.
ไต้หวัน …อีกกี่ครั้งถึงจะพอ
เป็นคำพูดที่เกิดขึ้นหลังจากที่การเดินทางไปไต้หวันครั้งที่ 2 ของเราสองคนเกิดขึ้น
จากครั้งแรกจนถึงครั้งที่สอง ระยะเวลาห่างกันไม่ถึงปี เราก็แอบงงตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงกลับไปที่นี่อีกครั้ง
ทั้งทีโอกาสในการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศมันไม่ได้มีมาบ่อยๆ นัก เพราะค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งก็มากโขอยู่
แต่จนแล้วจนรอด … ไม่ว่าจะด้วยเรื่องงบประมาณ เรื่องสถานที่ท่องเที่ยว และเรื่องเวลา
เราสองคนตัดสินใจเลือกที่จะไปไต้หวันอีกครั้ง … อย่างไม่ลังเล และคิดว่านี่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
ครั้งแรกสำหรับการเดินทาง เราไปยังจุดแลนด์มาร์ค อันซีนต่างๆ เท่าที่เราจะพอหาข้อมูลได้
แต่นั่นเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของไต้หวัน …เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้
มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เราจะกลับไปอีก และการเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้
ค่อนข้างที่จะแตกต่างกับครั้งแรกพอสมควร
ครั้งนี้คือการเที่ยวแบบไปเรื่อยๆ ไม่สนใจอันซีนมากนัก แลนด์มาร์คเหรอไม่สน
แต่เป็นการไปชิล ไปฮิป ไปเท่ ไปอาร์ท เน้นเดินเล่น นั่งชิล ถ่ายเพลิน เสพศิลป์
.
.
พร้อมที่จะไปเที่ยวไต้หวันครั้งที่ 2 กับเราสองคนหรือยัง
.
.
เตรียมตัว
.
.
การเดินทาง
ทริปนี้นุ้ยเลือกเดินทางกับสายการบิน Tigerair Taiwan ซึ่งเป็นไฟลท์บินที่สวยเลยทีเดียว
ไม่เหนื่อยกับการเดินทางมากเกินไป
เพราะไฟลท์บินขาไปจะเป็นช่วงเย็น ส่วนไฟลท์ขากลับก็เป็นช่วงเวลาบ่าย
ไม่ต้องอดหลับอดนอนรอเครื่องออกกันที่สนามบิน
ลองเข้าไปเช็คไฟลท์ เช็คราคากันได้ที่นี้ http://www.tigerairtw.com/th/
.
นุ้ยสั่งอาหารมาทานบนเครื่องด้วย
ในเซ็ตจะมีขนมขบเคี้ยวหอเล็ก และน้ำแอปเปิ้ลให้ 1 กล่อง
เมนูนี้เป็นเมนูหมูอะไรสักอย่าง อร่อยดีค่ะ มาพร้อมไข่ต้มใบชาด้วย
เข้ากับการบินไปไต้หวันสุดๆ
เมนูนี้เป็นเพเน่ไก่ซอสอะไรสักอย่าง อร่อยดี
.
การเดินทางใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง มาถึงสนามบินเถาหยวน ตึกอยู่เหมือนกันนะ
.
.
ที่พัก
สำหรับทริปนี้นุ้ยจองที่พักหลายเมืองเลยทีเดียว ทั้งไทเป ไทจง และหนานโถว
ซึ่งการจองที่พักส่วนใหญ่ในทริปนี้ นุ้ยจองผ่านทางเว็บ Traveloka
หลังๆ มานุ้ยใช้เว็บนี้จองที่พัก และตั๋วเครื่องบินค่อนข้างบ่อยเลยนะ
จองง่าย สะดวก และที่สำคัญมีโปรโมชั่น และโค๊ดส่วนๆ ต่างๆ บ่อยมาก
แนะนำว่าเพื่อนไปสมัครสมาชิกไว้เลยค่ะ แล้วจะไม่พลาดโปรดีๆ
สัญญาณอินเตอร์เน็ต
รอบนี้นุ้ยใช้ Sim 2 fly ของ Ais จริงๆ นุ้ยใช้มาหลายทริปแล้ว เพราะค่อนข้างสะดวก
และราคาถูกกว่าการเช่า wifi หรือเปิดโรมมิ่งแบบปกติ ราคาแรกเริ่มจะอยู่ที่ 399 บาท ใช้ได้ 8 วัน มาพร้อมเน็ต 4 GB
เราสามารถเก็บซิมไว้ใช้ทริปต่อๆ ไปได้อีกด้วย ถัดจากครั้งแรกจะเริ่มต้นที่ 300 บาท ใช้ได้ 8 วัน มาพร้อมเน็ต 4 GB เช่นกัน
.
.
