารถไปนั่งทำเองได้ด้ว
ขั้นตอนการทำ ก็ทำเอาเราสองคนอึ้งกันไปตา
คือวิธีแบบชาวบ้าน แต่ล้ำมาก อันนี้ต้องไปลองเอง จะมีค่าใช้จ่าย 100 บาท
ทำเองลอยเอง เอาสิ่งไม่ดี ความทุกข์เคราะห์ร้าย ลอยไปให้หมด
หลังจากลอยลงน้ำไปแล้ว ห้ามหันหลังกลับไปมองนะคะ
อย่าไปอาลัยอาวรณ์ความทุกข์โศก
ความเรื่อยๆ เปื่อยๆ ของเราวันนี้ ขับไปเรื่อยๆ จนถึงซอย 0
เพื่อดูวิธีชีวิตริมฝั่งโขง
มะพร้าวแก้วที่อร่อยที่สุดในโลก
และอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได
ขอบอกว่ามะพร้าวแก้วของเชีย
ไปทีไรนะ ต้องซื้อกล้บมาเยอะมาก เยอะจนลืมไปว่า กินแล้วอ้วน
ถ้าหากเราอยากเจอแบบสดๆ กำลังทำ เลยละก็ ให้ขับรถไปทางแก่งคุดคู้
จะมีเต็มสองข้างทางเลยจ้า ทั้งร้านเล็กร้านใหญ่ ทำกันสดๆ อร่ยอสุดๆ
อำเภอท่าลี่
วันที่ 3 ซึ่งเป็นวันกลับของเรา
วันนี้เราเลือกขับรถวนไปทาง
เป็นอีกหนึ่งอำเภอที่น่าสนใ
เราเริ่มจาก แก่งโตน เป็นแก่งบริเวณแม่น้ำเหือง ที่กั้นระหว่างไทย และลาว ไม่กี่ก้าวฉันก็จะถึงลาวแล้
หากใครอยากข้ามฝั่งไปเที่ยว
ก็มีด่านข้ามแดนอยู่ที่ท่าล
ฝั่งประเทศลาวจะเป็นเมืองแก
ชุมชนบ้านอาฮี
ขับมาเรื่อยๆ จนถึงชุมชนบ้านอาฮี เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่น่าสนใ
เราได้ยินมาว่าที่ชุมชนนี้ มีบ้านหลังหนึ่ง เจ้าของคือแม่เสลี่ยง
ซึ่งได้เก็บสะสมของเก่าไว้เ
ก่อนที่เราจะมาบ้านแม่เสลี่
แนะนำว่าให้โทรแจ้งทางคุณแม
เบอร์โทร : 081-1847246
ข้าวของมีมากมาย ทั้งของใช้ อุปกรณ์ทำมาหากิน
ก่อนกลับแวะกราบสักการะเพื่
และโชคดีเจอคณะแม่ๆ ทั้งหลายกำลังตั้งขบวนรอรับ
แม่ๆ สนุกกันใหญ่ รำสวยกันทุกคน
ที่เราเห็นกันด้านหลัง นั่นเรียกว่าต้นดอกไม้ของจร
แม่ๆ เล่าว่า ทุกปีจะมีประเภณีแห่ต้นดอกไ
ก่อนกลับก็แวะไปอีกหนึ่งวัด
กราบพระเป็นสิริมงคล ทุกทริปค่ะ
สำหรับทริปนี้ 3 วัน 2 คืน กับ 3 ชุมชนที่จังหวัดเลย
เป็นทริปที่สโลว์ไลฟ์ และเข้าถึงชุมชน
แม้ว่าไม่บ่อยนักที่เราสองคนจะเที่ยวแนวชุมชน แต่ทุกครั้งที่เราไป
มักจะได้ความประทับใจกลับมาแบบไม่มีวันลืม
ความรักน่ารักของคนในชุมชน อาหารการกินที่แสนอร่อยหากินไม่ได้ที่เมืองกรุง
อีกทั้งยังได้ความรู้ และแนวคิดดี ที่จะทำให้เราใช้ชีวิตได้แบบมีความสุข
การท่องเที่ยว มักให้อะไรเรามากกว่าคำว่าท่องเที่ยวเสมอ
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้า
………………….
…………………………………………………………………………
ติดตามเรา Nui ka ton แฟนพาเที่ยว
Fanpage : https://www.facebook.com/MyLifeMyTravels
WebSite : www.mylifemytravels.com
Youtube : https://goo.gl/0bnw9a
Instagram: https://goo.gl/G7qsVC
….
สนใจติดต่องานได้ที่
E-Mail : mylifemytravels@gmail.com
Tel. : 094-5929142
#แฟนพาเที่ยว #mylifemytravel #NuiKaTon #Coupletravelers