มาเก๊าเที่ยวง่าย กินอร่อย

มาเก๊า..มีอะไรมากกว่าที่เราเคยรู้
ทริปนี้นุ้ยกับต้นจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวมาเก๊าแบบครบทุกรสชาติ ไปทำความรู้จักมาเก๊าให้มากกว่าที่เคยรู้จัก

มาเก๊าไม่ได้มีแค่คาสิโน (แต่คาสิโนคือสิ่งทีทำให้มาเก๊ามีสีสัน55)

มาเก๊าเป็นเมืองเล็กๆ ที่จะทำให้เราอึ้ง เที่ยวคุ้ม กินอร่อย ได้ลิ้มลองอาหารแบบหลากหลาย

ทั้งคาวหวาน อาหารจีน อาหารโปรตุเกส มีมุมถ่ายรูปฮิปๆ ชิคๆ เก๋ๆ เดินไปทางไหน มุมไหน

ถนนเส้นไหนก็สามารถถ่ายรูปได้แบบไม่ต้องทำแพลนล่วงหน้า รับรองว่าเที่ยวปีนี้ แต่รูปโพสต์ได้ถึงปีหน้า

แล้วจะรออะไรไปมาเก๊ากันเลยมั้ยล๊า ที่สำคัญเที่ยวมาเก๊าไม่ต้องใช้งบเยอะ

มาดูกันว่า 3 วัน 2 คืน จะเที่ยวได้เต็มอิ่มแค่ไหน จะกินได้ครบทุกร้านที่อร่อยหรือเปล่า
.
#ข้อควรรู้คร่าวๆ ก่อนไปมาเก๊า


– เวลาที่มาเก๊าเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง
– ค่าเงินมาเก๊าเรียกว่าปาตาก้าร์ (MOP) 1 MOP = 4 บาท (โดยประมาณ )
– สามารถนำเงินฮ่องกงมาใช้ที่มาเก๊าได้
– เที่ยวมาเก๊าไม่ต้องขอวีซ่า
– Macau Pass จะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ แต่จะทำให้เราสะดวกขึ้น ราคา 130 เหรียญ ใช้ได้ 100 ค่ามัดจำ 25 ค่าธรรมเนียม 5 สามารถใช้จ่ายค่ารถ และซื้อของในร้านสะดวกซื้อได้
.
#การเดินทาง


-การเดินทางในมาเก๊า การเดินทางส่วนใหญ่จะใช้วิธีการเดิน เพราะเป็นเมืองเล็กๆ สามารถเดินถึงจุดท่องเที่ยวได้แทบทุกจุด หากจุดไหนที่ไกลเกินไป สามารถนั่งรสบัสได้ ค่ารถครั้งละ 3 MOP ราคาเดียวตลอดสาย ไม่มีเงินทอน ควรเตรียมเงินให้พอดี
– การเดินทางจากไทย นุ้ยเลือกเดินทางด้วยสายการบิน AirAsia มีบินตรงทุกวัน จากดอนเมืองสู่มาเก๊า 4 เที่ยวบินต่อวัน หรือจะบินตรงจากภูเก็ต เชียงใหม่ ก็ได้น๊า
เช็คเที่ยวบิน >> https://air.asia/Gk1QB
.
#ค่าใช้จ่ายในทริปนี้


3 วัน 2 คืน ที่มาเก๊า คนละ 5,000 ก็เอาอยู่
ทริปนี้นุ้ยจองที่พักที่เรียกได้ว่าดีเลย ชื่อมาเก๊า โฮเต็ล เอส (Macau Hotel S)

ทำเลดี บริการดี สถานที่ดี ในราคาเพียงคืนละ 2,3xx บาท (เคล็ดลับที่อยากบอกคือ ที่พักมาเก๊า วันธรรมดาราคาถูกกว่าเสาร์อาทิตย์ เกือบครึ่ง)

ส่วนค่าอาหารทั้งหลาย และค่ารถค่าเรือต่างๆ ตลอดทริป หมดไปคนละประมาณ 3,200 บาท


ส่วนตั๋วเครื่องบินนั้น พุ่งตัวแรงๆ ไปที่แอร์เอเชียเลยจ๋า ราคาปกติคือน่ารักมากแล้ว ยิ่งเจอโปรยิ่งน่ารัก สบายกระเป๋าสุดๆ
.
ปล. มีหลายคนถามเรื่องม็อบ บอกเลยว่ามาเก๊าเที่ยวได้หายห่วง ไม่มีม็อบนาจา สงบและปลอดภัยดี นุ้ยกับต้นคอนเฟิร์ม

