Dalat : เที่ยวดาลัด เที่ยวง่าย ใช้เงินนิดเดียว
เวียดนาม … เป็นประเทศที่เราสองคนไม่เคยคิดจะไปเลย
ก็ไม่รู้สินะ !! อาจจะเป็นเพราะ ได้ยินคำล่ำลือเกี่ยวกับการโกงค่อนข้างเยอะ
แต่จู่ๆ ความคิดของเราก็เปลี่ยน เมื่อได้รู้จักกับ “ดาลัด”
คนอื่นให้คำนิยามดาลัดว่ายังไง เราไม่รู้ แต่สำหรับเรา
ดาลัดคือเมืองแห่งลมหนาว.. เมืองแห่งดอกไม้ ..เมืองแห่งคาเฟ่.. เมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งที่เราชอบ
และที่มันดีกว่านั่นคือนั่งเครื่องไกลกว่าไปเชียงใหม่แค่นิดเดียว
เพราะใช้เวลาบินทั้งหมดเพียงแค่ 1.45 ชม. เท่านั้น
เม้าท์เพื่อนยังไม่ครบทุกคน อ้าว!! ถึงแล้วเหรอ ดาลัด
///
สำหรับทริปนี้พวกเราไปกันทั้งหมด 9 คน 4 วัน 3 คืน พกเงินไปคนละ 5,000 บาท ไปไกลถึงมุยเน่ ยังมีเหลือกลับ
รับประกันความสนุก ครบรส ไม่มีบทหวานเลี่ยนแน่นอน และเรื่องค่าใช้จ่ายจะสรุปไว้ให้ตอนท้ายนะค่ะ
…………………………………………….
ข้อควรรู้คร่าวๆ
ค่าเงิน เงินเวียดนามเรียกว่าเงินดอง
1 บาท = 697 ดอง
เพื่อความจำงา่ย เราต้องใช้ค่าโดยประมาณ
1 บาท = 700 ดอง
7,000 ดอง = 10 บาท
10,000 ดอง = 15 บาท
หลายคนชอบถามว่าไปเวียดนามเอาเงินอะไรไป US ดอง หรือบาท
แนะนำว่าเงินดองดีที่สุด ใช้ง่าย คุ้มสุดแล้ว แต่ถ้า US ค่อนข้างยุ่งยากหาที่แลกเป็นดองยาก และร้านค้าส่วนใหญ่ไม่ค่อยเงิน US
เวลา = ประเทศไทย
เข้าประเทศ = ไม่ต้องกรอก ใบ ตม.
การเดินทาง
เรามาเริ่มกันที่การเดินทาง ทริปนี้พวกเราเดินทางกันทั้งหมด 9 คน ไปก่อน 8 คน และตามไปในวันถัดไปอีก 1 คน
เราเดินทางด้วยสายการ ไทยเวียตเจ็ท VietJetair เพราะเป็นสายการบินเดียวที่บินตรง จาก สนามบินสุวรรณภูมิ สู่ ดาลัด .