ประกันการเดินทาง
เมื่อก่อนนุ้ยไม่ค่อยจะสนใจเรื่องพวกนี้มากนัก แต่ตอนนี้นะเหรอ พอเริ่มเดินทางบ่อยขึ้น
ประสบการณ์มากขึ้น ทำให้รู้เลยว่าประกันการเดินทางสำคัญมากขนาดไหน
เพราะในแต่ละทริปเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรบ้าง
เครื่องบินล่าช้า กระเป๋าเดินทางเสียหาย อุบัติเหตุ การเจ็บไข้ไม่สบาย
เพราะหลายๆ ครั้ง ที่คนใกล้ตัวนุ้ยเอง เกิดไม่สบายตอนอยู่ต่างประเทศ นั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายมหาศาลแน่นอน
แต่ถ้าเราทำประกันการเดินทางเพียงแค่ไม่กี่ร้อย หรือเลือกแบบครอบคลุมหน่อย ก็พันกว่าๆ แต่นั่นสามารถการันตีได้แน่นอนว่า
ตลอดทริปการเดินทางเรามีคนดูแล และคุ้มครอง การทำประกันไม่ได้ทำเพื่อจะใช้ แต่ทำไว้เผื่อ จำเป็นต้องใช้
ครั้งนี้นุ้ยซื้อประกันการเดินทางของ Allianz ซึ่งค่อนข้างครอบคลุมเลยทีเดียว
.
ที่เหลือ คือการเที่ยวแบบสบายใจหายห่วงค๊า
ตัวอย่างกรมธรรม์ของนุ้ย สำหรับ 7 วัน นุ้ยจ่ายค่าเบี้ยประกันประมาณ 2 พันต้นๆ
นี่เลยค่ะ ผลประโยชน์ต่างๆ ของกรมธรรม์
.AGT030 Thailand PolicyWording_Oasis_TH
เพื่อนๆ ลองเข้าไปเช็ครายละเอียดค่าเบี้ยประกันกันได้ที่นี้เลย
.
ทริปนี้นุ้ยมีเทคนิคการเดินทางท่องเที่ยวแบบ Outdoor ยังไงให้ไม่หมดสนุกเพราะอากาศร้อนมาฝากด้วยค่ะ
เพราะว่านุ้ยทริปนี้นุ้ยจัดเต็มด้วยเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่จาก Wrangler (แรงเลอร์)
กับคอลเลคชั่นนวัตกรรมใหม่ InfiCool (อินฟิคูล) ยีนส์ไม่กลัวร้อน
ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ฉีกกฏความเป็นยีนส์แบบเดิมๆ เพราะ Inficool เจอแดดแรงขนาดไหนก็ไม่มีร้อน
ด้วยเทคโนโลยี Cool-Ex ที่ถูกคิดค้นมาเพื่อคนรักยีนส์ จึงทำให้ยีนส์ InfiCool ล้ำกว่าใคร
ด้วยการนำ Xylitol และ Silk Protein มาเคลือบลงไปบนผ้าเดนิมทำให้สามารถดูดซับความชื้นจากเหงื่อ
ในยามที่คุณเคลื่อนไหว ลดความรู้สึกร้อนจากอุณหภูมิภายนอกด้วยความรู้สึกที่เย็นสบายบนผิวหนัง
ทำให้เย็นสบายสดชื่นสะใจ ปราศจากกลิ่นอับ
https://www.wrangler-ap.com/th-th/products/men/denim-inficool
หรือ https://www.facebook.com/WranglerThailand/
.
สำหรับรีวิวนี้นุ้ยขอแยกออกเป็นจุดเช็คอินเนอะว่าไปที่ไหนมาบ้าง ที่ไหนน่าสนใจบ้าง
แต่จะไม่เล่าเป็นเรื่องราวลำดับเหตุการณ์เหมือนทุกครั้ง เพราะอาจจะทำให้ทุกคนมึนได้
เพราะมันค่อนข้างวกวน ตามใจตัวเองมากไปหน่อย ไม่เหมาะกับการตามรอยแบบเป๊ะ ๆ
ก่อนอื่นมารู้จักกับอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ ที่นุ้ยคิดว่ามันสำคัญ
ถ้าถามว่าไม่มีเที่ยวไต้หวันได้มั๊ย …คำตอบคือได้
แต่มีไว้เราจะสะดวกขึ้นเยอะ และค่ารถไฟก็ถูกลงด้วยนะ
นั่นคือ EASY CARD เพราะไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรถลงเรือ เราสามารถใช้ได้หมดเกือบทุกเส้นทาง
โดยไม่ต้องไปเข้าคิวซื้อตั๋วโดยสาร รวมถึงยังสามารถใช้กับร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ได้ด้วย
(EASY CARD จ่ายค่าบัตร 100 บาท คืนบัตรไม่ได้นะคะ สามารถซื้อได้ที่ 7-11 และสถานี MRT)
.
เริ่มกันที่เมืองไทจง
เมืองที่ใครๆ ก็ใช้เป็นเพียงทางผ่าน เป็นเมืองที่เป็นจุดเปลี่ยนรถไปซันมูนเลคเท่านั้น
แต่จริงๆ แล้วเมืองนี้มีอะไรอีกเยอะเลย นุ้ยมีเวลาอยู่ 2 วัน 1 คืน จริงๆ 3 วัน 2 คืนจะเหมาะมากสำหรับเมืองนี้
ซึ่งการเดินทางไปเมืองไทจง Taichung ค่อนข้างที่จะสะดวกเดินทางได้หลายรูปแบบแต่ที่นิยมคงหนี้ไม่พ้น
การเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง ที่ใช้เวลาจากสถานีเถาหยวนเพียงแค่ 45 นาทีเท่านั้น
หากเราเริ่มเดินทางจากสนามบิน ตอนนี้สะดวกมากๆ ไม่ต้องนั่งรถบัสออกมาเหมือนเมื่อก่อน
เพราะตอนนี้มี MRT วิ่งตรงจากสนามบินด้วยน๊า ซึ่งเราเลือกลงที่สถานี Taoyuan HSR Station
แล้วต่อ HSR ไปยัง Taichung ได้เลย
การซื้อตั๋ว HSR ซื้อได้ทั้งแบบเคาเตอร์ แบบตู้อัตโนมัติ
หน้าตาตั๋วก็จะเป็นแบบนี้ มีระบุทั้งเลขรถ ขบวนที่เท่าไหร่
เวลากี่โมง และที่นั่ง รวมถึงราคาด้วย
ต้องบอกว่าให้เพื่อนๆ ดูเวลาให้ดีนะคะ เพราะรถจะมาตรงเวลามากๆ ไม่ขาดไม่เกินเลยทีเดียว
.