แพลนทริป มาเก๊า 3 วัน 2 คืน เที่ยวเต็มที่ กินไม่ยั้ง ถ่ายรูปสนุกสุด
Day 1
– A-Ma Temple : ไหว้พระขอพร
– A Lorcha : ชิมอาหารโปรตุเกสแบบต้นตำหรับ
– Chapel of Our Lady of Penha : ดูวิวมุมสูง
– Mandarin House : บ้านจีนโบราณร่วมสมัย
– Chan Kong Kei – Roast Duck : ข้าวหน้าเป็ดที่อร่อยที่สุดที่เคยกิน

Day 2
– Happiness street : ถนนเส้นเล็กๆ แต่มุมถ่ายรูปไม่เล็กนะจ๊ะ
– Nam Peng café : แซนวิชไข่สุดนุ่ม
– Ruins of St. Paul’s & love lane : แลนด์มาร์คที่พลาดไม่ได้
– Estab De Comidas Ngao Kei Ka Lei 牛記咖哩美食 : บะหมี่ไข่ปู
– Pace Coffee Macau: คาเฟ่ สไตล์มินิมอล
– A Porta da Arte Café : คาเฟ่ เท่ๆ
– IAM Building : มุมถ่ายรูปสุดชิค
– Yee Shun Milk Company : นมตุ๋นสุดฟิน
– Edf. Comercial Holland Jardim : มุมถ่ายรูปหน้าตึกเหลือง
– Albergue SCM : มุมถ่ายรูปใต้ต้นไม้อายุ 100 ปี
– Tap Seac Square and Gallery : มุมถ่ายรูปชิคๆหน้าตึกเหลืองแดง
– Single origin Café : คาเฟ่ชิคๆ
– Lai Kei Sorvetes : ไอศกรีมโบราณ
– Rua Nova A Guia : พิกัดถ่ายรูปที่ห้ามพลาด

Day 3
– Local Style DimSum 龍華茶樓 : ติ่มซำในตำนานระดับ michelin guide
– Macau Fisherman’s Wharf : มุมถ่ายรูปสุดชิค
– Wong Chi Kei : บะหมี่ร้านดัง
– Lord Stow’s Bakery : ทาร์ตไข่เจ้าแรกในมาเก๊า
– Taipa Food Street : ตะลุยกินก่อนขึ้นเครื่องกลั

 

สำหรับทริปนี้นุ้ยกับต้นเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย มีไฟลท์บินตรง ดอนเมือง- มาเก๊า มากถึง 4 เที่ยวบินต่อวัน ทำให้ทริป 3 วัน 2 คืนของเรา ง่ายมากขึ้น ง่ายต่อการแพลนเที่ยว เราสองคนเลือกบินขาไปไฟลท์แรก และขากลับบินไฟลท์สุดท้าย เที่ยวได้เต็มที่ ทั้ง 3 วัน ใช้เวลาคุ้มมาก
และคุ้มมากยิ่งขึ้นเมื่อเราเลือกจองแบบ แพ็กสุดคุ้ม ที่จะได้ทั้งน้ำหนักกระเป๋าคนละ 20 กิโลกรัม ไม่ต้องทนหิวบนเครื่อง เลือกที่นั่งได้ตามใจ และยังมีประกันกันเดินทางให้อีกด้วย คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
จองตั๋วได้ที่ .. https://air.asia/Gk1QB

 

 

DAY 1

เราเดินทางไฟลท์แรกมาถึงมาเก๊าตอนประมาณ 10.20 น. ก็ตรงดิ่งเข้าเมืองฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม และออกเที่ยวต่อเลย มาถึงในช่วงเวลาแบบนี้ ที่แรกที่จะไปขอเริ่มเป็นมื้อเที่ยงเลยละกัน เราเลือกทานกันที่ร้าน A Lorcha เป็นร้านอาหารโปรตุเกสสูตรต้นตำหรับเปิดมานานกว่า 20 ปี ร้านนี้จะอยู่ใกล้ๆ กับวัดอาม่า ทานเสร็จสามารถเดินออกไปไหว้พระขอคู่ เฮ้ย! ขอพรต่อได้เลย ใครจะไปร้านนี้แนะนำให้จองคิวไว้ก่อนนะคะ เป็นร้านยอดนิยม คนเยอะมากๆ ร้าน A Lorcha จะเปิดให้บริการวันละสองรอบ คือมื้อเที่ยง 12.30 -15.30 น และ มื้อเย็น 18.30-23.00 น.