สะดวกที่สุด โดยใช้วเลาประมาณ 1.45 ชม. และ มี 4 เที่ยวต่อสัปดาห์ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์และอาทิตย์
จองได้ที่ >> www.vietjetair.com
จองที่พัก
เมื่อไปถึงสนามบินดาลัด (Lien Khuong Airport (DLI)) เราเดินทางเข้าเมืองกันด้วยแท็กซี่ เพราะไปกันถึง 8 คน
มันง่ายในการเดินทางของพวกเรา อีกอย่างที่พักของพวกเราอยู่ในซอย เหมาแท็กซี่ไป 2 คน คันละ 200,000 ดอง
1 คันนั่งได้ 4 คน เพราะคันที่เราเหมะเป็นรถคันเล็กสีเหลือง ใช้เวลาจากสนามบินไปที่พักประมาณ 40 นาที
………………
ทริปนี้จองที่พักผ่าน Booking.com มาพร้อมโปรโมชั่นเด็ดที่หลายคนรอคอย
https://bit.ly/3tZko9Y
Booking.com ข้อดีของนางเยอะมากจริงๆ
1. มีที่พักให้เลือกหลากหลายประเภท ครอบคลุมทั่วโลก
2. จองก่อน จ่ายทีหลัง (จ่ายเมื่อเข้าพักจริงได้)
3. ฟรีค่าธรรมเนียมการจอง ยกเลิกและปรับแต่งการจองได้ รับประกันราคาที่ดีที่สุด ราคาที่โชว์จะรวมทุกอย่างแล้ว •
4. ปรับเปลี่ยนการจองได้ก่อนการเข้าพัก 24 ชั่วโมง
นี่เลยค่ะที่พักของเราชื่อว่า Saphir Dalat Hotel เรานอนที่ตลอด 3 คืน ราคาคืนละ 2 พันกว่าๆ
จะออกแนวยุโรปหน่อย สวยมาก ทำเลก็ถือว่าดีอยู่นะ เข้าซอยไปหน่อยนึง
แต่ก็ไม่ได้ห่างไกลจากจุดคึกคักมากนัก ตอนกลางคืนพวกเราก็ออกเดินเที่ยวตลาดได้สบาย
ห้องกว้างมาก เตียงใหญ่มาก มีเครื่องทำน้ำอุ่น ชากาแฟ กระติ๊กน้ำร้อน
แต่ไม่มีแอร์นะยูว์ บอกเลยว่าที่นี่อากาศเย็น จนถึงขั้นหนาวปากสั่นเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นแอร์ไม่จำเป็น
สิ่งที่จำเป็นมากคือเสื้อกันหนาว แบบบางๆ หรือแขนยาวเป็นอะไรที่ไม่ควรขาด
เรามาถึงที่พักเก็บของกันเรียบร้อย ก็เริ่มวางแผนเที่ยวกัน ด้วยจำนวนคนของพวกเราที่ค่อนข้างเยอะ
เราจึงเลือกที่จะใช้วิธีเช่ารถพร้อมคนขับ ซึ่งทริปนี้จะมีวาปไปมุยเน่ด้วยหนึ่งวัน
แต่จะขอยกไปไว้เล่าในตอนหน้านะคะ รถพร้อมคนขับ เราได้รับคำแนะนำมาจากโรงแรม ค่ะ สรุปค่าใช้จ่ายที่ 6,800,000 ดอง + 75 US
6,800,000 ดอง เป็นค่าเช่าสำหรับ 1 วันเต็มในดาลัด สำหรับ 9 คน และค่าไปรับไปส่ง ที่มุยเน่ (บอกว่าได้รถ 2 คน จริงหรือมั้ย รอติดตาม)
75 US เป็นค่าทริปในมุยเน่ กับ 4 สถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งเขาบอกว่ารวมทุกอย่างแล้ว รวมจริงหรือมั้ย ต้องรอติดตาม
แต่สำหรับวันแรก เรามาถึงใน ช่วงบ่าย กว่าจะเก็บข้าวของเสร็จ ก็บ่ายแก่ๆ
ก็เลยเช่ารถ ของเจ้าเดิมนี่แหละ 400,000 ดอง สำหรับพาเราทัวร์ ไม่กี่ชั่วโมงในดาลัด ตกลงกันไป 4 ที่
……………………….
