วันพฤหัสบดี, 19 ธันวาคม 2567

3 วัน 2 คืน ที่เกาะหลีเป๊ะ ++++ เฮ้ยแกร !!! หลีเป๊ะ !!! เด็ดจริง

ฤดูร้อนเดินทางมาถึงแบบจริงๆ จังๆ แล้วสินะ

สีผิวเราถึงได้คล้ำขึ้นขนาดนี้ (อันที่จริงดำมาตั้งแต่เกิด)

ได้ยินมาบ่อยๆ  ว่าคนไปทะเล ไม่หนีร้อนก็หนีรัก

คือร้อนปุ๊บ ก็สงสัยว่าจะไปกันทำไมทะเล

ยิ่งไปมันก็ยิ่งร้อน .. แดดเปรี้ยงปร๊างซะขนาดนั้น  

เราคนนึงล่ะ ที่ไม่เคยไปทะเลเพราะหนีร้อนหนีรัก หรือหนีอะไรทั้งนั้น

ก็แค่รู้สึกว่า  “ฤดูร้อน”  มันทำให้ทะเล “โคตรสวย” เลย

และร้อนนี้อยากบอกมากว่า เฮ้ยแก !!! หลีเป๊ะ !!! มันเด็ดจริงนะเว้ย

ไม่มีอะไรมาก หากอยากรู้จัก และทักทาย กันมากขึ้น เชิญที่นี้ค่ะ
https://www.facebook.com/MyLifeMyTravels/

 

 

001  จุดเริ่มต้น ของการเดินทาง

ทริปนี้เกิดขึ้นทั้งจากความตั้งใจ และไม่ตั้งใจ เกือบล่ม แต่ไม่ล่ม
เอาเป็นว่ามันเกิดขึ้นเพราะเพื่อนเราคนหนึ่งไปเที่ยวภูเก็ต คือนางไปหาเราทุกปี
แต่ คือเข้าใจมั๊ยว่าเราอยู่ภูเก็ต ….  เที่ยวภูเก็ตอีกแล้วเหรอ
เราจึงหลอกหล่อให้นางนั่งเครื่องลงภูเก็ตตามแผนเดิม
ที่เพิ่มเติมคือนางต้องนั่งต่อยาวไกลไปถึงสตูลพร้อมเรา  

การเดินทางเริ่มต้นจากภูเก็ต  ไป อ.ละงู จังหวัดสตูล 

นุ้ยใช้บริการรถเช่าของ AVIS เหมือนเดิม  เพราะการเดินทางไกล ใช้รถใหญ่หน่อย

จะสะดวกและปลอดภัยกว่าเยอะ 

แนะนำจองล่วงหน้า…สะดวก และชัวร์กว่าค่ะ เพราะหน้าไฮ รับรองได้ รถหมดจ้า

เลือกรุ่น  สอบถามกันได้เลย ผ่านเว็บไซต์    www.avisthailand.com หรือ call center : 02251131-2

1.1

2

002 ทำความรู้จักหลีเป๊ะ

*
เกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะเล็กๆ (แต่เล็กพริกขึ้หนูนะ) ของจังหวัดสตูล
เกาะหลีเป๊ะ  เป็นภาษาท้องถิ่นของชาวเล  
แปลว่า เกาะที่ราบเรียบคล้ายกระดาษ

เกาะหลีเป๊ะ จะมีหาดหลักๆ อยู่ 3 หาด ได้แก่ ซันเซท ซันไรท์ และพัทยา
แต่ละหาด ตั้งชื่อได้ตรงตัวมากเลย
หาดซันเซท … เป็นหาดที่เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน ดูวิวพระอาทิตย์ตก
หาดซันไรท์ … เป็นหาดที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยที่สุด และมีที่พักมากมาย
ส่วน หาดพัทยา… ขึ้นชื่อว่าเป็นพัทยา 2 เลยทีเดียว เพราะมีความคึกคัก ครื้นเครง
และมีความหลากหลาย ทั้งทางด้านอาหารการกิน ที่พัก และผู้คน เป็นหาดที่ได้รับความนิยมสูงสุดเลยทีเดียว

**
การเดินทางไปที่เกาะ
เราจะไปเกาะหลีเป๊ะได้ยังไง   ทำยังไงก็ได้ให้ไปถึงท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูล
ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ไปยังไง.. เอาที่สะดวกกันค่ะ …เอาตามงบในกระเป๋า
คนที่สะดวกรถบัส ก็นั่งรถบัสไปลงสตูล (อ.ละงู)  แล้วนั่งรถสองแถวต่อไปท่าเรือได้เลย  
คนที่สะดวกนั่งเครื่องก็นั่งเครื่องไปลงหาดใหญ่   มีคิวรถตู้ในอยู่ตัวเมืองหาดใหญ่ถึงท่าเรือค่ะ  แต่สำหรับคนที่ติดต่อทัวร์ไว้
ก็จะมีรถไปรับถึงสนามบินเลย  