วันนี้เราสั่งมา 3 เมนู แกงหอยลายโปรตุเกส ข้าวผัดโปรตุเกส และสเต็กเนื้อสันใน
นุ้ยชอบสุดคือเมนูแกงหอยลาย เนื้อหอยสุกกำลังดีไม่แห้งไม่คาว น้ำซุปหอมมาก รสกลมกล่อมติดไปทางเค็มนิดๆ ส่วนต้นชอบสเต็กเนื้อสันในมาก ได้ตามสั่ง เนื้อนุ่มเด้งมาก ความแปลกคือราดมาด้วยกระเทียมเจียวกรอบๆ หอมกรุ่น แปลกแต่ก็เข้ากันได้ดี ส่วนข้าวผัดรสชาติคล้ายเข้าผัดไทยปกติเลยค่ะ และแนะนำว่า ถ้าไปกัน 2 คนแบบเรา สั่งน้อยๆ นะคะ เพราะอาหารแต่ละจานใหญ่มากเลยทีเดียว

 

ออกจากร้านอาหารมาไหว้พระขอพรกันที่วัดอาม่า A-Ma Temple เดินห่างกันเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
มาถึงมาเก๊าจะไม่แวะมาไหว้พระขอพรที่นี่ไม่ได้เลยนะ วัดแห่งนี้มีความสำคัญและเก่าแก่ สร้างขึ้นก่อนที่จะมีเมืองมาเก๊าอีกนะ มาขอพรการงานการเงินดวงพุ่งแน่นอน แต่ใครที่โสดอยากได้คู่ สมหวังเรื่องความรัก ต้องถวายเทียนดอกบัวคู่ ซึ่งที่วัดมีให้บูชา
.. บอกลาคานเพื่อนรักไปได้เลย

เดินต่อไปอีกหน่อยเพื่อไป Chapel of Our Lady of Penha เป้าหมายหลักของการไปที่นี่เพื่อการไปดูวิว เพราะโบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้ทะเล วิวโดยรอบสวยมากๆ เห็นทั้งวิวเมืองและวิวทะเลเลย

เดินต่ออีกหน่อย เพื่อไป Mandarin House
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ถ่ายรูปสวยมาก มีมุมถ่ายรูปเพียบ ที่นี่เป็นบ้านจีนโบราณ ผสมกลิ่นอายแบบตะวันตก
ในบริเวณจะมีอาคารอยู่หลายหลัง สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป และชอบความคลาสสิค รับรองว่าถ่ายรูปสนุก
มื้อค่ำของวันนี้เราไปกินข้าวกันที่ร้านโปรดของเราสองคนเลยก็ว่าได้ เพราะตอนไปเที่ยวมาเก๊าครั้งก่อน
เราไปกินร้านนี้ 2 วันติดเลยจ้า ร้านนี้คือ Chan Kong Kei – Roast Duck
เป็นร้านที่คนแน่นตลอดไปกี่ครั้งก็แน่น รอบนี้ก็เช่นกัน เมนูเด็ดที่ห้ามพลาดเลยก็เป็ดย่างพริกไทยดำ
เป็ดชิ้นใหญ่หั่นมาแบบติดกระดูก ราดด้วยซอสพริกไทยดำ อร่อยมาก และยังมีเมนูไก่ หมูกรอบ หมูแดงที่แนะนำให้ลองชิมน๊า
DAY 2
วันนี้เราสองคนจะพาไปตะลุยกิน ตระเวนถ่ายรูปมุมเท่ มุมชิคในมาเก๊าแบบเต็มวัน
.
เริ่มวันนี้ด้วยถนนสายเล็กๆ ใกล้ที่พักเลยละกัน Happiness Street หรือถนนแห่งความสุข สถานที่ยอดฮิต ถ่ายรูปสวย เป็นถนนสายเล็กๆ ที่สองฝั่งถนนเป็นบ้านสไตล์จีนโบราณ 2 ชั้น สีสันจัดจ้าน ทั้งเขียว แดง เดิมทีถนนแห่งนี้เป็นถนนโคมแดง แต่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และขายของฝาก บอกเลยว่าต้องไม่พลาดนะจ๊ะ
ในช่วงเช้า ถ่ายรูปกันเพลินๆ เพราะคนค่อนข้างน้อย และรถไม่พลุกพล่าน
แต่ถ้าใครจะมาทานอาหารต้องมาช่วงเย็นๆ นะ
ก่อนจะเริ่มเที่ยวที่อื่น ขอพาทุกคนไปเติมพลังกันก่อน ที่ร้าน Nam Peng Café เป็นร้านอาหารเช้า สไตล์โลคอล
บรรยากาศในร้านคลาสสิคมาก และเป็นร้านที่ค่อนข้างได้รับความนิยม ทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว รวมทั้งเราสองคนด้วย
แนะนำเมนูแซนวิช ขนมปังนุ่ม ไข่หนาละมุน ไส้ด้านในเป็นแฮมและหมูแดง ขอบอกว่าชิ้นใหญ่มากค่อยๆ สั่งนะ
อย่าทำแบบเรา สั่งมาทีเดียว 2 จาน กินกันแทบจุกเลย
ร้านนี้เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึง 6 โมงเย็น