และสถานที่ท่องเที่ยวที่แรกของเราในดาลัดนั่นคือ
Domaine de Marie
Domaine de Marie
ถือเป็นสถานที่สำคัญของชาวดาลัด เพราะเป็นโบสถ์ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1940
เป็นสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสผสมผสานกับความเป็นเวียดนาม
แต่สำหรับเราแล้ว เราไม่ได้ไปเข้าโบสถ์นะคะ พวกเราไปเพื่อถ่ายรูป
เพราะนอกจากสถานที่แห่งนี้จะมีความสำคัญทางศาสนาแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอีกด้วย
สถานที่ต่อไป คือร้านหอย
อ่านไม่ผิดค่ะ เพราะพวกเราไปร้านหอยกันจริงๆ ร้านชื่อว่า Quán Ốc 33
เป็นร้านเรคคอมเมนเลยนะเออ ไปถึงร้านคนแน่นเอี๊ยด ต้องรอคิว
ส่วนบรรยากาศภายในร้านนั่นก็ประมาณร้านนั่งยองค่ะ เป็นโต๊ะ ยาวๆ เก้าอี้ตัวเล็กๆ
ก็ให้ฟิลล์ความเป็นเวียดนามเนอะ
และนี่คือเจ้าหอย ที่ดึงดูพวกเรามา ถามว่าอร่อยมั้ย ก็อร่อยอยู่นะ
ดูมันจะล้นๆ ถ้วย แต่จริงๆ แล้ว คือมันมีตะแกรงรองไว้ หอยแค่นิดเดียว
ร้านนี้จะเน้นขายหอย และชาบู สำหรับเรานั้น ยกนิ้วให้หอย แต่ขอเมินหน้าให้ชาบู ต้องไปลองกันเอง
จานนี้อร่อยมาก ถึงมากที่สุดสำหรับมื้อแรกของเรา สั่งเพิ่มอีก 2 จานอย่างด่วน
แอบเสียดายที่ร้านนี้ไม่มีข้ว
ชาบูชุดที่ 2 เป็นซีฟู้ด เพราะมีพวกเราหลายคนที่ไม่กินเนื้อ ไม่สามารถกินหม้อแรกได้ รวมทั้งนุ้ยด้วย
กลิ่นมันจะประหลาดๆ หน่อยนึง ต้องมาลองเอง อ่า
ในเช็ตชาบูเนื้อจะมีผัก และมาม่ามาให้ด้วยรวทั้งน้ำจิ้ม 2 แบบ แต่พวกเราไม่หวั่นเรื่องน้ำจิ้ม เพราะพกน้ำจิ้มซีฟู้ด และสุกี้ไปจากบ้านจ้า
เราต้องเตรียมพร้อม เรื่องกินเรื่องใหญ่ 555
ตกตอนค่ำ รถก็มาส่งเรากลับโรงแรม สรุปตกลงกันไว้ 4 ที่ ได้มาแค่ 2 เพราะมันมืดซะก่อน
แต่เขาไม่ได้ลดราคาให้นะ หลังจากถึงโรงแรมพวกเราก็ออกไปเที่ยวกันต่อ ที่ Da Lat Market
เดินออกจากที่พักเราไปแค่นิดเดียว เจอร้านขายของตลอดทาง ของกินเยอะมาก ร้านเสื้อผ้ายิ่งเยอะ
บาบีคิวเป็นอะไรที่ขายดีมากในยามค่ำคืน และอากาศหนาวแบบนี้
หนาวหรือไม่ ดูได้จากชุดที่แต่ละคนใส่
อารมณ์คล้าย ๆ หมาล่า มีอยู่หลายร้าน และคนซื้อเยอะมากจริงๆ
ส่วนเราขอนั่งจิบน้ำเต้าหู้อุ่นๆ เบาๆ
ซึ่งก็แอบงง ว่าทำไมถึงมีร้านน้ำเต้าหู้เยอะแยะมากมายขนาดนั้น
แต่ก็ชิลล์ดีนะ แก้วละ 10,000 ดอง
ขนมอะไรไม่รู้ นุ่มๆ นิ่มๆ มีไส้ถั่วและน้ำตาล แต่เราเคยกินแบบนี้ที่สิงคโปร์ และไต้หวัน
มันคล้ายกันมาก หรืออาจจะเป็นอย่างเดียวกัน อร่อยดี 2 ชิ้น 10,000 ดอง เช่นกัน
ส่วนเจ้านี้คืออะไรไม่รู้อีกเช่นเคย แต่มันอร่อย เราเรียกมันว่าพิซซ่าเวียดนาม ราคาประมาณ 10-15 k
อันนี้ต้องลอง
