4 วัน 3 คืน เที่ยวกระบี่ – หลากสไตส์ กับ 3 ที่พัก หลายสถานที่ท่องเที่ยว

 

 

ไปกระบี่ด้วยกันมั๊ย? ใครจะไปยกเมือขึ้น

ปีที่แล้วนุ้ยเดินทางไปเที่ยวกระบี่ ถึง 3 ครั้งด้วยกัน

เมื่อก่อนเคยตั้งคำถาม เวลามีคนชวนไปกระบี่

ไปทำไมค่ะ กระบี่มีอะไร

แต่ไปๆ มาๆ ชักติดใจแล้วสิ เพราะยังมีอีกตั้งหลายที่ ที่ยังไม่เคยไป

และนี่ก็เป็นอีกครั้ง  สำหรับการไปเที่ยวจังหวัดกระบี่

กับทริป กระบี่ – หลากสไตส์ 4 วัน 3 คืน

ด้วยคอนเซ็ปต์นี้

นอนหรู กินข้างถนน นอนชิคๆ กินหรูๆ นอนชิลๆ สัมผัสวิถี

 

พร้อมแล้ว  ออกบินกันเลยค๊าาาาาา

 

ปล. อย่าลืมแวะเวียนไปทักทายกันอีกหนึ่งช่องทางนะค่ะ

https://www.facebook.com/MyLifeMyTravels/

 

วันนี้การเดินทางของนุ้ย เริ่มต้นจากรุงเทพ  มุ่งหน้าสู่กระบี่

ด้วยสายการบินบูทีคแอร์ไลน์  บางกอกแอร์เวย์นั่นเอง

หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว  ไปนั่งรอเวลา กันในห้องรับรองได้เลยค๊าา

มันเด็กกว่าสายบินอื่นก็ตรงนี่แหละ

 

 

 

 

 

 

 


 

 

 

 

 

 

 

และพลาดไม่ได้เลยกับ ข้าวต้มมัดในตำนาน  หรือทางใต้เรียกกันว่า เหนียวห่อกล้วย

ใครได้กินเป็นต้องติดใจกับความหอมหวาน เหนียวนุ่ม

ขนาดเหินฟ้าวันนี้ …อาหารของเราคือ ปลาผัดฉ่า กับข้าวสวยร้อนๆ นุ่มๆ

ยังไม่ทันได้หลับ ก็ถึงสนามบินกระบี่ซะแล้ว

เมื่อมาถึง ปลายทางแรกของนุ้ย คือ อ่าวนางค่ะ

เนื่องจาก ครั้งก่อนโน่นเลยเคยพาไปกินแบบพุงกาง กับร้านอาหารอร่อยในเมืองกระบี่มาแล้ว

รอบนี้ขอย้ายที่เที่ยวที่กิน ที่นอน มาอ่าวนางกันบ้าง

 

เนื่องจากนุ้ยเดินทางมาถึงตอนเย็น  ระหว่างทางเข้าโรงแรม

ผ่านหน้าหาด เห็นพระอาทิตย์กำลังตก  นุ้ยรีบเก็บข้าวของ แล้วปั่น ปั่น มาหน้าหาดทันที

ปั่นไปรอบๆ ดูร้านรวงต่างๆ

ผู้คนคึกคักเลยทีเดียว

แต่สุดท้าย เราก็มาหยุดอยู่ที่ตรงนี้

 

ที่นี้ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของอ่าวนาง

รูปปั้นปลาใบขนาดยักษ์

เป็นศูนย์รวมผู้คนเลยก็ว่าได้

คึกคักในยามเย็น ท่ามกลางบรรยากาศ ที่ในความรู้สึกนุ้ยบอกว่า

“โรแมนติก”

และแล้วเราสองคน ก็ปลีกตัวออกมานั่ง s – l – o – w   life นะจุดนี้

หวีทหวานตามประสาเราหล่ะ   ….  การนั่งมองดูฟ้า ดูทะเล

เป็นช่วงเวลาที่เราใช้ความเงียบ หล่อหลอมความสุข

แต่การนั่งมองคนอื่นมีความสุข …  ก็สุขไม่แพ้กัน

นั่งเล่นจนอาทิตย์คล้อยลับขอบฟ้า  … นุ้ยก็ได้ปั่นจักรยานกลับไปยังที่พัก

กลับมาดูที่พักของเราในคืนแรกที่อ่าวนางกันก่อนดีกว่า

ก่อนที่จะออกไปเริงร่า  กับ street night

และคืนนี้ นุ้ยนอนที่นี้ค่ะ Pakasai resort

ปากาสัย รีสอร์ท ตั้งอยู่บริเวณอ่าวนาง อาจจะไม่ใช่บริเวณหน้าหาดซะเลยทีเดียว

แต่เดินออกจากซอยเพียงไม่กี่ก้าว เหงื่อยังไม่ทันไหล

เราก็จะได้เจอกับทะเลกว้างใหญ่แล้ว

มาดูห้องพักกันบ้าง

ห้องกว้างขวางเลยทีเดียวค๊าา

และเซ็กซี่มากๆ กับอ่าง bathtub ที่อยู่บริเวณ ระเบียง หลังห้อง

ห้องน้ำ แบ่งโซนแต่งตัว โซน อาบน้ำเปียกแห้ง ชัดเจน

หลังจากพักผ่อน เก็บภาพห้องพักนิดๆ หน่อยๆ แล้ว ทีนี้ก็ถึงคราว

ออกไปตามหาของอร่อยเข้าท้องกันแล้วค๊าาา

วันนี้นุ้ยตั้งใจไปเดินเล่น street night

แต่ก็แอบทำใจไว้แล้วนะว่า เราต้องเจออาหารแพงๆ แน่ๆ

แต่ไม่เป็นไร .. บอกตัวเองว่ามาเที่ยวอย่า “งก”