เมื่อมาถึง HSR Taichung แล้ว นุ้ยต้องเดินทางต่อไปอีกหน่อย เพราะที่พักของนุ้ยอยู่ห่างออกไป
ซึ่งการเดินทางต่อจะแท็กซี่ก็ได้ รถบัสก็ได้ แต่นุ้ยเลือกที่จะนั่งรถไฟค่ะ นั่งแบบความเร็วสูงแล้ว
ลองนั่งแบบธรรมดาดูบ้าง สถานีก็อยู่ติดกันนี่แหละ
นี่คือบริเวณชานชลา ที่ยืนรอรถไฟ เก๋ไปอีก มีดีไซน์ ด้วยนะเออ
.
001 Chance Hotel 巧合大飯店 (ทีพักเมืองไทจง)
.
รอบนี้นุ้ยตัดสินใจนอน ไทจง 1 คืน โดยที่พักที่นุ้ยเลือกอยู่ใกล้กับ Taichung Station เดินแค่ประมาณ 3 นาที
พนักงานสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี มีอาหารเช้า(ค่อนข้างดี) ใกล้เซเว่น ใกล้กับป้ายรถบัส เพอร์เฟคมากบอกเลย
นุ้ยจองทีผ่าน Traveloka เพื่อนลองเข้าไปเช็คราคาที่พักไต้หวันกันได้น๊า
ห้องไม่ได้กว้าง แต่ก็ไม่อึดอัด มีของใช้ให้ครบครัน
ไดรฟ์เป่าผม เครื่องทำน้ำอุ่น ทีวี น้ำดื่ม กาน้ำร้อน ชากาแฟ
.
.
002 National Taiwan Museum of Fine Arts
.
หรือถ้าเรียกภาษาไทยก็ พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์แห่งชาติไต้หวัน
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานศิลปะของศิลปินคนสำคัญ
สำหรับคนที่ชอบเที่ยวแนวนี้ต้องชอบแน่ๆ เพราะงานแต่ชิ้นสวยงามมาก ทั้งภาพวาดและสิ่งประดิษฐ์
บางอย่าง..ดูเข้าถึงยากเหลือเกิน แต่ยังไงงานศิลปะก็ยังสวยงามเสมอ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 09:00 – 17:00
นอกจากงานศิลปะแล้วยังเป็นห้องสมุดอีกด้วย สำหรับนุ้ยจะให้หยิบหนังสือไต้หวันอ่าน ก็คงอ่านไม่ออกหรอก
แต่ก็เข้าไปดูบรรยากาศ และสามารถถ่ายรูปได้ แต่กดของห้องสมุดก็คือความเงียบนะค่ะ
และในอาคารพิพิธภัณฑ์ ยังมีคาเฟ่อีกด้วยนะ เน้นขายชา และแล้วนุ้ยก็ได้ลิ้มลองเซ็ต Afternoon Tea ด้วย
เซ็ตนี้ราคา 590 NTD
การเดินทาง
ถ้าหากให้สะดวกที่สุดคงเป็นการเดินทางด้วยรถแท็กซี่ค่ะ
แต่สำหรับนุ้ย นุ้ยเลือกเดินทางด้วยรถบัส จากสถานีรถไฟ Taichung Station
ขึ้นรถบัสสาย 75 นั่งต่อไป 7 ป้าย ถึงหน้าพิพิธภัณฑ์เลยค่ะ
003 Taichung Audit Village
.
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่ไม่ค่อยเห็นใครรีวิว นุ้ยรู้จักที่นี้ด้วยความบังเอิญค่ะ
เดิมที่ที่นี้เป็นสวนสาธารณะ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวฮิปๆ
บ้านหลังเล็กๆ ที่เชื่อต่อกันคล้ายห้องแถว ถูกแต่งแต้มสีสันอย่างสวยงาม
ทำให้การถ่ายรูปที่นี้สนุกสนานไม่ใช่เล่นเลยละ
บ้านแต่ละหลังจะเปิดเป็นร้านชาบ้าง ขนมบ้าง น้ำเต้าหูบ้าง
และรับรองว่าจะถูกใจคนรักสินค้าแฮนแมด เพราะมีอยู่หลายร้านเลย
บอกแล้วว่าที่นี้ฮิปจริงๆ
แนะนำร้านนี้เลยค่ะ อยู่ติดริมถนนชื่อว่า overtrue
ร้านน่ารักมาก ชาหอม ๆในวันฝนพร่ำเข้ากันสุด และชิสเค้กชิ้นนี้รักเลย ถูกใจสุดๆ
การเดินทาง หากใครที่มาพิพิธภัณฑ์อยู่แล้ว สะดวกมาก เพราะตั้งอยู่ด้านหลังพิพิธภัณฑ์ ถัดจากโรงเรียน
.