สำหรับเรา เราขับรถไปจากภูเก็ต ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง หลับ ๆ ตื่น เดี๋ยวก็ถึง


***
ไปถึงท่าเรือต้องทำยังไงบ้าง  
ถึงท่าเรือปากบารา  แล้วเอาไงต่อ

เรื่องนี้ทุกคนน่าจะเตรียมตัวไปกันพร้อม
ว่าจะไปยังไง ซึ่งมีหลายเจ้าให้บริการเรือสปี๊ทโบ๊ทจากท่าเรือไปยังเกาะ
ราคาจะอยู่ที่ 1000-1200 บาท  แต่ถ้าหากยังไม่ได้ติดต่อไว้ล่วงหน้าก็ไม่ต้องกังวล
ทันที่ ที่ลงจากรถจะมีคนเดินพุ่งเข้ามาหาเราเพียบ จนอาจทำให้เราหูหนวก ตาลายได้ ฟังกันแทบไม่ทัน
แต่เพียงแค่เราบอกว่า ติดต่อไว้แล้วค่ะ   ทุกคนจะเดินจากเราไปอย่างรวดเร็ว
แต่สำหรับคนที่ใช้บริการบริษัททัวร์  โดยส่วนใหญ่จะเป็นแบบ One Stop service
ซึ่งเตรียมทุกอย่างไว้ให้เราพร้อม ไม่ว่าจะเป็นรถรับส่ง เรือข้ามเกาะ ที่พัก ค่าใช้จ่ายจิปาถะต่างๆ รวมถึงทัวร์ดำน้ำ
ครั้งนี้เราใช้บริการ ของ  บริษัท SealactionSealaction ทำให้ทุกอย่างสะดวกขึ้น

มาเข้าเรื่องกันต่อ เมื่อเราถึงท่าเรือแล้ว
ให้เรารีบเข้าไปติดต่อคอนเฟิร์มบริษัทฯ ก่อนเลย เพราะไปถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อนจ๊ะ
เราจะได้หมายเลข  ลำดับการขึ้นเรือ  เพราะตอนขึ้นเรือจะเรียกตามลำดับเท่านั้น
ซึ่งอาจจะไม่มีผลอะไรมากมาย  แต่สำหรับคนเมาเรือถือเป็นโอกาสดี
จะได้เลือกที่นั่งเหมาะๆ แนะนำด้านหลังกระแทกน้อยสุด

และนี่คือคิวที่เราจะได้ขึ้นเรือ

พร้อมกับรายละเอียดเหล่านี้
นั่นคือค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เราจะต้องจ่าย
ค่าธรรมเนีมท่าเรือ 20
ค่าธรรมเนียมอุทยาน 40  (คูปองที่ได้ให้เก็บไว้ให้ดีนะค่ะ เพราะต้องใช้ตลอดทริป ไม่อย่างนั้น อีกวันต้องจ่ายใหม่นะ)
ค่าเรือหางยาวเข้าฝั่ง  100 บาท (ขาละ 50 บาท)  
แต่ของเราไปกับทัวร์ ไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้ค่ะเพราะรวมอยู่ในแพคเกจแล้ว

วันที่เราลงเรือจะมีไกด์มารับเราถึงท่าเรือเลย
ลืมไปอีกหนึ่งเรื่อง สำหรับคนที่นำรถส่วนตัวไป มีที่รับฝากรถเพียบ หลายเจ้า
แต่ราคาจะเท่ากันเกือบทุกเจ้าค่ะ คือคืนละ 100 บาท

****

รอบเรือจะมีหลายรอบ  แต่วันนี้เราเลือก รอบ 11.00 น.
เพราะเป็นรอบเดียวที่แวะอุทยานแห่งชาติตะรุเตา และเก่าไข่
แต่ตอนนี้ เวลายังเหลืออีกเพียบ ไปหาอาหารรองท้องกันก่อน  
มองไปเห็นร้านนี้อยู่ใกล้ และผู้คนเยอะมาก
เรามักจะตกเป็นเหยื่อการตลาดแบบนี้บ่อย ๆ คนเยอะ ต้องอร่อยแน่ ๆ (หรา)
ร้านนี้มีทั้งข้าวแกงอาหารตามสั่ง   รสชาติถือว่าโอเคเลย  (หรือว่าเราหิว)
ข้าว 3 จาน โค๊ก 1 ขวด ราคา 175 บาท



 