ยังไม่จบเรื่องกิน ตอนแรกคุยกันว่าจะกลับไปถ่ายรูปเล่นก่อน แต่พอลองเสิร์ชดูในแผนที่ ร้านที่อยากกินมากๆ อยู่ใกล้กันนิดเดียว

มองหน้ากันเพื่อเป็นคำถามว่ากินต่อเลยได้มั้ย อย่าพึ่งเดินกลับไป 55 และเราสองคนก็พยักหน้า
.
แล้วไปกินกันต่อเลย ที่ร้าน Estab De Comidas Ngao Kei Ka Lei (牛記咖哩美食 ) เป็นร้านขนาดเล็ก
เน้นขายบะหมี่และโจ๊ก แต่เมนูเด็ดที่เราสั่งคือ บะหมี่เกี๊ยวไข่ปู อร่อยมาก เส้นบะหมี่ดีมาก เส็นเล็กเหนียวนุ่ม เกี๊ยวอร่อย
และไข่ปูหอมมากๆ ร้านนี้เมนูมีทั้งภาษาจีนและอังกฤษ ตอนเราสั่งเอารูปที่เซฟไว้จากอากู่ให้ที่ร้านดู
และด้วยท่าทางการกินที่ดูเอร็ดอร่อยของเรา ลูกค้าที่เข้ามาทานใหม่ในร้าน
ก็ถามพนักงานว่าเรากินอะไรจะเอาแบบที่เรากิน สำหรับคนที่ชอบบะหมี่นุ้ยแนะนำเลยอร่อยจริง อร่อยจัง ให้รีบไปเช้าๆ นะ คนจะไม่เยอะ

ร้านเปิดให้บริการ เวลา 8.00-02.00 น.

กินอิ่มแบบจริงๆ เดินกลับไป Ruins of St. Paul’s ระหว่างทางเดินผ่าน Portuguese Street เจอมุมถ่ายรูปน่ารักๆ เพียบ จะเดินผ่านไปเฉยๆ ก็จะรู้สึกแปลก ถ่ายสักหน่อยละกัน

รักมาเก๊าก็ตรงที่เดินไปทางไหนก็เจอมุมถ่ายรูป สีสันแบบคัลเลอร์ฟูลมากๆ

เมื่อกี้เราเดินผ่านถนนโปรตุเกส เดินต่อมาอีกหน่อยก็เจอ Love Lane ซึ่งอยู่ติดกับ Ruins of St. Paul’s เลย

เป็นตรอกเล็กๆ ที่ทั้งสองฝั่งเป็นตึกที่มีสีสันฝั่งหนึ่งเป็นสีเหลืองสดใสตัดด้วยหน้าต่างและประตูสีแดงขอบขาว

ส่วนอีกฝั่งหวานแหวว ชมพูพาสเทลเลยจ้า

  และเมื่อเราเดินทางผ่านทาง Love Lane เราจะได้เจอมุมนี้จ้า เป็นมุมที่ถ่าย Ruins of St. Paul’s ได้เก๋มาก