004 National Taichung Theater
เป็นสถานที่ ที่นุ้ยเลือกตัดสินใจ เพียงเพราะเห็นรูป โดยที่ยังไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้คืออะไร
เพราะแค่ตัวอาคาร ก็ดีไซน์ได้ขนาดนี้ด้านในต้องเด็ดแน่ๆ ปรากฎว่าที่นี้คือโรงละครแห่งชาติ ไถจง
ที่นี่ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่น ในคอนเซ็ปของถ้ำและหลุมหลบภัย
จึงทำให้มีความโค้ง ความเคิฟมากมาย สายฮิป สายชิลล์ต้องไม่พลาดมาถ่ายรูปที่นี้
นอกจากที่นี้จะเป็นโรงละครแล้ว ยังมีตลาดชิคๆ ขายสินค้าทำมือ และงานดีไซน์ต่างๆ ในอาคารด้วย
และเรายังสามารถขึ้นไปที่ชั้นบนสุดเพื่อดูวิวเมืองไทจงได้อีกด้วยน๊า
เวลาเปิด-ปิด: จันทร์ – ศุกร์ 10.30-22.30 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ 10.00-23.00 น.
การเดินทาง: นั่งรถไฟ HSR ไปลงที่สถานี HSR Taichung แล้วต่อแท็กซี่ไปลงที่หน้าตึกเลยค่ะ
.
005 Sun moon Lake
.
ทุกคนรู้จักที่นี้แน่นอนเพราะเป็นแลนมาร์คสำคัญเลยทีเดียว ใครไปไต้หวันก็ต้องไปที่นี้
Sun moon Lake หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ทะเลสาปสุริยันจันทรา ตั้งอยู่ที่ เมืองหนานโถว Nantou
การเดินทาง เริ่มจากเรานั่ง HSR มาลงที่ HSR Taichung และนั่งรสบัสต่อมาได้เลยค่ะ
บริเวณนี้คือจุดที่เรามาซื้อพาสต่างๆ และขึ้นรถบัสไปซันมูนเลคค่ะ
และเพื่อความประหยัด เราสามารถเลือกซื้อพาสได้ เดี๋ยวนุ้ยจะมาเขียนรายละเอียดไว้ให้อีกทีนึงเนอะ
.
นี่คือจุดที่รถบัสมาจอดส่งเราค่ะ คือด้านหน้า Shuishe Visitor Center
นุ้ยเคยไปที่นี้มาแล้ว 1 ครั้ง เจอฟ้าดับสนิท แทบจะไม่ได้ถ่ายรูป แต่ความพยายามยังไม่หมด ครั้งนี้จึงขอกลับไปอีกครั้ง
แล้วไง …. ฟ้าพับสนิทเหมือนเดิมจ้า ฝนเท่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย
หรือจะเรียกว่ามรสุมแบบหนักหน่วงก็ได้
แต่เจอฝนหนักแค่ไหนเราก็ไม่หวั่น เพราะเราซื้อพาสมาแล้วยังไงก็ต้องใช่ให้คุ้ม ขี้นกระเช้า ลงเรือต้องไปให้ครบ
ไฮไลท์ของการนั่งเรือ คือการไปไหว้พระ และนั่งกระเช้า
ซึ่งแต่ละบริษัทจะไปจอดแต่ละจุดต่างกัน ของนุ้ยนำคูปองไปแลกตั๋วขึ้นเรือ กับที่พักได้เลย หรือจะไปแลกตามเคาเตอร์ก็ได้นะ
หลังจากนั้น เราก็นำตั๋วไปขึ้นเรือได้เลยค่า บริษัทที่นุ้ยนั่งจะจอดตามนี้
Shuishe Pire -> Ita Thao Pier ->Xuanguang Pier
เพราะฝนตกในเรือจึงมีแค่เรา
ซึ่งท่าเรือแรกคือ Ita Thao Pier จะเป็นท่าเรือที่ค่อนข้างคึกคัก มีร้านอาหาร และข้างฝากขายเยอะแยะ
และที่สำคัญเป็นท่าเรือ ที่เราจะไปขึ้นกระเช้านั่นเอง ซึ่งต้องเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางรอบทะเลสาป
เราสามารถใช้คูปองที่ซื้อมากับพาส ใช้ขึ้นกระเช้าได้เลยค่ะ
นั่งกระเช้าวันฝนตกก็ต้องมองเม็ดฝนสินเนอะ
อากาศเย็นๆ ชิลดี และข้อดีอีกหนึ่งข้อตอนฝนตกคือ คนน้อย
ทำให้เราได้ชิลล์มากขึ้น ไม่ต้องรอคิว ได้นั่งแบบส่วนตัวด้วย
ซึ่งวันนี้ฝนตกหนักมาก ทำให้ทุกอย่างคลาดเคลื่อนแผนผิดพลาดไปหมด
นุ้ยก็ได้ได้ไปแค่นั่งกระเช้าอย่างได้ ไม่ได้ไปที่ Xuanguang Pier ไหว้พระ เพราะรอบเรือหมด
แต่จริงๆ คือเราสองคนไม่กลัวฝน มัวแต่ถ่ายรูปเล่นกันเพลินไปหน่อย
สนุกกันได้ทุกสถานการณ์ คิดซะว่าได้แค่ไหน ก็แค่ไหน เอาที่เราชิลล์ และสนุกละกัน
.
