อุทัยธานี คือจังหวัดที่ไม่เคยเฉียดเข้ามาในความรู้สึกเลย ว่า สักครั้งฉันต้องไปที่นี้ให้ได้นะ
แต่จู่ๆ เมื่ออยากลองมองหาที่เที่ยวใหม่ที่ยังไม่เคยไป
อยากลองไปจังหวัดที่ไม่ใช่เชียงใหม่ เชียงราย อยุธยา และอีกหลายจังหวัดดังๆ ที่เราไปแล้วไปอีก
ก็เลยหยิบแผนที่ประเทศไทยขึ้นมากางเลยค่า …ปักหมุดไปมันที่จังหวัดนี่แหละ
อุ ทั ย ธา นี
สำหรับคนต่างจังหวัดแบบนุ้ยกับต้น การจะไปไหนมาสักครั้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
เพราะต้องบินเข้าสู่กรุงเทพก่อนออกเดินทางต่อไปจังหวัดต่าง ๆ
และการเดินทางที่สะดวกที่สุดคือการเหินฟ้าค๊า และทริปนี้นุ้ยบินกับนกแอร์ค่ะ
ชอบตรงที่ราคาถูกใจ ซื้อแบบกระชั้นชิดราคาก็ยังน่ารัก โหลดกระเป๋าก็ฟรีตั้ง 15 กิโล มีอาหารว่างด้วย
เคาเตอร์จะปิด 45 นาทีก่อนเครื่องออกนะคะ
เช็คไฟท์กันได้ที่นี้เลย http://www.nokair.com/
วันนี้ไฟท์ที่นุ้ยนั่ง มีไวไฟฟรีบนเครื่องด้วย
เมื่อมาถึงสนามบินดอนเมือง นุ้ยก็เช่ารถต่อเลยค่า
เหมือนทุกๆ ครั้ง นุ้ยยังคงเลือกใช้บริการของ AVIS
รับกระเป๋า เดินออกมาประตูมาก็เจอเคาเตอร์ของเอวิสก่อนเลย
แนะนำว่าการจองรถล่วงหน้าจะทำให้เราได้ราคาที่ประหยัดกว่า และมีส่วนลดหลายอย่างด้วยนะ
สามารถคืนรถช้าได้ถึง 4 ชั่วโมงเลยนะ
เช็คตารางรถ และราคาโปรโมชั่นกันได้ที่นี้จ้า www.avisthailand.com/TH/
และต้องขอเริ่มเล่ากันตั้งแต่ต้นว่า ทริปนี้เป็นทริปที่ค่อนข้างยาวนานสำหรับนุ้ย เพราะก่อนจะไปอุทัยธานี
คือนุ้ยบินขึ้นมาเพื่อที่จะไปทริปหัวหิน และโคราช แต่จากการคำนวณวันแบบเผื่อเหลือเผื่อ
ก็ดันมีวันเหลืออยู่ 3 วัน 2 คืน ซึ่งจริงๆ แล้วแทบจะเรียกได้ว่า 2 วัน 2 คืนซะด้วยซ้ำ
เพราะวันที่เดินทางไปอุทัยธานี คือวันที่เดินทางกลับจากหัวหิน ซึ่งอุทัยธานีไม่ได้มีชื่อในลิสตั้งแต่แรก
ระหว่างนั่งรถกลับจากหัวหิน ก็คุยกันว่า จะเอาไงดีละต้นมีวันว่างอยู่ ไม่อยากนอนอยู่ในกรุงเทพ ฯ
และนั่นคือจุดเริ่มต้น ของการกางแผนที่ประเทศไทย เพราะเราต้องเลือกจังหวัดที่ไม่ไกลมากนัก
และสุดท้ายหวย ก็มาออกที่อุทัยธานี ระหว่างนั้นก็หาๆ ข้อมูลจะไปไหนดี ดันไปเจอรูปเต้นท์แปลกๆ ของไร่อุ๊ยกื๋อ
โทรจองกันตอนนั้นแบบไม่ต้องแพลนล่วงหน้า และกลายเป็นทริปแบบโนแพลน ทุกอย่างไปหาเอาข้างหน้า