Ruins of St. Paul’s ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล ที่นี่คือแลนด์มาร์คของมาเก๊าเลยนะ
เที่ยวมาเก๊าไม่มาที่นี่เหมือนมาไม่ถึง เพราะเมื่อได้ยินคำว่ามาเก๊าทีไร ภาพของประตูโบสถ์เซนต์ปอลก็จะลอยมาทันที
โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1580 แต่ได้เกิดเหตุไฟไหม้ ถึง 3 ครั้ง ทำให้เหลือเพียงซากประตูด้านหน้าโบสถ์เท่านั้น
เราเดินขึ้นเขามาทางป้อมปราการมองเต Macau Monte Fort เพียงแค่นิดเดียว เราก็จะได้เจอกับมุมนี้ เป็นอีกมุมถ่ายรูปโบสถ์เซนต์ปอลที่สวยมาก
และสำหรับสายชิว สายสโลวไลฟ์ ชีวิตดูมีสไตล์ ก็มีคาเฟ่ให้นั่งชิวๆ กันน๊า ขอแนะนำ 2 ร้านนี้ก่อนเลย
อยู่ใกล้ๆ กับประตูโบสถ์เซนต์ปอล ร้านแรก Pace Coffee เป็นคาเฟ่แนวมินิมอลโทนสีขาว ประตูกระจกขอบไม้ รอบด้าน
ขนาดร้านไม่ใหญ่นัก แต่กาแฟรสชาติดี และบาริสต้าอร่อย เฮ้ย! กาแฟอร่อย บาริสต้าหน้าตาดี 55
ร้านเปิดทุกวันเวลา 11:00-19:00 น.
ต่อมา ร้านอยู่ใกล้ๆ กันเลย ชื่อว่า A Porta da Arte เป็นร้านน่านั่ง มี 4 ชั้น
ภายในร้านนอกจากเป็นคาเฟ่ ขายเครื่องดื่มแล้วยังมีขายกิ๊ฟช้อปชิ้นเล็กชิ้นน้อย และยังมีพวกเครื่องประดับอีกด้วย