006 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเซี่ยงซัน (Xiangshan Visitor Center / 向山行政中心)
จริงๆ ศูนย์บริการนักทอ่งเที่ยวแห่งนี้อยู่ในบริเวณ sun moon lake นี่แหละค่ะ แต่ห่างออกไปจากท่าเรือพอสมควร
นุ้ยเลือกใช้วิธี เช่าจักรยาน ปั่นรอบๆ ทะเลสาปเพื่อไปที่นี้ค่ะ
และก็เป็นโชคดีที่เช้าวันนี้ไม่มีฝน ฟ้าเปิดหน่อยๆ ให้พอชื่นใจ แต่อย่าถามหาแสงแดดนะ
ปั่นไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็แวะพักระหว่างทาง
Inficoo จะขาสั้นขายาว ก็คูล
ใส่กับเสื้อแนวไหน รองเท้าอะไร ก็ดูเท่ ดูคูล
รอบ ๆ ทะเลสาป ในวันที่ไม่มีแดด ไม่มีฝนก็ชิลล์ไปอีกแบบ ไม่เปียก และไม่ร้อน
และมีจุดให้แวะถ่ายรูปได้ตลอดเส้นทางเลย
และแล้วก็มาถึง Xiangshan Visitor Center
ถามว่าไปทำไม บอกได้เลยสั้นๆ ง่ายๆ ไปถ่ายรูปจ้า เพราะดีไซน์ เท่เหลือเกิน
ด้านนอกของอาคารก่อสร้างผนังลายไม้ ความเรียบ ความดิบ ทำให้ที่นี้ดูมีเสน่ห์แบบไม่น่าเชื่อ
และ Xiangshan Visitor Center ยังเปิดเป็นร้านคาเฟ่ ที่เสิร์ฟกาแฟหอมกรุ่น กับบรรยากาศของร้านที่เท่มากๆ
.
007 ที่พัก Sun moon Lake ชื่อว่า Tan Hui Hotel
โรงแรมนี้สำหรับนุ้ยแล้วถือว่าทำเลดีมากเมื่อเทียบกับราคา เพราะนุ้ยจองมาได้ในราคาแค่ พันกลางๆ
อยู่ติดกับทาเรือ Shuishe Pire มีอาหารเช้าด้วยน๊า และคนที่่ดูแลก็ใจดีมากๆ ให้คำแนะนำได้หลายอย่างเลย
บรรยากาศห้องก็ประมาณนี้ ห้องกว้าง และสะอาด
หน้าตาอาหารเช้าก็ประมาณนี้ ธรรมดาหน่อย แต่ก็อิ่มอยู่น๊า
แถมให้ด้วยร้านอาหาร อร่อยๆ ในซันมูนเลค ร้านจะอยู่ใกล้กับเซเว่น
แต่ถ้าหากเราหันหน้าเข้าหาเซเว่น จะถัดออกไปเป็นร้านที่สอง
เมนูไก่อะไรสักอย่าง อร่อยดีค่ะ
นี่คือเมนูเด็ก น่าจะเป็นกุ้งทอดเกลือ
กุ้งตัวเล็กๆ ทอดกรอบ ๆ เหมาะกับการเป็นกับแกล้มมากๆ
เอิ่ม ..แต่จานนี้คือยอดฟักแม้วบ้านเรานี่แหละ ก็อร่อยแบบไต้หวันแหละจืดๆ หน่อย
.
008 Bopiliao Historical Block
ย่านประวัติศาสตร์ปัวผีเหลียว ป็นย่านเมืองเก่าที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในเมืองไทเป
เป็นถนนสายสั้นๆที่เต็มไปด้วยอาคารอิฐแดงเก่าแก่คล้ายกับโกดังเก็บของ ที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้อย่างดี
เป็นย่านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตั้งอยู่ใกล้กับวัดหลงซาน(Lonhshan Temple)
เวลาเปิด-ปิด: ภายนอกอาคารสามารถเดินชมได้ตลอดเวลา ภายในอาคารและส่วนของศูนย์การเรียนรู้ เปิด 09:00-17:00
หยุดทุกวันจันทร์
นั่ง MRT ไปลงสถานี Longshan temple สายสีน้ำเงิน ออกประตู 1
.
เจอฝนมาหลายวัน วันนี้เจอแดเปรี้ยงปร้างมาก แต่ไม่หวั่นเพราะใส่แจ๊คเก๊ต มากัน UV และยังไม่ต้องกลัวร้อน
และนอกจากเทคโนโลยี Cool-Ex แล้ว InfiCool (อินฟิคูล) ยังมีเทคโนโลยี Cool Vantage
ด้วยนวัตกรรมการผลิตเส้นใยผ้าใหม่ล่าสุด
ที่ผสานเนื้อหยกแท้100% เข้ากับเส้นใยเดนิม จากนั้นทอเป็นผืนผ้าในรูปแบบสลับฟันปลา
เพื่อความทนทานแบบ Broken Twill แล้วนำมาตัดเย็บเป็นเสื้อแจ๊คเก๊ตและกางเกงยีนส์ที่มาพร้อมความแห้งสบาย
จากสุดยอดเทคโนโลยี superior perspiration-control ที่ทำให้เนื้อผ้าแห้งเร็วเป็นพิเศษ (quick-dry fabric)
กับการระบายอากาศจาก ภายในเส้นใยเพื่อการกำจัดความชื้นได้อย่างรวดเร็ว
หมดกังวลเกี่ยวกับกลิ่นอับและการสะสมของแบคทีเรีย ใส่ได้นาน
โดยไม่ต้องซักบ่อยให้รำคาญใจ และที่สำคัญดีไซน์ยังคงเท่แบบยีนส์ เหมือนเดิมจ้า
อยากเทห์ แบบไม่ร้อนด้วย Wrangler Inficool เข้าไปดูคอลเลคชั่นกันได้เลย
.