ปล.รูปตอนกลางวัน อร่อยจริง ซื้อกินไปหลายร้าน
ร้านนี้เป็นร้านขนมปังฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อ แต่อร่อยหรือเปล่า เราไม่รู้ เพราะเราพลาดที่ไม่ได้ชิม คือกินเยอะจนไม่รู้กินเข้าไปได้ยังไงอีก
Day 2
วันนี้เราจะได้เที่ยวดาลัดกันแบบเต็มวัน และจะมีเพื่อนของเรามาเพิ่ม อีก 1 คน ครบทีมแล้วค่ะ
แต่กว่าจะมาถึงก็ตอนบ่ายโน่นแหละ วันนี้รถรมารับเรา 2 คัน ตามที่ตกลงกันไว้
เราเริ่มไปกันที่ร้านคาเฟ่ เป็นปลายทางแรก เป็นร้านที่เราไปไม่ทันเมื่อวาน ชื่อว่าร้าน Still café
บอกเลยดีมาก สวยมาก หรือมันอาจจะเป็นความชอบของเราที่ชอบอะไรแนวนี้
ของชิ้นเล็กชิ้นน้อย ถูกจัดวางอย่างน่ารัก
ร้านจะตกแต่งด้วยวัสดุไม้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ตู้ โต๊ะ เก้าอี้
ภายในร้านเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้ประดับ ที่จัดวางอย่างลงตัว และ black coffee คือดีมากสำหรับเรา
การนั่งจิบกาแฟดีๆ สักแก้ว ท่ามกลางอากาศหนาว กับบรรยากาศที่เราชอบ แค่นี้ก็ทำให้วันนี้ของเราเป็นวันที่มีความสุขได้ // โลกสวยเว่อร์
ของบางอย่างแม้จะดูเรียบง่าย แต่กลับกลายเป็นของชิ้นพิเศษ ด้วยเหตุผลง่าย เพียงแค่เรา “ชอบ”
Da Lat railway station เป็นปลายทางที่สอง เสียค่าเข้า 40000 ดอง สำหรับรถ 2 คัน
เราคิดว่าปกติ คนที่เดินเข้าไปไม่น่าจะมีค่าเข้านะ แต่อาจจะเป็นเพราะพวกเราไปด้วยรถ จึงต้องจ่ายค่าที่จอดรถ หรือเปล่า ? (เราคิดเองนะ )
ถามว่ามาทำไมที่สถานีรถไฟ มาถ่ายรูปนี่แหละค่ะ ที่สถานีนี้จะเป็นรถไฟขบวนไม้ ดูคลาสสิค
มีร้านอาหารบนรถไฟด้วยนะ แต่สำหรับพวกเราแค่แวะมาถ่ายรูป มีมุมให้ถ่ายเยอะอยู่นะ
ระหว่างทาง มันจะชุ่มฉ่ำไปไหน
Khu du lịch sinh thái Hoa Sơn Điền Trang ชื่อนี้ดูจะเรียกยาก
แต่นี่คือปลายทางที่พวกเราตั้งใจมาค่ะ เพื่อมาถ่ายรูปกับมือที่ยื่นออกไป
วันนี้ฝนตกตลอดเวลา อากาศจะหนาวเป็นพิเศษ แต่จริงๆ แล้ว มีมุมถ่ายรูปเยอะมากเลยนะ
ทั้งบ้าน ทั้งรังนก ไม่ได้มีแค่มืออย่างเดียว จะมีค่าเข้าด้วยนะ เสียค่าเข้า 240000 ดอง/8 คน (คนละ 30,000 ดอง)
ห่างไปไม่ไกลนัก เราไปต่อกันที่ น้ำตกดาลันตา (Datanla)
ไฮไลท์ ของที่นี่คือ การนั่งโรลเลอร์คอสเตอร์ลงไปจ้า นั่งไปจนถึงน้ำตกเลย ไม่ต้องเดิน
จะมีค่าใช้จ่าย เข้าน้ำตก 30,000 ดอง ค่าโรลเลอร์คอสเตอร์ 60,000 ดอง (ไป-กลับ)
ถ้าไม่ได้นั่งโรลเลอร์คอนเตอร์คือพลาดมาก เพราะมันสนุก และตื่นเต้น ตอนแรกนุ้ยกลัวมาก
พอนั่งจริง คือสนุก ขาไปเราจะต้องบังคับเอง ขับกลับเขาจึงดึงเราขึ้นมา
หากคนไม่เล่นโรลเลอร์คอสเตอร์จะต้องเดินลงไปน้ำตก เพราะฉะนั้นต้องลองค่ะ