003  เหยียบเกาะ

*
อย่าพึ่งรีบค่ะคุณ   ต้องนั่งเรืออีกตั้งเกือบสองชั่วโมง กว่าจะไปถึงหลีเป๊ะ
การเตรียมสัมภาระของเรา ง่ายๆ คือเป้ 1 ใบ พร้อมกับกระเป๋ากล้อง
ของเพื่อนนี่สิ กระเป๋าลากยังกะจะเดินแคทวอล์ค
แถมเรายังว่าเพื่อนอีกนะ ไปนะคะ ทะเล หรือฮ่องกง

แต่ก่อนลงเรือเท่านั้น โอ้ว … คือแทบจะไม่มีกระเป๋าเป้เลยค๊าา ล้อลากล้วนๆ
ทีนี้ก็โดนสวนกลับสิ  ….  ทะเลเขามีสปีทโบ๊ทหย่ะ ไม่ใช่เรือพาย  ^^

**
จุดหมายแรกที่สปีทโบ๊ทแวะจอด

คือ  .. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา …
ที่นี้เป็นอุทยานทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทยเลยนะ ความรู้ใหม่  
ก่อนเข้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอุทยานก่อนนะ  
และใบคูปองที่ได้จากจุดนี้ นี่แหละที่เราจะต้องเก็บไว้ให้ดี

เรือจะจอดให้เราสำรวจที่นี้กันแค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น
อย่าค่ะ อย่าช้า …. มิฉะนั้น ยังไม่ทันก้าวขาขึ้น อาจจะต้องก้าวขาลง
เหมือนทัวร์ 6 7 8 ยังไงยังงั้น

ข้อมูลคร่าวๆ ของที่เกาะนี้เท่าที่พอจะจับใจความได้
เมื่อก่อนเกาะนี้เคยเป็นคุกมาก่อน   ข้อมูลที่ผ่านเข้ามาบลาๆ
ใครจะมีกะจิตกะใจฟัง ขอถ่ายรูปก่อนได้ม่ะ

แม้จะเป็นเป็นช่วงเวลา 15 นาที
สิ่งที่เรายังได้รับรู้และสัมผัสได้
ที่นี้ สวย หาดขาวจั๊ว น้ำใสกิ๊ก เงียบสงบ และแดดร้อนมาก

นั่งเรือต่อไปอีกสักพักใหญ่ เราก็มาถึงเกาะไข่    
เป็นอีกเกาะที่สวยมาก   เนื้อทรายละเอียดขาว  เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ระหว่างเกาะอาดัง และเกาะราวี
จุดเด่นของเกาะนี้จะอยู่ที่ซุ้มประตูหิน  มีชื่อว่า “ซุ้มรักนิรันดร์”

ประตูหินโค้ง…ตะรุเตา สตูล
จุดเพิ่มพูน ตำนาน รักหนุ่มสาว
แดนประเดิมเสริมรักให้ยืนยาว
สองเราก้าวสู่ประตู…รักนิรันดร์
ความรักจะยืนยาว   แหม่  มันน่าลองเนอะ

เขาว่ากันว่า หนุ่มสาวที่ลอดผ่านซุ้มประตูหินนี้จะสมหวังในความรัก
แหม่!! มันน่าลองเนอะ  แต่วันนี้ดันเป็นช่วงน้ำขึ้น ไม่สามารถลอดผ่านไปได้  
สงสัยเราจะไม่ใช่คู่กัน

 

***

ทัวร์ 6 7 8  ของเราผ่านไปแล้ว
ออกจากเกาะไข่ ไม่นานนัก เราก็มาถึงเกาะหลีเป๊ะ
แต่ คะ แต่
แต่เรายังไม่ได้เหยียบเกาะสักที่  ตอนนี้ต้องเหยีบโป๊ะก่อน มีผู้คนล้านแปด  
แล้วต่อเรือหางยาวเข้าไปยังเกาะ  ค่าเรือหางยาวคนละ 50 บาท ต่อเที่ยว
หรือเราจะแจ้งทางรีสอร์ทให้มารอรับก็ได้นะ

ต่อจากนี้เราจะไม่มีข้อมูลใดๆ หรือบรรยายเวิ่นเว้อเพ้อพรรณนา
เพราะรูปภาพจะบรรยาตัวมันเองได้ดีกว่า

ภาพแรกที่เหลือบสายตาไปมอง  โอ้ว แม่เจ้า น้ำใสกว่าภูเก็ตอีกเว้ย
หาดทรายก็ขาว  งานนี้ภูเก็ตตายสนิท ตายไปจากความทรงจำชั่วขณะ

หาดนี้ชื่อว่า หาดพัทยา  ซึ่งแน่นอนว่าเราพักที่หาดนี้นี่แหละ  
หาดพัทยา จะเป็นหาดที่มีความหลากหลาย และคึกคักที่สุดในบรรดา 3 เกาะ
แล้วเราจะไปอยู่ในที่ ที่เงียบสงบทำไม
เพราะที่นี้คือทะเล ต้องมาฮาเฮ กับผองเพื่อน