009 วัดหลงซาน(Lonhshan Temple)
สำหรับวัดหลงซาน หรือบางที เราจะได้ยินว่า หลงซานซื่อ เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในไทเปค่ะ ชื่อไทย จะชื่อว่าวัดเขามังกร
แต่เดิมสร้างขึ้นเพื่อสักการะเจ้าแม่กวนอิมเป็นหลัก แต่ก็จะมีเทพเจ้าองค์อื่นๆตามความเชื่อของชาวจีนอีกมากกว่า 100 องค์ที่ด้านในโดยมาจากทั้งศาสนาพุทธ เต๋า และขงจื๋อ
เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน 06:00-22:00
การเดินทาง นั่ง MRT ไปลงสถานี Longshan temple สายสีน้ำเงิน ออกประตู 1
.
010 Fujin Street ถนนสายฮิป
เมื่อถามหาถนนสักเส้นในไทเป ที่ฮิปๆ หน่อย ถนนที่นุ้ยคิดออกก็คงเป็นที่นี่แหละ Fujin Street
เป็นถนนที่มีทั้งบ้านเรือนพักอาศัย โรงเรียนอนุบาล และเต็มไปด้วยคาเฟ่ สตูดิโอ และร้านขายของเก๋ๆ
และยังเต็มไปด้วยความเขียวขจีของต้นไม้ ตลอดเส้นทาง
และแน่นอนว่ามาถึงย่านฮิป คาเฟ่เยอะ เราก็ต้องลองสักร้าน
จริงๆ เคยเห็นคนทำรีวิวแนะนำร้านย่านนี้ไว้เยอะนะ
แต่นุ้ยเลือกที่จะเดินไปเอง ตามใจชอบละกัน ร้าน Red circle cafe
บรรยากาศในร้าน สวยเลยทีเดียว
จะดูว่าเรียบก็เรียบ แต่ดูว่าเก๋ก็เก๋ เพราะการตกแต่งเลือกใช้ของชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แต่ดูลงตัวมากๆ
.
ครั้งแรกของการกินโค๊กผสมกาแฟ ..แปลกๆ แต่อร่อยดีนะ
เค้กเลเม่นชิ้นนี้ดูธรรมดาเหลือเกิน
แต่รสชาติกลับอร่อยได้แบบไม่น่าเชื่อ
ออกจากร้านคาเฟ่ เราไปเดินเล่นกันต่อตลอดเส้นถนนก่อนจะกลับ
.
011 ถนนโบราณ Sanxia Old Street
.
เป็นถนนสายโบราณ บ้านเรือนเป็นทรงโบราณก่อสร้างด้วยอิฐแดง ซึ่งถูกอนุรักษ์ไว้
การเดินทาง นั่ง MRT Dingpu ต่อรถเมล์สาย 812 ลงที่ Sanxia Old Street (三峽老街)
เปิดทุกวันจันทร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10:00 – 18:00 น.
ถนนโบราณซานเสีย นอกจากจะเหมาะสำหรับการถ่ายรูปแล้ว
ตลอดถนนทั้งเส้น จะเต็มไปด้วยร้านขายของเก่าของฝาก ของที่ระลึก
รวมถึงของเล่นแบบโบราณ ร้านอาหารก็พอมีให้เห็นอยู่บ้าง
โชคดีที่วันที่นุ้ยไปที่นี้เป็นวันธรรมดา แทบจะไม่ค่อยมีผู้คนเลย ถ่ายรูปได้ชิลมาก
แต่เคยเห็นเพื่อนไปวันอาทิตย์ … ต้องใช้คำว่ามหาศาลเลยค่ะ
ประมาณกำลังมีงานบุญยังไงยังงั้น
และเคยอ่านเจอรีวิว บอกว่ามาถึงที่นี้ต้องกินขนมเขาควายให้ได้
และเมื่อมาถึง โอ้ว ร้านเยอะมาก ไม่รู้จะกินร้านไหนดี เราก็เลือกร้านที่เดินเข้าไปซื้อได้สะดวกไม่ต้องรอคิวละกัน
…แต่คนเราชอบไม่เหมือนกันเนอะ สำหรับนุ้ย ไม่กินก็ได้ค่ะ มันไม่ได้อร่อยอะไรเลย
หรือนุ้ยดันไปเลือกร้านที่ไม่อร่อยก็ไม่รู้สินะ
ร้านขายของแนววินเทจก็มีนะ
แนะนำให้เดินไปจนสุดถนน แล้วจะเจอร้ายขายไอติมเกล็ดหิมะ มีไอติมถั่วตัดด้วยนะ
แต่วันนั้นนุ้ยได้ลองไอติมเกล็ดหิมะ คือดีมาก ฟินเว่อร์ มาเป็นชามใหญ่เบอเร่อ ราคา 110 NTD
อากาศร้อนเจอชามนี้เข้าไป ฟินจริง หวานเย็น หอม อร่อย
.