และติดๆ กันเลย คือ Dalat cable because station
จะมี 2 ราคา คือ ไปกลับ 80,000 ดอง
ไปอย่างเดียว 60,000 ดอง เพราะเราเลือกขาเดียว และให้รับไปรับด้านบนค่ะ
นั่งได้ประมาณ 4-5 คน ประมาณ 4 คน กำลังดี ไม่อึดอัด ถ่ายรูปง่าย เพราะขนาดไม่ได้ใหญ่มาก
วิวด้านบนก็จะประมาณนี้ ดีงาม สวย อากาศดี เห็นความเป็นดาลัดหลายมุมมาก ทั้งธรรมชาติที่เขียวขจี และวิวเมืองแบบเต็มๆ ตา
เมื่อไปถึงด้านบนสถานี ก็จะได้วิวประมาณนี้
วันนี้เรานัดกับทัวร์ของเราไว้ว่า เราจะไปทั้งหมด 8 สถานที่ ซึ่ง 1 ในนั้นต้องมีสวนดอกไฮเดรนเยียร์ แต่จู่ๆ ก็มาบอกเราว่า
วันนี้สวนดอกไฮเดรนเยียร์ปิดครึ่งวันไปไม่ได้แล้ว ตอนนั้นสติไม่ค่อยมี มั่วแต่สนุก ก็เออออไป
พอมีสติปุ๊บก็คิดได้ว่า ลองหาข้อมูลสิ พบเจอว่า โดนเข้าแล้วจ้า โดนหลอกแล้วจ้า
เขาไม่ยอมพาไป และบอกจะพาไปทุ่งเล็กๆ ซึ่งพาไปจอดข้างถนน เอิ่ม ! พวกเราหันมองหน้ากัน แล้วก็บอกว่าไม่เอาที่นี่ ไม่ใช่ที่นี่
เขาก็วนๆ จนเย็น แล้วก็บอกเราว่า หมดเวลาแล้วนะ จะไปส่งที่พัก แต่ยังไม่ครบตามจุดที่ตกลงกันไว้ไง
เราก็เลยขอให้พอไปที่ร้านคาเฟ่อีกร้านนึงก่อนกลับ
…………………………………………….
ร้านที่เราเลือกคือ Route 66 cafe’ เป็นอีกร้านคาเฟ่ ที่สวยมาก สวยจริงๆ มุมถ่ายรูปเยอะจัด
แต่กาแฟ เราเช้าร้านเมื่อเช้ามากกว่า อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวนะ
เราถ่ายรูป และนั่งจิบกาแฟที่นี่ไม่นานนัก แล้วก็กลับที่พักกัน
และหลังจากที่เราโดนรอบแรกไปแล้ว เรื่องโดนหลอกว่าสวนไฮเดรนเยียร์ปิด
เมื่อมาถึงที่พักเราต้องเคลียร์ค่าใช้จ่าที่เกิดขึ้นระหว่างวัน กับรถเช่า
และสิ่งที่ตามมาคือ พรุ่งนี้คุณได้รถคันเดียวนะ
ถ้าจะเอา 2 คัน ต้องจ่ายเพิ่มอีก 1,800,000 ดอง OMG !! แล้วไง ถ้าไม่จ่ายเพิ่ม เงินที่จ่ายไปแล้วคืนศูนย์เปล่า
มุยเน่ก็ไม่ได้ไป ค่าทัวร์ที่จ่ายแล้ว ก็ไม่คืน แล้วมีหน้ามาบอกพวกเราว่า ไม่ควรว่าพวกเราจะตัวใหญ่
โถ่วววว …. ตอนตกลงราคา ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา วันนี้ยังเอามาสองคันได้เลย
แต่พวกเราทางเลือกมีไม่มากนัก และเมื่อลองคำนวณเป็นเงินไทยแล้ว ยังอยู่ในราคาที่พวกเราโอเค
และพวกเราก็ถามต่อว่า ค่าทัวร์มุยเน่ที่จ่ายไป เราต้องจ่ายอะไรเพิ่มอีกมั้ย
คุณพี่เวียดนาม ก็บอกเราว่า ไม่ต้องแล้ว รวมทุกอย่างแล้ว // อยากจะฟาดแม่งด้วยเปลือกทุเรียน
Day 3
วันนี้เป็นวันที่เราจะต้องไปมุยเน่ค่ะ / เรื่องของมุยเน่ไว้รีวิวหน้านะคะ
ก่อนออกไปมุยเน่พวกเราให้คนขับรถพาไปที่ Lam Vien Square
ซึ่งเป็นเหมือนศูนย์กลางของดาลัด เป็นแลนด์มาร์คก็ว่าได้ หรือจะเรียกว่าที่นี่ว่าลานบิ๊กซีก็ได้นะ