หูยยยยยยยยย  …. มันจะสวยอะไรขนาดนี้
ทำไมน้ำมันถึงใสได้ขนาดนั้น  

ขอเวลาฉันออกของไปเก็บสัก 10 นาที เด๋วฉันจะมาเล่นน้ำเป็นเพื่อนแกร  ไอ้หมาน้อย
คือทะเลสวยทำให้เราโลกสวย วันนี้กลายเป็นหญิงสาวผู้รักสัตว์ขึ้นมาทันใด
อันที่จริงเห็นมันวิ่งเล่นแล้วอิจฉา


****
ที่พัก  

บนเกาะหลีเป๊ะ มีที่พักตั้งแต่ราคาหลักร้อยจนหลักหมื่น
ให้เลือกมากมาย ตามสไตล์ ตามงบ ตามใจชอบ จะอาทิตย์ขึ้น
จะอาทิตย์ตก จะคึกคัก จะหาดสวย  ได้หมด เลือกเอาเลยตามที่เป็นคุณ

แต่วันนี้เราพักที่นี้…ไม่ได้มีสิทธิ์เลือกมากหรอก
เอาแค่แบบสบายหน่อย หาดพัทยา ราคาไม่สูงนัก วิวโอเค ราคาไม่แพง (โจทย์เยอะจัง)
ก็เลยได้ที่นี้  

ได้ครบตามโจทย์แต่ราคาก็ยังแอบสูงนิดนึง
ภาพโดยรวมของห้องพักประมาณนี้  เป็นห้อง Deluxe seaview

อยู่เกือบสุดหาดพัทยาเลยทีเดียว
เดินไปถนนคนเดินไกลพอควร แต่ถือเป็นข้อดี (ผู้หญิงคิดบวก)
คือเราจะได้ได้สำรวจตลอดทั้งหาด เห็นหมดทุกรีสอร์ท เห็นหมดว่าชาวบ้านเขาทำไรกันบ้าง  หึหึ

วันแรกผ่านไปเหนื่อยพอสมควร   เพราะเราต้องออกจากภูเก็ตแต่เช้าตรู่  ใช้เวลาเกือบ 6 ชั่วโมง
เพื่อมาให้ทันเรือรอบ 11.00 น.  นั่งเรือต่อมาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง
โอ้ววววว   หลีแป๊ะเธอไกลไปนะ  ….. แต่วันแรก เราก็เริ่มรักเธอแล้วสิ  สวยซะขนาดนี้

และช่วงเวลาที่เหลือของวันแรก หมดไปกับการนอน

 

004   ท่องทะเล

*
การเดินทางของวันที่สอง เริ่มต้นขึ้น
เรานัดกับไกด์ไว้ตอน 9.00 น.  นี่คือข้อดีอีกหนึ่งข้อที่ปลื้มหลีเป๊ะมาก
เพราะเราไม่ต้องตื่นเช้าสำหรับการการไปออกดำน้ำ เพราะไม่ต้องเดินทางไปไหนไกลอีกแล้ว
เพียงแค่ตื่น กินข้าว แล้วเดินลงเรือได้เลย

วันนี้เราไปท่องทะเลกับเรือหางยาว ที่มีเพียงพวกเรา ไกด์ และพี่คนขับเรือ  

นี่คือโฉมหน้าไกด์สุดหล่อของเรา  แกชื่อบังมีน แกดูเฮฟวี่มาก

คือเราก็ฝันนะว่า สักวันฉันจะมีเอวที่คอด ตูดที่ใหญ่ ขาทีเรียว ใส่บิกินี่โพสท่านี้ที่หัวเรือ
แต่วันนี้ เอาแบบตัวใหญ่ขาหมูไปก่อน  (เราควรจะเล่นตัวเองซะก่อน เพราะมันเจ็บน้อยกว่า)

 

**

ออกจากฝั่งมาประมาณ 15 นาที
ถึงจุดแรก  ชื่อว่าเกาะหินซ้อน  หรือหินเรือดำน้ำ  

บังมีนเล่าว่า เกาะหินซ้อนจะมีเรื่องเล่า ว่าเมื่อก่อน หินสองก้อนที่ซ้อนกันอยู่นี้
อยู่ใต้ท้องทะเล แต่ปรากฎว่ามีพายุใต้น้ำ จึงพัดเอาหินสองก้อนนี้มาซ้อนกันไว้
อยู่แบบนี้มานานโดยที่ไม่ร่วงหล่น

บริเวณนี้เป็นจุดดำน้ำอีกจุดหนึ่ง แต่น้ำค่อนข้างแรงเชี่ยว จึงไม่นิยมกัน

***
อ่าวแอ๊ปเปิ้ล  เป็นจุดที่สองที่ไกด์พาเรามาจอด แต่จะเป็นจุดแรกที่เราได้ลงดำน้ำ
ตอนจอดเราก็คิดว่ามันจะมีอะไรมั๊ยนิบัง
ไม่เห็นมีใครมาจอดเลย  ทำไมมีแต่เรา  บังมั่วป่าวเนี๊ยะ  (ย้ำว่าคิดในใจ)