เปิดให้บริการเวลา 11:30–20:00 น.
เดินย้อนกลับมาทาง จัตุรัสเซนาโด้ เราเข้าไปถ่ายรูปที่อาคาร ไอเอเอ็ม ( IAM Building )
หรือ Municipal Affairs Bureau เดิมชื่อ Leal Senado ตึกแห่งนี้สร้างขึ้นช่วงปลายศตวรรษที่ 16
เป็นตึกที่มีความสำคัญ เพราะเคยเป็นสภาเทศบาลแห่งแรกของมาเก๊า แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นห้องสมุดและสถานที่จัดนิทรรศการ และแน่นอนว่าตึกแห่งนี้มีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปเช่นกัน โดยเฉพาะมุมบันไดปูนเปลือยที่ด้านข้างถูกตกแต่งด้วยลวดลายสีฟ้าขาว
เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 09.00-21.00 น.
เดินออกมาด้านหน้าตึก IAM Building ให้เลี้ยวไปทางซ้าย ประมาณ 300 เมตร เราจะเจอกับร้านขนมหวานสไตล์กวางตุ้ง
เป็นนมตุ๋นชื่อดัง Yee Shun Milk Company ซึ่งมีอยู่หลายสาขาเลยทีเดียว อยากให้ลองนะ นุ้ยชอบมาก หอมละมุน
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-21.00 น.
ต่อไปจะพาทุกคนเข้าสู่ช่วงสีสันแห่งมาเก๊า
นุ้ยตั้งชื่อเองก็จะเชยเบอร์นี้ 555
เพราะจะพาทุกคนไปถ่ายรูปกับตึกสวยๆ สีสันโดนๆ ตั้งอยู่ใกล้ๆ กันหมดเลย
เราจะสามารถเดินได้แบบไม่เหนื่อยเลยทีเดียว เพราะถ่ายรูปได้ทั้งเมืองจ้
ที่นี่คือ Edf. Comercial Holland Jardim เป็นตึกที่สีจัดจ้านสุดในย่านนี้เลยทีเดียว
สีเหลืองสดตัดด้วยสีเขียวและแดง ตั้งเด่นอยู่ตรงมุมสีแยก แนะนำให้เดินอ้อมไปทางด้านหลังนะคะ จะมีมุมถ่ายรูปได้แบบสวยๆ เลย
เดินต่อมาอีกนิด จะเจอกับ Albergue SCM กับอาคารสีเหลืองที่สะดุดตา และเอกลักษณ์ของที่นี่คงเป็นต้นการบูร 100 ปี
ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาออกไป ที่นี่เป็นทั้งศูนย์ศิลปะ มีร้านขายของที่ระลึก และยังมีร้านอาหารโปรตุเกสอีกด้วย
ยังไม่จบกับความจัดจ้านของย่านนี้ค่ะ Tap Seac Square and Gallery จัตุรัสทัปเส็ก ตึกนี้สีสันเรียกได้ว่าโดดเด่นมาก เพราะเป็นสีเหลืองและแดงตัดกัน
และถ้าหากเดินถ่ายรูปจนเหนื่อย แนะนำให้เดินต่ออีกนิด เราก็จะได้สัมผัสความหวานแบบคลาสสิคกับ
ไอศกรีมแซนวิชจากร้าน Lai Kei Sorvetes เป็นร้านไอศกรีมโบราณโลคอลแท้ๆ เปิดมานานกว่า 70 ปี
ภายในร้านตกแต่งน่ารัก เรียบง่าย เปิดให้บริการทุกวันเวลา 12:00-19:00 น.
แต่ถ้าชอบแนวคาเฟ่ เชิญพุ่งตัวแรงๆ มาร้านนี้เลยจ้า Single origin เป็นอีกร้านที่ฮอตฮิตมาก
คนแน่นร้านเลยทีเดียว ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 12:00 – 20:00 น
เดินต่ออีกหน่อยไป Rua Nova A Guia เป็นพิกัดที่เราจะถ่ายรูป Grand Lisboa มุมนี้เป็นมุมที่เท่ห์มาก
เพราะถนนทางที่พุ่งตรงหน้าตัวตัว Grand Lisboa ให้อารมณ์ภาพที่แตกต่างกันมาก เคยแอบเห็นมุมนี้ตอนกลางคืนสวยมากๆ เลย
หากหามุมนี้ไม่เจอให้ตั้งพิกัดไปที่หน้าโรงแรม Royal Hotel
DAY 3
วันสุดท้ายของทริปที่เรายังสามารถเที่ยวได้เต็มวันเพราะวันนี้เรากลับไฟลท์สุดท้ายคือ ตอนสี่ทุ่มครึ่ง
เริ่มเช้านี้กันด้วยของอร่อย ติมซำระดับตำนาน แนะนำโดย Michelin guideกับร้าน Casa De Cha Long Wa Yum Cha (龍華茶樓)
ร้านนี้เป็นร้านติ่มซำตั้งแต่ยุค 60 ทุกอย่างยังคงความดั้งเดิม กินติ่มซำจิบชา วันที่เราไปเจ้าของร้านน่ารักมาก เห็นเราปุ๊บก็พูดว่าสวัสดี
ก็แอบงง รู้ได้ไงว่าเราเป็นคนไทย ชาที่มาเสิร์ฟดีมาก หอมกรุ่นเตะจมูก และติ่มซำเราสามารถไปเลือกหยิบได้เองบนรถเข็น
ตอนจ่ายเงินเจ้าของร้านจะให้โปสการ์ดมาเป็นที่ระลึกด้วยนะร้านจะตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ตึกหัวมุมถนน ใกล้กับตลาดแดง เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 7.00-14.00 น.