จะที่กินที่นอน ที่เที่ยว หาข้อมูลกันสดๆ ตลอดเวลา
และผลของการไม่ได้แพลนล่วงหน้าโทรจองกันสดๆ ก็ยังคงมีที่พักให้เรา
แต่กว่าเราจะไปถึงก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว มืดมาก เพราะทางเข้าไปไร่แทบจะไม่มีไฟเลย
เพิ่มเติมข้อมูลไร่กันสักนิด
ไร่อุ๊ยกื้อ ตั้งอยู่ที่ ตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
ที่นี้จะมีเต้นท์เพียง 8 หลังเท่านั้น
ราคาสำหรับคนเดียว 600 บาท / 2 คน 800 บาท /3 คน 900 บาท /4 คน 1000 บาท และรวมอาหารเช้าแล้วด้วย
มีห้องน้ำ และห้องอาบน้ำอย่างละ 3 ห้อง สัญญาณโทรศัพท์ AIS ใช้ได้ดี เพราะตอนอยู่ที่นั้นนุ้ยหอบงานไปทำด้วย
ลิงค์เพจ https://goo.gl/ZJXUA9
โทร 0979859783
นุ้ยมาถึงซะมืดไม่มีอะไรให้ทำหรอก นอกจากการนั่งดูดาว ฟังเสียงหรีดหริ่ง เรไร
แต่กลับแปลก…. ที่มันรู้สึกดีเหมือนเรายิ้มออกมาได้แบบไม่รู้ตัว
อ้อที่ไร่ไม่มีบริการอาหารน๊า ควรเตรียมสะเบียงไปด้วย แต่เขามีเตาให้ เผื่อจะปิ้งย่างไรงี้
มาถึงก็มืด ตื่นก็เช้า ทุกครั้งที่ออกเที่ยว ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมากจากไหน
ทำไมมันช่างต่างกับตอนทำงาน ไม่เจ็ดโมง ไม่เคยจะตื่นมาดูโลก
เช้าขนาดไหนดูได้จากสีฟ้า ว่ายังไม่สว่างเลยจ้า
ตอนเช้าอากาศดีมากๆ นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นกันจากบนเต้นท์ นี่แหละ
เต้นของที่นี้แปลกเหมือนที่นุ้ยบอกเห็นมั๊ย
เมื่อเราเอาตัวเองมาอยู่กับธรรมชาติ มาอยู่กับสิ่งที่เราไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นยังไง
มันเหมือน เราหลุดมาอยู่อีกโลก เป็นโลกที่เราไม่เคยอยู่เคยเจอ
หลายคนอาจจะบอกว่า จะเอาตัวเองไปลำบากทำไม
แต่ถ้าลองไปสักครั้ง กลับมาแล้วจะคิดถึงมันตลอดเลยล่ะ
เช้านี้นุ้ยได้กิน ” น้ำหม้อ ” ด้วยนะ
ที่อื่นเขาเรียกว่าอะไรนุ้ยก็ไม่รู้นะ หรือแม้กระทั่งที่ไร่อุ๊ยกื๋อ เรียกว่าอะไรนุ้ยก็ไม่รู้
แต่ที่บ้านนุ้ยเขาเรียกว่า น้ำหม้อ คือน้ำที่เกิดจากการหุงข้าวแบบเตาถ่านแล้วเทน้ำบางส่วนออก นั่นก็คือน้ำข้าวนั่นเอง
มันหอม มีประโยชน์ เติมเกลือสักนิด ถ้าใครชอบหวานก็เติมน้ำตาลเลยนาจา
นี่คือหน้าตาของน้ำหม้อ
สำหรับคนที่ชอบการแฟต้องพลาดกาแฟสดจากไร่นะ มีวิธีการชงที่น่าสนใจ
กลิ่นหอมเตะจมูกสุดๆ
หน้าตาอาหารเช้า เป็นข้าวต้มหมู เติมไม่อั้น กินไปเลยจนกว่าจะอิ่ม