แต่พอลงใต้น้ำเท่านั้นหล่ะ
สวรรค์ชัดๆ  ไม่เคยเห็นใต้น้ำที่ไหนสมบูรณ์แบบนี้มาก่อน
แค่จุดดำน้ำจุดแรกก็ทำให้รู้แล้วว่า

   ***พลาดแล้วที่มาหลีเป๊ะ***

   ***ถ้ามันจะสวยขนาดนี้คงต้องมาอีกหลายครั้ง***

ปลาดาวยกโขยงกันมาทั้งครอบครัว มีหลายสีด้วยนะ

หอยมือเสือตัวโตมาก  
แล้วจะบอกว่า  คือเราไม่เคยเห็น หรือเคยเห็นแต่เห็นแค่แบบเล็กๆ  
เราก็คิดมาตลอดว่านี่คือปะการัง  ขึ้นจากน้ำมา บอกบังมีนว่า
บัง ๆ ประการังสีๆ มันสวยจัง  ทั้งเหลือง ม่วงเต็มไปหมด
บังมองหน้า แล้วพูดว่า ไหนประการัง  
นี่ไงๆ  ที่บังถ่ายมาให้เนี๊ยะ  
ทุกคนในเรือหันมอง  รู้ตัวทันที  กรูแค่ไม่รู้ช่ายป่ะ กรูไม่ได้โง่ ที่ไม่รู้ว่านี้คือหอย

จุดแรกผ่านไป  พี่สู้ตายพูดเลย  

 

****
เกาะผึ้ง   

จุดนี้ตามคำบอกเล่าของบังมีน
บังมีนบอกว่า เป็นจุดำน้ำที่เห็นปะการังอ่อน เป็นสีๆ  
วู้ วู้ ดีใจเรายังไม่เคยเห็น เคยเห็นแต่ปะการังฟอกขาว
น้ำดูนิ่ง และสงบ เหมาะกับการลง

แต่ได้แค่เพียง เอาตัวลงไปในน้ำเท่านั้นจริงๆ อยู่ๆ  น้ำก็ไหลเชียว แรงมาก
กลับขึ้นเรือแทบไม่ทัน  
–และนี่คืออีกหนึ่งจุดที่เราจะต้องกลับมาเก็บตกรอบหน้า—-

*****
เกาะผึ้งน้อย

เพื่อความปลอดภัยเราย้ายไปดำน้ำกันอีกจุด อยู่ใกล้กันมากๆ นั่นคือเกาะผึ้งน้อย
ที่เกาะผึ้งน้อยแห่งนี้ คืออณาจักรของปลานีโม่
คือเราไม่เคยเห็นนีโม่เยอะขนาดนี้  ไม่เคยเห็นตอนที่ดอกไม้ทะเลหุบแบบนี้
คือในความรู้สึกเราตอนนั้นมันมหัศจรรย์มาก

นอกจากปลานีโม่แล้วเกาะผึ้งน้อยยังมีปลาอีกหลายชนิด
(เราต้องขอภัย รูปใต้น้ำในรีวิว เป็นเพียงบางส่วนที่เราได้ดึงรูปลงไว้ในมือถือ ก่อนที่ Gopro ของเราจะหายไป โดยที่เราไม่ได้เอาไฟล์ภาพทั้งหมดลงคอม)

ขึ้นมาจากเกาะผึ้งน้อย เราลัดเลาะกันไปเรื่อย ผ่านอ่าวจาก อ่าวลิง
บริเวณนี้จะเป็นหน้าหาดยาว ขาว  แต่วันที่เราไป เป็นวันที่น้ำทะเลขึ้นสูง ทำให้หาดหายไป
แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความขาว ความใส

*****
เกาะรอกลอย

เป็นเกาะที่เราร้องว๊าวววววว  ตั้งแต่ยังไม่จอดเรือ
เราไม่รู้จะเอาคำไหนมาอธิบาย  
เพราะมันสวยมาก  ภาพที่ถ่ายมาไม่ได้ครึ่งนึงของภาพที่เราเห็น
น้ำใส  ใสเหมือนกระจก สะท้อนกับแสงแดดระยิบระยับ
หาดทรายขาวจนใจแทบละลาย  แม้จะต้องมองผ่านผืนน้ำลงไป
ปกติบริเวณนี้จะเป็นหาดขาวยาวยื่นออกไปในทะเล  แต่ในวันนี้ น้ำขึ้นสูงไม่เหลือหาดเลยสักนิด
ทำให้เราสนใจเรื่องน้ำขึ้นน้ำลง ขึ้นมาทันที
บังมีนบอกเราว่า ถ้าจะให้ดีต้องเป็นช่วงที่น้ำลง ในช่วง 8  – 12 ค่ำ จะข้างขึ้นข้างแรมก็ได้
เอาแล้วโว๊ย  …  ต่อไปเที่ยวทะเล เราต้องเปิดปฎิทินดูข้างขึ้นข้างแรมก่อนแล้ว