เพราะมีห้างบิ๊กซีตั้งอยู่ เป็นแหล่งรวมวัยรุ่นดาลัดเลยล่ะ มาถ่ายรูป และทำกิจกรรมต่าง
ที่เห็นข้างหลังเขาบอกว่าคือโดมดอกทานตะวัน อันนี้เราอ่านมาอีกที น่าจะเป็นประมาณหอประชุม มั้ง
และโดมสีเขียวๆ นี่คือ DOHA Cafe’ สร้างขึ้นเหมือนดอก Atiso ซึ่งเป็นดอกไม้ของเวียดนามนี่แหละ
แต่เราก็มาแค่ถ่ายรูปนะ ไม่ได้เข้าไปทานกาแฟ เพราะต้องรีบไปมุยเน่ต่อ
เราใช้เวลาเดินทางดาลัดมามุยเน่ ประมาณ 4 ชั่วโมงกว่า เมื่อไปถึง ทางทัวร์ที่เราซื้อไว้ก็พาไปหาร้านอาหารทาน แค่พาไปนะ
ส่วนเรื่องค่าอาหารเราต้องจัดการเอง
สำหรับรายละเอียดทัวร์คือ 75 US สำหรับ 9 คน และ 4 จุดท่องเที่ยว โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าอะไรเพิ่มแล้ว
แต่เมื่อเริ่มเที่ยวจุดแรก จุดที่เป็นไฮไลท์ พลาดไม่ได้ มาเพื่อสิ่งนี้ คือ White Sand Dunes
ความตื่นเต้น ก็จบลง เมื่อทัวร์หันมาบอกพวกเรามีแพคเกจในการเข้าทะเลทรายให้เราเลือก พร้อมแจกแจงราคาเรียบร้อย
3 แบบ สำหรับ ATV คือ
– 300000 ดอง ไปจุดบนสุดถ่ายรูปแล้วกลับ
– 500000 ดอง ไปจุดบนสุดถ่ายรูป แวะไป lake แล้วกลับ
– ขับเอง 1400000 ดอง ชั่วโมงกว่าๆ
ที่บอกมาทั้งหมดคือราคาต่อคน
อ้าวววววว ! ความตื่นเต้น ความสนุกเริ่มหายไป ก็ไหนบอกไม่ต้องจ่ายค่าอะไรแล้ว ถามชัดแล้วนะ เรื่อง ATV ก็ถามมาแล้วนะ
แล้วต้องทำยังไง ทะเลทรายก็อยู่ข้างหน้า แต่เข้าไปไม่ได้ คืออะไรค่ะ
เพื่อนก็โทรกลับไปคุยกับอีไกด์เวียดนามต้นเรื่องคนเดิม เสียงตอบกลับมาว่า … ก็บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่ายังไงก็ต้องจ่ายค่า ATV
คือสรุปได้แค่ว่าเราซวย เราทำอะไรไม่ได้ ถ้าจะเข้าก็ต้องจ่ายอย่างเดียว
คนที่ดูแลทัวร์ที่มุยเน่ บอกพวกเราว่า ลูกค้าเจอเหตุการณ์แบบนี้กันเยอะมาก
แต่เอาว่ะ ไหนๆ พวกเราก็มาแล้ว ทิ้งความโกรธไว้ตรงนี้แล้วไปถ่ายรูปกันดีกว่า
เราใช้เวลาอยู่ทีทะเลทรายขาวไม่นานมาก เพราะก็ได้ตามกำหนดเวลาของ ATV ครบปุ๊บมารับปั๊บ
และเราไปเที่ยวต่อกันอีก 3 จุด แต่อีก 2จุด นุ้ยไม่ค่อยจะปลาบปลื้มนัก แทบจะไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย
ขอข้ามไปทะเลทรายแดงเลยละกัน
ทะเลทรายแดงอยู่ติดกับถนนเลยค่ะ จอดรถแล้วก็ลงเดินเข้าไปได้เลย ขนาดกลางๆ ความอลังสู้ทะเลทรายขาวไม่ได้
ถ่ายรูปเล่นกันระหว่างทาง ต้องยอมรับว่าไกด์เจ้าของทัวร์ที่มุยเน่ เขาโอเคนะ ไม่โกง และยังพาไปถ่ายรูปนอกจุดท่องเที่ยว ..ระหว่างทางนั่นเอง
พวกเราทั้ง 9 คน ถ่ายรูปโดยเจ้าของทัวร์ที่มุยเน่
Day 4
วันนี้กลับแล้วจ้า
ก่อนกลับพวกเราจะพลาดไฮไลท์ได้ยังไง นั่นคือ สวนดอกไฮเดรนเยียร์ / Garden hydrangeas .