ผลไม้ก็จะมีพวกกล้วยน้ำว้า มะละกอในไร่
รู้จักกันมั๊ยคะว่านี่คืออะไร
บ้านนุ้ยเรียกว่ามันขี้หนู บ้าเพื่อนๆ เรียกว่าอะไรกันบ้าง
อิ่มท้องแล้ว ไปเดินเล่นรอบๆ กัน ก่อนที่จะไปเดินลัดเลาะลำธาร
ปลูกผักด้วย ถ้าเป็นช่วง กุมภามีนา จะมีสตรอเบอรี่ด้วยนะ
ได้เวลาออกไปเดินดูห้วยกันแล้ว
หรือเรียกให้ดูดีหน่อยก็ไปเดินเล่นลัดเลาะลำธาร เดินออกไปทางท้ายไร่
เจอต้นกาแฟที่ทางไร่ปลูกไว้ เคยเห็นดอกกาแฟกันมั๊ย
ตอนเช้าอากาศดี น้องๆ บอกว่าใช้เวลาเดินประมาณ 40 นาที ระยะทางไม่ได้ไกลมาก
ชอบตอนเจอลำธาร น้ำใสเห็นมากๆ
เราเดินมาจนถึงอีกฝั่งของถนน
จะมีรถของไร่มารับเรากลับไร่ ระหว่างทางแวะในตลาด
บริเวณนี้จะมีการจัดดอกไม้ มีร้านกาแฟ และร้านขายพวกผักผลไม้ด้วย
ไฮไลท์ก็ดอกคอสมอสนี่แหละ สวยหวานเหมาะกับหน้านุ้ยที่สุดแล้ว
**งานมั่นหน้าต้องมา
ซึ่งบริเวณนี้จะมีร้านกาแฟของไร่อยู่ด้วย วิวสวยเลยทีเดียว
แอบแว๊บเข้าไปดูในตลาด ของสดๆ ที่ชาวบ้านเอามาขายกัน
ถ้าไม่มีเดินทางไปที่ไหนต่อ จะซื้อกลับบ้านเลยนะนี่
สักพักก็กลับมาที่พัแล้วหล่ะ
มาถึงหลายคนที่ไม่ได้ไปเดินดูห้วยด้วยกันก็เริ่มกลับกันไปแล้ว
แต่ก็มีอยู่หลายคณะ ที่ยังคงอยู่กับนุ้ยและต้น ต่างคนต่างก็ชื่นชอบในความเป็นธรรมชาติ
การเดินทางไปเจอคนแปลกหน้า แล้วได้นั่งร่วมวงสนทนา… มันกลายเป็นมิตรภาพที่ดีเลยนะ
ให้ดูในเต้นท์กันนิดนึงก่อนกลับ เต้นท์ใหญ่ดี และสะอาด ให้ผ่านคะ
และถ้าสังเกตุกันจะพื้นที่ยกสูงขึ้นมาวางเต้นท์ มีหลังคาบ้าง ไม่มีหลังคาบ้าง ได้อารมณ์ที่ต่างกัน
แต่สำหรับนุ้ยชอบแบบมีหลังคานะ เพราะกลางวัน นั่งเล่นหน้าเต้นได้เลย เพราะไม่ร้อน
ยิ่งยกพื้นสูงขี้นมา ลมพัดดีเลยหล่ะ
ตอนขามามันมืด ให้ดูตอนขากลับกันว่าจากถนนใหญ่เข้าไปไร่ ทางจะเป็นประมาณี้ แต่ระยะทางแบบนี้แค่นิดเดียว
ประมาณ 1 กิโลได้มั้ง
หลังจากออกจากไร่อุ๊ยกื้อ … คือสิ่งที่เราต้องคิดกันต่อว่าไปไหนดี
ก็ถามจากคนที่ไร่ว่ามีที่เที่ยวที่ไหนบ้าง ระว่างทางก็มีแวะวัดถ้ำเขาวง อยู่ไม่ไกลจากไร่อุ๊ยกื๋อมากนัก
แล้วก็ขับรถยาวๆ เข้ามาเที่ยวในเมืองอุทัยแบบงง ๆ ยังไม่มีที่พักอีกเหมือนเดิม ขับรถวนดูเมืองไปเรื่อยๆ
ชอบพวกบ้านเก่าๆ ที่เรียงรายติดกัน มีเสน่ห์ดีนะ จนในที่สุด เราก็เริ่มมองหาร้านกาแฟ เพื่อเป็นที่นั่งตั้งหลัก