012 Huashan 1914 Creative Park
ฮว่าซาน 華山1914文化創意產業園區
สำหรับคนที่ชอบงานศิลปะ งานอาร์ท งานไอเดียร์ ต้องไม่พลาดที่นี้ Huashan 1914 Creative Park
เป็นแหล่งรวมความอาร์ทเลยก็ว่าได้ และในขณะเดียวกัน ก็มีมุมฮิปให้เราได้แชะภาพกันรัวๆ แบบ ต้องเปลี่ยนเมมโมรี่เลย
เดิมที่ ที่นี้เคยเป็นโรงงานผลิตไวน์ และบุหรี่ ถูกปล่อยทิ้งร้างก่อนจะนำมาปรับปรุงให้กลายเป็นศูนย์ศิลปะ
กลายเป็นแหล่งฮิปสเตอร์ มีการจัดแสดงนิศรการต่างๆ มีร้านขายสินค้า
รวมถึงคาเฟ่ และร้านอาหาร มากมายเลยทีเดียว
เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน 09:30-21:00
การเดินทาง นั่ง MRT ไปลง ZhongXiao Xinsheng Station ออก Exit 1 เดินตรงไปเรื่อย ๆ
.
.
013 Si Si Nan Cun Village, 四四南村
.
หมู่บ้านซื่อซื่อหนันซุน เป็นหมู่บ้านโบราณแห่งแรกของประเทศไต้หวัน
ตั้งอยู่ในเมืองไทเปนี่แหละ ใกล้ๆ กับตึก Taipei 101
เป็นหมูบ้านแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญของไต้หวันเลยนะ ซึ่งมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับการอพยพ
แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแบบเรา บางครั้งก็ไม่ค่อยให้ความสนใจกับประวัติศาสตร์มากนัก
และสำหรับนุ้ยแล้วจุดเด่นของที่นี้คงเป็นมุมฮิปๆ ที่มีให้ถ่ายรูป รวมทั้งร้านขายของที่ระลึก
แต่ที่เป็นจุดดึงดูดความสนใจจากนุ้ยได้แบบสุดๆ ก็คงเป็นมุมฮิปๆ แต่เห็นตึก Taipei 101 นี่แหละค่ะ
และอีกอย่างที่พลาดไม่ได้ นั่นคือตลาด Simple market เป็นตลาดชิคๆ ที่เปิดขายเฉพาะเสาร์ – อาทิตย์เท่านั้น
เวลาเปิด-ปิด: อังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00 -16.00 น.
ทุกวันจันทร์แรกของเดือน
การเดินทาง : MRT สายสีแดง ลงสถานี Taipei101, Exit 2
เหมือนเดิมขอนั่งจิบกาแฟกินขนมสักหน่อย
ขนมปังอบ เสิร์ฟมาพร้อมซอสชีสกระเทียมคือดีต่อใจ
013 Lanyang Museum (蘭陽博物館)
.
Lanyang Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในเมืองอี๋หลัน (Yilan)
ซึ่งเป็นครั้งแรกสำหรับการเดินทางไปเยือนเมืองนี้
เริ่มกันที่การเดินทาง ซึ่งไปได้หลายวิธี
1 . นั่งรถไฟธรรมดามาลงที่สถานี Toucheng แล้วต่อแท็กซี่ หรือเดิน (ค่าแท็กซี่ประมาณ 120 NTD)
2. รถบัสขึ้นที่สถานี Taipei City Hall ซื้อตั๋วที่ Taipei Bus Station ไปลง Yilan , Jiaoxi และ Toucheng
แต่ถ้าหากใครอยากแวะไปเที่ยวสถานีรถไฟจิมมี่ก่อน ให้เลือกลงที่ Yilan แล้วค่อยนั่งรถไฟลง สถานี Toucheng ต่ออีกทีนึง
3. นั่งบัสสาย 1877 Wushi Fishing Harbor Visitor Information Center ถึงด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ เลยค่ะ
โดยเราสามารถขึ้นรถได้ที่ Wushi Fishing Harbor Visitor Information Center
ใกล้ๆ กับ MRT Nangang Station สายสีน้ำเงิน
Lanyang Museum ตัวอาคารเป็นที่สะดุดตามากๆ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการยกตัวของชั้นหิน
เป็นทรงสามเหลี่ยม มีกระจกรอบด้าน แต่ภาพแรกที่เห็นคือนุ้ยนุ้ยจินตนาการถึงอาคารที่กำลังจะจมน้ำ
และก็ตัวอาคารนี่แหละที่ดึงดูดให้นุ้ยมาไกลถึง Yilan
ที่นี้เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลของเมือง Yilan ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งแบ่งออกเป็น จะจัดแสดงแยกเป็นชั้น ซึ่งแต่ละชั้นจะมีเรื่องราวที่ต่างกัน
Mountains Level เรื่องเกี่ยวกับสภาพภูมิศาสตร์
Plains Level ขนบธรรมเนียมประเพณี
Ocean Level การเดินเรือและมหาสมุทร
ค่าเข้าชม : 100 NTD เวลาเปิด-ปิด : หยุดทุกวันพุธ เปิดบริการตั้งแต่ 9:00-17:00 น. ตั๋วขายถึง 16:30 น.