เกาะรอกลอยเหมาะกับการเล่นน้ำมาก  แล้วเราจะพลาดได้ไง  

แต่ที่พลาดไม่ได้เลยคือเดินขึ้นไปด้านบน เพื่อดูวิวรอบ
งานนี้ต้องบอกว่ามหากาฬความสวยทะเลไทยอยู่ที่นี้

******

เกาะราวี

ตอนเที่ยงติดบ่าย เรามาแวะทานข้าวกันที่เกาะราวี
เราจะเจอฝูงชนมหาศาล เพราะที่เกาะนี้เป็นเหมือนจุดที่ทุกคณะจะมาแวะทานข้าวกัน
แต่โชคดีที่เราเลือกมาตอนบ่ายๆ เพราะคนเริ่มออกไปจุดน้ำกันบ้างแล้ว
บนเกาะยังมีโต๊ะ เก้าอี้ และร้านขายอาหารตามสั่งง่าย ส้มตำ ไก่ย่างด้วยนะเออ

มาถึงเราก็ต้องเติมพลังกันก่อน  
บังมีนเตรียมอาหารมาให้เราพร้อมแล้ว
ลืมบอกว่า ไปกับ Sealection วันที่ดำน้ำไม่ต้องเตรียมเครื่องดื่มไปค่ะ เพราะทางไกด์ได้เตรียมไว้ให้เราพร้อม
ทั้งน้ำเปล่า น้ำอัดลม น้ำผลไม้ แต่ขนมขนไปเองนะค่ะ แต่อย่าทำหล่นในน้ำล่ะ เดี๋ยวจะมีผลกับระบบนิเวศ

อาหารของเราวันนี้เป็นข้าวผัดไก่  

หลังจากทานข้าวเสร็จคือช่วงเวลาของการพักผ่อน
แต่ถ้าใครอยู่ที่นี้แล้วหลับลง เราจะนับถือมาก
หาดสวยน้ำใสขนาดนี้  …..

ใครใคร่เล่นน้ำเล่น …แต่เราขอไปเดินสำรวจรอบๆ เกาะสักหน่อย  

เราพักกันที่เกาะราวีนานเลยทีเดียว
เป็นการผ่อนคลาย ได้เล่นน้ำ
บนเกาะนี้ นอกจากผู้คน ต้นไม้ ผืนทรายแล้ว
ยังมีลิงเลอีกด้วย  …..  อ่ะ อ่ะ อย่างง ลิงเลคืออะไร  
มันก็คือลิงนั่นแหละ เรียกมันเก๋ๆ ไปไง  ไม่ใช่กางเกงลิงยืนริมเลนะ

*******
เกาะยาง

หลังจากกินอิ่ม…..เล่นน้ำเพลิน
จุดต่อไปของเราคือ เกาะยาง
จุดเด่นของเกาะยางคือปะการังผักกาด ซึ่งมีอยู่เต็มพื้นที่เลย
มันสวยมาก….

เกาะยาง ถือเป็นอีกเกาะที่สมบูรณ์มาก  
นุ้ยชอบมาเจอของแปลกของเด็ดมาก หลายอย่าง
เจอทั้งม้าน้ำ กุ้งมังกร  และที่ทำเราอ้าปาก ลืมไปว่ากำลังอยู่ในน้ำ
คือปลาดาวมงกุฎ มันสวยและใหญ่มาก  (เศร้ามากสำหรับรูปที่หายไปอยากเอามาอวดใจจะขาด)

ปะการังสมอง ก็พอมีให้เห็นอยู่บ้าง

ต้นนี้คือต้นอะไรเราไม่รู้จริงๆ ลืมมาด้วย  มีเพียบเลย
ดำน้ำมาก็หลายที่พึ่งเคยเจอที่นี้แหละ

และปิดท้ายเกาะยางด้วย หอยเม่นแต่งตัว
ปกติเราจะเห็นกันแบบดำๆ ขนแหลมๆ ยาวๆ แต่หอยเม่นที่นี้เก๋จริง แต่งตัวได้ด้วย