คือถ้าไปไม่ถึงคือพลาดมากๆ เลยนะ
วันนี้เป็นวันที่พวกเราไม่เช่ารถพาเที่ยวแล้วค่ะ แต่ใช้วิธีเรียกแท็กซี่ โดยให้โรงแรมเรียกให้
ตอนแรกก็ตั้งใจจะเหมาแบบยาวๆ จนไปส่งสนามบิน แต่แท็กซี่บอกไม่ได้ ของเขาต้องตามมิเตอร์เท่านั้น
เราก็โอเค รถสีเขียวคันใหญ่ นั่งสบายมากค่ะ
สวนดอกไฮเดรนเยียร์ ห่างจากที่พักประมาณ ครึ่งชั่ว่โมง
เมื่อมาถึงยังไม่เปิด พี่แท็กซี่ก็โทรหาเจ้าของสวนให้ และเราก็ได้เข้าสมใจจ้า ต้องขอบคุณพี่แท็กซี่
มันสวยมาก บานเต็มทุ่งเลยจ้า จะมีค่าเข้า 15,000 ดอง
ทุ่งดอกไฮเดรนเยียร์ที่นี่จะบานตลอดทั้งปี เพราะอากาศที่หนาวตลอดทั้งปีนั่นเอง
แอบเสียดาย ที่สองสามวันมนี่ ฝนตกตลอด ทำให้ดอกไฮเดรนเยียร์สีฟ้า เปลี่ยนสีไปเพราะเริ่มช้ำและเหยี่ยว
แต่ยังไงมันก็ยังสวยมากอยู่ดี
ขากลับเราก็ใช้แท็กซี่คันเดิมที่ไปส่งนั่นแหละค่ะ บอกให้เขารอ โดยเริ่มคิดค่ามิเตอร์กันใหม่
รอบแรกปริ้นใบเสร็จออกมาเก็บไว้ จนขากลับก็กลับไปส่งเราที่โรงแรม
และรอเราทานอาหารเช้าเสร็จ แล้วจะไปสนามบินต่อ ด้วยการคิดค่ามิเตอร์ใหม่เช่นเดิม
และปรากฎว่า พวกเราเกิดเปลี่ยนใจ เพราะเวลายังมีเหลืออีกพอสมควร
ก็เลยออกมาบอกแท็กซี่มา จะขอจ่ายเงินค่าแท็กซี่ก่อนทั้งหมด แต่พวกเรายังไม่กลับสนามบินนะ
จะไปร้านคาเฟ่ก่อน โดยจะเดินไปเพราะห่างจากที่พักไม่ไกลมาก แล้วค่อยนัดเวลามารับเราใหม่
พี่แท็กซี่ก็ใจดีสุด ๆ บอกว่ายังไม่ต้องจ่ายเงิน ให้เราไปเที่ยวก่อนได้แล้ว เดี๋ยวถึงเวลาเขามารับ ที่หน้าโรงแรม
เฮ้ย ! แบบนี้ก็มีด้วย วันนี้ไม่โดยหลอก แต่เจอคนเป๊ะค่ะคุณ และใจดีด้วย ช่วยเราหลายอย่างเชียว
มาถึงร้านคาเฟ่ อีกหนึ่งร้านที่เรามา ชื่อว่า An café บอกแล้วว่าเมืองนี้เป็นเมืองแห่งคาเฟ่จ้า
จากการนั่งรถผ่านคือมีเป็นร้อยๆ ร้าน ทั้งเล็กใหญ่ และร้านนี้เป็นอีกร้านที่ไม่ควรพลาด สวย ชิลล์ เราชอบอะไรแบบนี้
จบแล้วทริปดาลัดของเราแบบ หนาวๆ ชิลล์ ๆ โดนโกงไปนิดนึง ถือว่าทำให้เราได้ครบทุกรสชาติ
ไม่โดนโกงสิแปลก เดี๋ยวจะหาว่าไปไม่ถึงเวียดนาม
ถ้าให้สรุปสำหรับเรานะ เอาความรู้สึกของเราสองคนนะ ไม่ได้ถามเพื่อนคนอื่นเลย
เราโคตรชอบดาลัดเลย ถ้าให้ไปอีก ก็ไปนะ ชอบอากาศที่หนาวๆ