แต่ถ้าหากใครไม่เข้าชมด้านใน แค่ด้านนอก และตัวอาคาร ก็มีมุมให้ถ่ายรูปฮิปๆ เยอะมาก
กะจกรอบด้านแสงและเงา สวยมากๆ
ใกล้ๆ พิพิธภัณฑ์มีท่าเรือเพื่ออกไปดูปลาโลมาด้วยนะ
แต่สิ่งนี้ไม่ดึงดูดใจนุ้ยเท่ากับตลาดปลา เพราะขากลับ นุ้ยคำนวณเวลารอบรถผิดไปนิด ทำให้มีเวลาเหลือสำหรับการเดินเล่น
เดินไปเดินมาก็เจอตลาดปลาซะงั้น .. แม้ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ แก้เบื่อได้ดีเลย
ของที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นพวกลูกชิ้น ของแห้ง และพวกของฝาก ซะมากกว่า
ของสดพอมีให้เห็นอยู่บ้าง
แต่ก็ยังมีร้านที่สะดุด เห็นปลาแซลม่อนแล้วรีบวิ่งเข้าไปเลย
เนื้อนี่คือหวาน อร่อยมาก
และคุณลุงเจ้าของร้านใจดี แถมมาให้ชิมอีกสองชิ้น
014 Taipei Fine Arts Museum (台北市立美術館)
.
พิพิธภัณท์ศิลปะ ไทเป หรือ TFAM เป็นหนึ่งในพิพิธภัณท์ศิลปะที่ดีที่สุดของไต้หวัน
ภายในมีส่วนจัดแสดงแยกย่อยออกได้เป็นหลายๆห้อง ทั้งแบบถาวรและแบบชั่วคราว
อย่างที่นุ้ยบอกว่างานศิลปะบางชิ้นก็เข้าถึงได้ยาก แต่ยังไงก็ยังคงมีความงดงาม
ซึ่งจริงๆ แล้วกับบางอย่าง บางเรื่อง เราอาจจะไม่จำเป็นต้องเข้าให้ถึงแก่นก็ได้
สำหรับที่นี้นุ้ยชอบนะ ไม่รู้ตัวเหมือนกัน ว่ากลายเป็นคนที่ชอบอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
การเดินทาง นั่ง MRT สายสีแดง ลงสถานี Yuanshan Station ทางออก Exit 1 เดินต่อประมาณ 500 เมตร
ค่าเข้าชม: นิทรรศการทั่วไปเข้าได้ฟรี ยกเว้นส่วนจัดแสดงพิเศษจะเสียค่าเข้าชมแตกต่างกัน
เวลาเปิด-ปิด: หยุดทุกวันจันทร์ เปิด 09:30-17:30 ยกเว้นวันเสาร์จะปิดดึกหน่อยประมาณ 21:30
วันที่นุ้ยไป เป็นการจัดแสดงผลงาน อะไรสักอย่าง รู้แค่ว่ามีไอน้ำเต็มไปหมด และคนเยอะมาก
แล้วเราจะรออะไร ไปถ่ายรูปกับเขาสิ
กิจกรรมง่ายๆ แต่ทำเอาเราสนุก
ลองวาดมือของเราตามความรู้สึก โดยที่เราไม่มองทั้งมือและแผ่นกระดาษ
เป็นไง..ผลงานระดับโลกของนุ้ย
.
015 Ximen Hedo Hotel Kangding Taipei
ที่สุดท้ายสำหรับรีวิวนี้ ขอปิดท้ายด้วย ที่พักตลอดหลายคืนในไทเป
รอบนี้เลือกพักที่นี้เพราะคิดว่าอยู่ในย่านช้อปปิ้งอย่าง Ximending
ชื่อ Ximen Hedo Hotel Kangding Taipei จองผ่าน Traveloka
เดินทางสะดวก ใกล้ย่านช้อปปิ้งนะเออ หาของกินก็ง่าย ไม่ไกลจากเซเว่นด้วย
ห้องสะอาด กว้างกำลัง แต่ค่อนข้างมีเสียงรบกวน
อาหารเช้าก็ประมาณนี้ มีแค่กาแฟ และแซนวิส
แต่ชอบตู้เย็นที่มีเครื่องดื่มซอร์ฟดริ้งไว้บริการฟรี และกาแฟฟรีตลอด
ข้าวของเครื่องใช้ครบครัน จัดมาอย่างดี
.
^^
การเดินทางไม่มีวันสิ้นสุด และจะเริ่มต้นขึ้นใหม่เรื่อยๆ ตราบที่ยังคงหายใจ
ไต้หวันคือที่ที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตนี้ต้องไป
แต่เมื่อได้ไป … ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปอีกกี่ครั้งถึงจะพอ
ออกมาเดินทางด้วยกันนะคะ…เพราะนี่คือสิ่งที่เราไม่สามารถเรียนได้จากที่ไหนเลย
ถ้าไม่ออกไปสัมผัส และทำความรู้จักด้วยตัวเอง …
และบางครั้งการเดินทาง ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น
#แฟนพาเที่ยว
ติดตามเรา
Fanpage : https://www.facebook.com/MyLifeMyTravels
WebSite : www.mylifemytravels.com
Youtube : https://goo.gl/0bnw9a
Instagram: https://goo.gl/G7qsVC
สนใจติดต่องานได้ที่ mylifemytravels@gmail.com
หรือ โทร. 094-5929142
#แฟนพาเที่ยว #mylifemytravel #NuiKaTon #Coupletravelers