********
เกาะหินงาม

คงเป็นอีกจุดที่พลาดไม่ได้ หินงามสมชื่อ
เราบอกไว้ก่อนเลยควรใส่รองเท้าลงไป  ไม่เช่นนั้นจะหาว่าเราไม่เตือน
เมื่อก่อนเราจะเห็นภาพหินซ้อนกันเป็นเจดีย์ เรียงราย
ตอนนี้เขาไม่ให้ซ้อนแล้วนะ  ….. อย่าถามหาเหตุผล เราไม่รู้
แม้ว่าเห็นบนเกาะจะร้อน แต่หินที่อยู่ขอบๆ บริเวณน้ำทะเลเย็นฉ่ำเลยละ เราไปนอนเกลือกกลิ้งอยู่พักใหญ่

**********
ร่องน้ำจาบัง

เราบอกได้คำเดียวเสียใจหนักมาก  วันที่เราไปเป็นวันที่น้ำแรงเย็นยะเยือก
น้ำขุ่นไม่สามารถมองทะลุอะไรลงไปได้เลย
พี่สุเมธคนขับเรือของเรา อาสาดำน้ำลงไปถ่าย VDO มาให้ดู คือเราดีใจมากแม้จะเป็น VDO
เพราะร่องน้ำจาบังเป็นไฮไลท์ สำคัญที่สุดของเกาะหลีเป๊ะ เลยก็ว่าได้
แต่เราพลาด   แค่นั้นไม่พอไฟล์ VDO หายไปพร้อมกล้อง สรุป เราไม่มีรูปของร่องน้ำจาบังแม้แต่รูปเดียว

***แล้วฉันจะกลับไปใหม่***

ขากลับได้แตงโมปลอบใจก็ยังดี

ขอบคุณ Sealaction ที่เลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี
ขอบคุณบังมีนไกด์สุดเจ๋ง ขอบคุณพี่สุเมธคนขับเรือที่โคตรเก่ง และน่ารัก
ตลอดทริปไม่เอ่ยชื่อพี่สุเมธเลย แต่พี่โคตรเจ๋งอะ

ทริปดำน้ำของเราจบลง   …..   แต่หลีเป๊ะยังไม่จบนะค่ะ

 

005  ชิลเอ้าท์

กลับมาจากดำน้ำ ไม่ต้องถามเลยว่าเราทำอะไร
แน่นอนว่าหลับเป็นตาย  เป็นทริปที่เรารู้สึกว่ามันชิลล์กว่าทุกครั้ง
ปกติ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนหรอก  .. ต้องตื่นก่อนอาทิตย์ขึ้น  พระอาทิตย์ตก ต้องนั่งรอ
แต่รอบนี้หลับยาว ตื่นมาเพราะท้องมันร้อง

เดินออกมาจากที่พักตั้งใจไปถนนคนเดิน  เจอบรรยากาศแบบนี้เข้าไป
ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี  มันรู้สึกชิล รู้สึกฟิน รู้สึกฟรี



ผู้คนมากมายต่างออกมาเดินเล่น มานั่งชิล มาใช้ชีวิตแบบช้าๆ นั่งเล่น เดินจับมือ
นั่งเม้าท์มอย  


และสุดท้ายเราก็มาจอดอยู่ร้านนี้ อยู่ใกล้กับถนนคนเดิน  ชื่อร้าน Islanders Sea Sport Bar
ร้านสวยมาก สีสันแซ่บเลยทีเดียว




แต่สถานที่แบบนี้ ต้องนั่งแบบนี้ ลมเย็นๆ ฟ้าสวยๆ ผู้คนฝักไขว่ เบียร์เย็นๆ สักขวด
ยิ้มแก้มปริ หลับตาพริ้มเลย

006  ถนนคนเดิน

รู้ยัง หลีเป๊ะ มีถนนคนเดินด้วยนะเออ  แถมยังมีทุกด้วยนะ
ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารการกิน แต่ก็ไม่ได้หลากหลายมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกซีฟู๊ด
อาหารประเภทอื่นก็มีบ้างประปราย แต่ที่จะบอกคือ ราคามันแพงอะ แต่ละจานราคามากกว่า 2 ร้อย





ร้านนั่งดริ้งก็ยังมีอยู่ตลอดทาง


พิซซ่าร้านนี้ขายดีมาก ลูกค้าทั้งหมดคือฝรั่ง
ราคาชิ้นละ 100 ถือว่าเป็นราคาที่ดี ถ้าเรากินชิ้นเดียวอิ่ม


ร้านโรตีชาชัก  มีเพียบเลือกตามใจ
เขาบอกว่ามีร้านดังด้วยนะ แต่นุ้ยไม่เน้นร้านดัง เน้นอร่อย และไม่ต้องรอ


แท็กซี่บนเกาะ น่ารักดีนะ ค่าบริการคนละ 50 บาท

สถานพยาบาลก็มีนะ

สุดท้ายเรามาปิดกันที่ร้านอาหารละกัน
เราเดินจนเกือบสุดท้าย ดูไปเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องราคา และความหลากหลาย
มาสรุปอยู่ร้านนี้  