ทานอิ่ม เราสองคนนั่งรถต่อไปยัง Macau’s Fisherman Wharf เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ
เพราะมุมถ่ายรูปเยอะมาก ถ่ายปีนี้โพสต์รูปได้ถึงปีหน้าแน่นอน เพราะมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง มุมถ่ายรูปค่อนข้างเยอะ
และก่อนที่เราจะกลับไปเช็คเอ้าท์ที่โรงแรม ก็ขอกลับไปที่ย่านจัตุรัสเซนาโด้ (Senado Square)
เป็นเหมือนจุดท่องเที่ยวหลักของมาเก๊าเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นร้านค้าของฝาก ร้านอาหาร มุมถ่ายรูป
หรือจุดนัดพบ ที่นี่ก็จะเป็นสถานที่แรกที่คิดถึง เดินไปไหน เดินยังไงก็มาโผล่ตรงนี้ตลอด เอาสีสันของจัตุรัสแห่งนี้มาฝากกัน
และประเด็นหลักคือเราตั้งใจมาทานอาหารกันที่ร้าน Wong Chi Kei เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารที่ดังมากๆ
มีเมนูให้เลือกทานหลากหลาย ครั้งนี้เราลองสั่ง โจ๊กปู เมนูที่ต้องลองทานเมื่อมาถึงมาเก๊า
จัดได้ว่าเป็นเมนูที่อร่อยเลยทีเดียวข้าวนุ่มมากหอมกลิ่นปู และใส่ปูมาให้ทั้งตัวเลย บะหมี่จัดว่าดี
ลูกชิ้นปลาทอดก็พอได้ แต่ที่ชอบมาคือเกี๊ยวกรอบยักษ์ อร่อยได้แบบไม่น่าเชื่อ
ร้านเปิดทุกวันเวลา 8.30- 23.00 น.
หลังจากเช็คเอ้าท์จากโรงแรมเรานั่งรถกลับไปฝั่ง Taipa เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ The Venetian ค่าฝาก 30 MOP
และข้ามถนนจากฝั่ง The Venetian ไปยังฝั่ง Taipa Food Street ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที
ตลอดทางเดิน มีหลังคาไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝนเลยจ้า
Taipa Food Street ที่นี่เป็นเหมือนแหล่งรวมของดี ของเด็ด ของดังของมาเก๊าไว้ มีทั้งร้านอาหาร ขายของฝาก
และยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ อีกอย่างเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงบ่ายก่อนขึ้นเครื่องที่ดีมาก เพราะอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน
ใครชอบถ่ายรูปยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เพียบ เรื่องสีสันเราจะไม่พูดเยอะ ภาพมันฟ้องจริงๆ
.
ถ้ามาเที่ยวมาเก๊าแล้วไม่ได้กินทาร์ตไข่ บอกเลยว่าพลาด นุ้ยชอบมากๆ
รอบนี้นุ้ยซื้อที่ร้าน ลอร์ด สโตว์ Lord Stow’s Bakery เป็นทาร์ตไข่เจ้าแรกของมาเก๊า ไข่นุ่มละมุนหวานกำลังดี
แป้งกรอบและไม่หนามาก เรียกได้ว่าอร่อย ร้านนี้เปิดมาหลายสิบปี ซึ่งสาขาแรกจะอยู่ที่โคโลอาน
แต่วันนี้นุ้ยซื้อที่สาขา Taipa Food Street ก็อย่างที่บอกว่าที่นี่ ได้รวมของดีของเด็ดของดังไว
ยังค่ายังไม่จบเรื่องกิน ขอต่อกันอีกนิด Sei Kee Cafe ร้านดัง ร้านเด็ดอีกร้าน เปิดมาตั้งแต่ปี 1965
เป็นร้านขนมปังหมูทอด ทีคิวยาวมากเว่อร์ มีสาขาอยู่ด้านหน้า Taipa Food Street ทอดกันสดๆ กลิ่นหอมฟุ้งเรียกแขกสุดๆ
และสุดท้ายแล้วจริงๆ สำหรับทริปนี้ถ้าเวลายังพอมี ไปเดินถ่ายรูปเล่นตามคาสิโนและแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ
นุ้ยก็ไม่พลาดค่ะ ทั้งช้อปทั้งถ่าย หอไอเฟลเราก็ไม่พลาด อาจจะไม่ได้ไปไกลถึงกรุงปารีส ก็ถ่ายที่
The Parisian ก่อนละกัน ถัดไปอีกนิดก็จะเป็น Studio City ชิงช้าสวรรค์เลข 8 ยิ่งช่วงกลางคืน สีสันย่านนี้จะสวยมาก
เรียกได้ว่ามีความอลังการเลยล่ะจบทริปแล้ว ทริปมาเก๊า 3 วัน 2 คืน แบบคุ้มๆ ของนุ้ยกับต้นเต็มอิ่มมากๆ กินอร่อย เที่ยวสนุก
ถ่ายรูปสวย วันลาไม่ต้องเยอะ พกเงินไม่ต้องมากแต่ครบรสจริงๆ
..
My Life My Travel