ประเด็นสำคัญคือมือถืแบตหมด พาวเวอร์แบงค์ก็หมด ก็เลยหาที่ชาร์ตแบตนั่นเอง
ขับมาเรื่อยๆ สายตาเหลือไปเห็น บ้านไม้ริมถนนดูเก๋ ๆ คล้ายร้านกาแฟ ก็เลี้ยวรถไปจอดเลยค่า
ปรากฎว่าคือร้านกาแฟจริงด้วย ชื่อว่าบ้านจงรัก
เหมือนเจอฟ้ามาโปรด มีที่ชาร์ตแบต มีที่นั่งพักแล้ว
FB บ้านจงรัก >>> https://www.facebook.com/banjongrakuthai/
ในร้านตกแต่งน่ารักมาก ด้วยของสะสมเก่าๆ ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
โต๊ะเก้าอี้ก็จะเป็นโต๊ะไม้เล็ก
จัดไปกับมินิโทสต์ จำชื่อเต็มๆ ไม่ได้ อร่อยดี และไม่แพงด้วย
ชาเขียวปั่นคนละแก้ว
และได้ขอคำแนะนำเรื่องที่พักจากเจ้าของร้านด้วย
อ้อลืมบอกด้านบนร้านกาแฟ เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ ชื่อว่า บ้านคุณตาหลวงเพชรสงคราม
เป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนบุคคล ตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึงบรรพบุรุษ และเก็บรวบรวมของใช้ต่างๆ ไว้
หลังจากได้ข้อมูลคร่าวๆ แล้ว และชาร์ตแบตมือถือเรียบร้อย พอที่ใช้หาข้อมูลเพิ่มได้
นุ้ยกับต้นก็ออกเดินทางกันต่อ ขับรถวนไปวนมา เป็นการสำรวจเมือง และเส้นทาง
ทั้งพักมีไม่เยอะมาก แต่ก็มีหลายแบบหลายราคา แต่เราสองคนตั้งงบไว้ไม่สูงนัก ไม่เกิน 1 พันบาท
บางที่สวย แต่เกือบสองพัน บางที่ 800 แต่ไม่มีห้องน้ำในตัว ขับจนไปทะลุทุ่งนา ข้ามแม่น้ำวันเดียวทั่วเมืองเลยจ้า
จนในที่สุดได้ราคาที่พักที่ถูกใจคือ 550 บาท เท่านั้น
ชื่อว่าบ้านสะแกรังรีสอร์ท อันที่จริงก็เห็นป้ายหน้าซอยหลายรอบ แต่คิดว่าว่าน่าสนใจก็เลยขับผ่าน
แต่พอลองหาข้อมูลดู มันก็ดูโอเคน๊า ก็เลยเข้าไปดู และขอดูห้อง ถือว่่าโอเคเลยสำหรับ 550 บาท
ห้องสะอาด กว้างมาก ห้องน้ำก็กว้าง คุ้มราคาสุด ส่งซักรีดได้ด้วยชิ้นละ 10 บาทเอง นุ้ยใช้บริการมาแล้ว
FB บ้านสะแกรังรีสอร์ท >> บ้านสะแกกรัง รีสอร์ท
พักผ่อนอาบน้ำอาบท่ากันเรียบร้อย
วันนี้นุ้ยมีนัดไปเดินเล่นที่ตตรอกโรงยา เพราะมีถนนคนเดินด้วย
มีทุกวันเสาร์ เวลา15.00-20.00น
ไปเดินเล่นพร้อมๆ กันเลย ว่าในตรอกโรงยาแห่งนี้มีอะไรบ้าง
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกอาหาร ขนม และมีของทีระลึกบ้าง เสื้อผ้าบ้าง
แต่ทีห้ามพลาดคือหมูสะเต๊ะร้อยคิว