กุ้งอบวุ้นเส้น  รสชาติผ่าน ราคาผ่าน

ปลาหมึกทอดกระเทียม รสชาติอร่อย ราคารับได้

ข้าวต้กุ้งของคนปวดฟัน  รสชาติลืมถาม ราคาพอได้นะ

ปลากระพงนึ่งมะนาว อร่อย นึ่งปลาได้ดี เนื้อนิ่มไม่คาว  ราคาสามร้อยนิด อันนี้รับได้

ปูผัดผงกระหรี่ ถือว่าอร่อย จานใหญ่มาก เรากินไม่หมด เมื่อเปรียบเทียบราคาถือว่าโอเค  แต่เนื้อปูไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่

 

จบลงแล้วสำหรับทริปหลีเป๊ะ แบบ 3 วัน 2 คืน
เช้าอีกวันตื่นสาย นั่งเรือกลับ  จบข่าว

สำหรับทริปนี้บอกได้คำเดียวว่า   ” รั ก ม า ก ”   รักทะเลเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะ
ลืมสะกดคำว่ากลัวดำ ไม่ร้องหากันแดด

** แต่ในความเห็นส่วนตัว ควรไป 4 วัน 3 คืน  
เพราะควรออกดำน้ำ 2 วัน ยังมีจุดที่น่าสนใจหลายจุด นั่นหมายความว่าเราต้องกลับไปอีกแน่นอน
ทั้งไปดำน้ำจุดที่ยังไม่ได้ดำ และไปตามซ่อมจุดที่ไปแล้วพลาด

** ถ้าถามว่าไปเองกับซื้อทัวร์ แบบไหนดีกว่า
คงต้องตอบว่าแล้วแต่ชอบ แล้วแต่งบในกระเป๋า แล้วแต่เวลาเนอะ
สำหรับ เรามองว่าการซื้อทัวร์ ช่วยอะไรเราได้หลายอย่าง ความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นแน่นอน
เพราะเราไม่ค่อยมีเวลาหาข้อมูล ไม่ต้องเตรียมข้อมูล อะไรมากมายนัก
ไปกับทัวร์ มีไกด์ คอยแนะนำโน่นนี่ และยังมีคนขับเรือสุดเจ๋งอีก
เพราะเราสังเกตุเรือบางลำมีแค่คนขับเรือคนเดียว การดูแลก็ไม่ค่อยทั่วถึง
และมักจะพอไปจุดดำน้ำที่คนอยู่รวมกันเยอะ

**อาหารการกิน บนเกาะ  ราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าเดินมองหาสักหน่อยก็มีร้านถูกๆ แอบซ่อนอยู่
แต่ถ้าพวกขนมนมเนย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะเตรียมไปก็ไม่ว่ากัน เพราะเราก็เอาไปเหมือนกันนะ
ไม่ได้หนักกระเป๋า แต่ช่วยให้หนักท้อง คือบางทีหิวแล้ว แต่ยังไม่ได้ออกไปข้างนอก ก็กินรองท้องก่อนได้
ส่วนพวกเครื่องดื่มมึนเมา ถ้าคิดว่ากินเยอะ ขนไปเถอะ บนเกาะแพงกว่าแน่นอนแต่ถ้าน้อยๆ ไม่ต้องขนให้หนักค่ะ

**บนเกาะมีเซเว่น ราคาสูงกว่านิดหน่อย คนแน่นเลย แต่เราลองเดินดูราคาไปเรื่อย ๆ  ร้านมินิมาร์ทข้างนอกถูกกว่าเซเว่นนะ

**สถานพยาบาลมีพร้อม

**ตู้ ATM มีนะ ไม่ต้องพกเงินเยอะ

สุดท้าย และ สุดท้าย
ขอขอบคุณทุกๆ การเดินทางที่สอนให้เราได้เรียนรู้ และรู้สึกรักทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็น
ขอบคุณสำหรับทุกไลค์
ขอบคุณสำหรับทุกแชร์
ขอบคุณสำหรับทุกโหวต
ขอบคุณทุกคนที่แวะเวียนเข้ามา
ขอบคุณพื้นที่การแบ่งปันแห่งนี้

 

 

 

ขอบคุณ บริษัท  Sealection  สำหรับทริปดีๆ บริการดีๆ   

สนใจทริปดีๆ ติดต่อได้ที่นี้เลย  https://www.facebook.com/sealection

11960008_1050958081583259_1873614271424410448_n

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณ AVIS Thailand  สำหรับรถเช่าคุณภาพเยี่ยมให้เราขับขี่ได้อย่างปลอดภัย

สนใจรถติดต่อ AVIS นะค่ะ www.avisthailand.com

 

1233609_612195608832958_1006719534_n

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

—————————

https://www.facebook.com/MyLifeMyTravels/