ชอบบ้านเมืองที่มีความหลากหลาย มีความเป็นยุโรป มีความชิลล์ ความสโลว์ไลฟ์
แต่จะคึกคักมากเป็นพิเศษบนท้องถนน ค่าใช้จ่ายถูกมาก อาหาร กินได้ ถือว่าไม่ลำบาก หรือยากจนเรากินไม่ได้
และผู้คนไม่ได้ขี้โกงไปหมดซะทุกคน เรายังได้เจอคนดีๆ มีน้ำใจ
ไปเหอะ !!! แล้วคุณก็จะกลับมาบอกคนอื่นเหมือนเราว่าชอบดาลัด
สรุปค่าใช้จ่ายในทริปนี้
-ค่ารถ taxi 2 คัน =400,000 ดอง
– ค่าทางด่วน หรือค่าอะไรสักอย่าง = 80,000 ดอง
-ค่าเช่ารถพร้อมคนขับ 1 วันในดาลัด และ ไปกลับมุยเน่ = 6,800,000ดอง
– ค่าทัวร์ 4 ที่เที่ยวในมุยเน่ 75 us
-ค่าอาหารเย็นร้านหอย = 1,611,000 ดอง
-ค่ารถพร้อมคนขับสำหรับพาเที่ยวันแรกช่วงบ่าย =400, 000 ดอง
– ค่าเข้าสถานีรถไฟ = 40, 000 ดอง
-ค่าข้าวกลางวันร้านไก่ย่าง =2,204,000 ดอง
– ค่าเข้าที่ถ่ายรูปมือ = 240,000 ดอง
ค่าใช้จ่ายด้านบน หาร 8 = 11,775,000 ดอง คนละ 1,471,875 ดอง
และค่าเงิน US 75 เหรียญ = 2,500 บาท หาร 8 ประมาณ 313 บาท
…………………………
– ค่าเข้าน้ำตก 270,000 ดอง
– ค่า Roller coster 540,000 ดอง
– cable car 540,000 ดอง
-ค่ารถไปมุยเน่เพิ่ม =1,800,000 ดอง
-ค่าอาหารซีฟู๊ดมุยเน่ = 920,000 ดอง
-ค่าอาหารเย็นระหว่างทางกลับ = 400,000 ดอง
-ค่าเข้า Garden Hydrangeas = 135,000 ดอง
-ค่ากาแฟร้าน an = 450,000 ดอง
-ค่ารถ taxi ไปทุ่งดอกไม้ และสนามบิน 2 คัน = 1,670,000
ค่าใช้จ่ายหาร 9 คน = 6,725,000 ดอง คนละ 747,222 ดอง
วันแรก 1,471,875 + วันที่สอง 747,222 = 2,219,079 ดอง คิดเป็นเงินไทย 3,182 บาท + 313 บาท
สรุปทริปนี้ค่าใช้จ่ายระหว่างทริปต่อ 1 คน = 3,495 บาท
ทั้งนี้ยังมีค่าจิปาถะอีกเล็กน้อยพวกเครื่องดื่ม และขนมที่แยกกันซื้อตามความชอบ คนละไม่เกิน 200 บาท
ราคานี้ยังไม่ได้รวมตั๋วเครื่องบิน และที่พักนะคะ
ติดตามเรา Nui ka ton แฟนพาเที่ยว
Fanpage : https://www.facebook.com/MyLifeMyTravels
WebSite : www.mylifemytravels.com
Youtube : https://goo.gl/0bnw9a
Instagram: https://goo.gl/G7qsVC
….
สนใจติดต่องานได้ที่
E-Mail : mylifemytravels@gmail.com
Tel. : 094-5929142
#แฟนพาเที่ยว #mylifemytravel #NuiKaTon #Coupletravelers