นุ้ยเป็นคนตั้งชื่อให้เอง เพราะคิวยาวมาก แนะนำว่าถ้าจะซื้อ ให้ไปรับคิวไว้ก่อนนะคะ แล้วค่อยมารับหมูก่อนกลับ
แม้จะต้องรอคิวนาน แต่อร่อยคุ้มค่ามาก ไม้ละ 4 บาท
ขนมเบื้องญวน ไส้เยอะ
ใส่ไข่ 20 ไม่ใส่ไข่ 15 ชอบมาก ต้องลองชิมนะคะ ในตลาดมีอยู่เจ้าเดียว
ร้านนี้เป็นเหมือนร้านสะสมของเก่า เดินผ่านกี่รอบคนเยอะตลอดนุ้ยเลยไม่ได้แวะเข้าไปดู
และผลสรุปของคืนนี้คือซื้อของจากตลาดกลับไปกินที่ห้องเยอะมาก
ตื่นเช้าแบบไม่มากนักในวันนี้ ตั้งใจจะไปเดินเล่นตอนเช้าในตลาด
แต่พอออกจากห้องมาพึ่งรู้ว่ามีอาหารเช้าด้วย 550 บาทคุ้มมากงานนี้
จะมีเป็นข้าวต้มหมู ขนมปัง ปาท่องโก๋ ชา กาแฟ และผลไม้ อิ่มก่อนไปตลอด
มาเดินเล่นดูวิถีชีวิตริมน้ำสะแกรัง ตอนเช้าๆ อากาศมากๆ สโลวไลฟ์สุด
คงมีไม่กี่ที่เท่านั้นในประเทศไทยที่ยังมีคนพักอาศัยในแพแบบนี้
ซึ่งไม่ใช่ว่าใครก็จะพักได้นะ แพพักอาศัยแบบนี้ต้องมีทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายด้วยนะ
ใกล้ๆ สะพานข้ามแม่น้ำ มีตลาดสดตอนเช้า แต่นุ้ยตื่นสายไปหน่อยตลาดวายแล้วจ้า
นุ้ยตัดสินใจกลับไปเก็บข้าวของจากที่พักเช็คเอ้าท์ให้เรียบร้อย จะได้เที่ยวต่อแบบไม่ต้องห่วงเวลา
หลังจากนั้น ขับรถดูเมืองเรื่อยๆ จนมาจอดไว้ใกล้ๆ ตรงโรงยา แล้วเดินเล่น
บ้านเมืองเงียบมากๆ เงียบจนรู้สึกชิลล์ เดินได้เรื่อยๆ
หลังจากชิลล์ ก็เริ่มกินกันต่อเลย
วันนี้กินก๋วยเตี๋ยวเจ๊โหนกที่ตรงโรงยา
เป็นก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นทรงเครื่อง อร่อย เส้นนุ่ม น้ำซุปเริ่ด ชามละ 35 บาท
เดินออกจากโรงยาไม่ไกลนัก ไปซื้อ ขนมปังสังขยาไส้ไหล
ร้านนี้ต้องสั่งจองน๊า เพราะขายดีมาก ถ้าจำไม่ผิดลูกละ 8 บาทกล่องละ 10 ลูก
ซึ่งต้องรอคิวประมาณ 2 ชั่วโมง
นุ้ยเลยขอแบ่ง ซื้อชิม 1 ลูก อร่อยมากๆ ร้อนๆ เยิ้มๆ ไหลๆ คือดี แต่แอบเสียดายที่ไม่มีเวลารอ
ก่อนกลับจากอุทัยก็เอาฤกษ์ เอาชัยกันสักหน่อย
แวะไปไหว้พระขอพรกันสักนิด นุ้ยไปไหว้พระที่วัดสังกัสรัตนคีรี
นุ้ยไม่เคยได้ยินชื่อวัดนี้มาก่อน เคยได้ยินแต่วัดท่าแต่ แต่ขับรถแล้วเจอป้าย
ก็เลยขับตามป้ายไปเรื่อยๆ
วัดนี้เป็นเหมือนวัดประจำจังหวัด คนท้องถิ่นไปไหว้พระกันเยอพอสมควร พื้นที่บริเวณวัดค่อนข้างกว้างเลยคะ
ขอพรเสร็จเรียบร้อยเดินออกจากโบสถ์เห็น ทางบันไดชันขึ้นไปบนภูเขา
สอบถามเส้นทางจากคนแถวนั้นบอกว่ามีทางรถขึ้นไปได้
นุ้ยนี่ยิ้มเลย ไปต้นขึ้นไปไหว้พระดูวิวกัน
และแล้วสุดท้าย ต้นไม่ยอมขับรถขึ้นชวนเดินขึ้นเขามาค่า
ต้นบอกคนเราต้องมีพลังศรัทธา ลิ้นห้อยเลยจ้าถ้าจำไม่ผิด 409 ขั้น
นอกจากได้ไหว้พระแล้วด้านบนยังสามารถเห็นวิวเมืองอุทัยธานีได้โดยรอบ 360 องศาเลย
ลมพัดอากาศดีสุดๆ แต่ด้านบน คนจะเยอะโบสถ์ด้านล่าง
ยังบุญยังคงเดินทางแบบต่อเนื่อง ไปไหว้พระกันอีกวัด
ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านความอลังการ และวิจิตรงดงาม
มาถึงเมืองอุทัยคงพลาดไม่ได้ เพราะนั่นคือวัดท่าซุง หรือ วัดจันทาราม ตำบลน้ำซึม อำเภอเมืองอุทัยธานี
จริงแล้วเป็นวัดเก่าแก่ แต่วัดเริ่มพัฒนาและเป็นที่รู้จักเมื่อพระราชมหาวีระ ถาวาโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พระเถระที่มีชื่อเสียง ได้สร้างอาคาร ต่าง ๆ มากมาย ตกแต่งอย่างวิจิตร บานหน้าต่างและประตูด้านในเขียนภาพเทวดา
แต่ที่งดงามมากๆ คือ วิหารแก้ว 100 เมตร
เป็นวิหารสำคัญที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำสร้างไว้ก่อนมรณะภาพรวมทั้งยังเป็นที่รักษาสังขารร่างของหลวงพ่อที่ไม่เน่าเปื่อยในโลงแก้ว ภายในสร้างด้วยโมเสกสีขาวใสดูเหมือนแก้ววาววับ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปจำลองพระพุทธชินราชซึ่งเป็นพระประทานในวิหาร อีกด้วย วิหารแก้วจะเปิดให้ชมตั้งแต่เวลา 9.00-11.45 น .และ 14.00-16.00 น.
ทริปสั้นๆ เวลาน้อยๆ แบบไม่แพลนในจังหวัดอุทัยธานี
อย่าบอกว่าไม่มีเวลา แล้วเที่ยวไม่ได้นะค่ะ จริงๆ แล้ว ทุกคนมีเวลาพอ
แต่ขึ้นอยู่กับว่า เราอยากเอาเวลาไปทำอะไร .. สำหรับนุ้ยเอาไปใช้ชีวิตให้คุ้ม
เอาไปใช้ให้ชีวิตมีความสุข … วันที่ต้องทำงานก็ทำ
แต่วันที่ต้องหาความสุขก็ต้องหา อย่ามัวแต่ทำงาน แล้วรอเที่ยวตอนแก่เลย … มันไม่สนุกหรอก
—————— ติดตามเรา แฟนพาเที่ยว/My Life My Travels ———————
.
Fanpage : https://www.facebook.com/MyLifeMyTravels
WebSite : www.mylifemytravels.com
Youtube : https://goo.gl/0bnw9a
Instagram: https://goo.gl/G7qsVC
สนใจติดต่องานได้ที่ mylifemytravels@gmail.com
หรือ โทร. 094-5929142
#แฟนพาเที่ยว #mylifemytravel #NuiKaTon #Coupletravelers
View Comments
น่าไปจัง