นุ้ยเดินออกมาจากที่พัก และเดินเล่นมาเรื่อยๆ

เพราะเริ่มมีของตั้งวางขายตั้งแต่หน้าบริเวณที่พักเลย

เดินผ่านร้านนี้จากอีกฟากของถนน ก็แอบสงสัยว่าร้านนี้เป็นร้านดังแน่เลย

เพราะผู้คนคับคั่งเหลือเกิน…จึงข้ามไปดูให้หายสงสัย

ผลเป็นแบบนี้ค๊าา

คนเยอะเพราะราคาถูกนี่เอง ของดีและถูก ท่ามกลางอ่าวนาง

ยังมีอยู่นะจะบอกให้

แต่นุ้ยก็ยังคงเดินเล่นต่อไปเรื่อย ดูโน่นนี่นั่น

  

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ไม่คิดเลยว่า ย่ามค่ำคืนคนเยอะเหมือนกัน

มีทั้งไทยและเทศ

และในจุดนี้ รูปปั้นปลาใบ ผู้คนยังคงไม่ไปเยอะ

ยังเยอะเหมือนในช่วงเย็น

 

แอบถ่ายรถพ่วงสามล้อ น่ารักมากๆ

ลายคิตตี้ แอบบมองหาเจ้าของ

ว่าเอ้ !  ใครหนอเจ้าของรถน่ารักคันนี้

ร้านอาหารซีฟู๊ดก็มีอยู่หลากหลาย เรียงรายอยู่ริมถนน

แต่แล้วนุ้ยก็เดินมาเจอ โซนนี้

อาหารแนว street night รับประกันความถูก

ทุกอย่าง ทุกร้านราคาใกล้เคียงกันหมดเลย  50-60 บาท

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

และนักท่องเที่ยว มาซื้ออาหารจุดนี้เยอะมากๆ  เพราะมีความหลากหลาย

และราคาเบาๆ  ซึ่งต่างกับตอนแรกที่นุ้ยคิด

ว่าในเมืองท่องเที่ยวแบบนี้… ต้องมีแต่ของแพงแน่ๆ

แต่ที่นุ้ยชอบและปลื้มมาก คือเจ้านี้เลย

ไอศครีมกระทิ …ข้าวเหนียวมะม่วง  ชุดนี้ 50 บาท

คนอื่นว่าแพงหรือเปล่าไม่รู้…สำหรับนุ้ยมันล้ำและถูกมาก ข้าวเหนียวนุ่ม มัน หอม หวาน

ไอศครีมถึงกะทิมาก  และปิดท้ายด้วยมะม่วงน้ำดอกไม้ หวานหอม 

ร้านนี้เลยค๊าาา…มีโรตีด้วยนะ มีหลายอย่างมากๆ   แต่อุดหนุนไปแค่อย่างเดียว

วันนี้เราต้องกระจายรายได้ค่ะ

เลือกๆ ซื้อๆ  แปบเดียวเท่านั้น เราก็ได้มาเต็มมือเลย

และผัดไทยเจ้านี้ แยกตัวออกมาอยู่โดดเดี่ยว

แต่พ่อค้าไม่โดดเดี่ยวเลยค่ะ เพราะลูกค้าเยอะมาก ล้อมหน้าล้อมหลัง

แต่นุ้ยดันซื้อของกินมาเยอะแล้ว …เลยอด

ขากลับก็เดินผ่านร้านค้าอีกมากมาย

สินค้าไม่ได้มีความหลากหลายมากนัก

แต่ละร้านขายคล้ายกัน … แต่ สำหรับการมาทะเล ของที่ต้องใช้

ของฝาก มีให้เลือกแบบไม่ขาดเลย

และปิดท้าย ของค่ำคืนแรกในอ่าวนาง

ด้วยน้องนางคนสวย ที่มาเดินชวนเชิญ ให้นักท่องเที่ยวแวะเข้าไป

การแสดง….. ตอนขอถ่ายรูป น้องก็บอกว่า มาถ่ายคู่กันค่ะ

นุ้ยตอบไปว่าไม่เอา นุ้ยอาย…นุ้ยสวยสู้ไม่ได้เลย  น้องสวยมาก

และเช้าอีกวันนุ้ยยังคงอยู่ที่ปกาสัย …แบบตื่นสายมาก

ก็วันพักผ่อน เราไม่ต้องเร่งรีบมากมายนัก เพราะทริปนี้นุ้ยไม่ได้เน้นทะเล

เน้นชิลล์ เน้นฟิน เน้นความแตกต่างจากที่เคยมาครั้งก่อน

วันนี้ทั้งวัน เลยนอนเล่นอยู่ในที่พัก

ตื่นมาแบบสาย ๆ  เติมพลังให้ร่างกายกันก่อน ด้วยมื้อเช้าที่รีสอร์ท

เบาๆ ไม่หนักมาก

และดูคล้ายว่าจะมีประโยชน์มากๆ

แต่พอเอาเค้าจริง หาคอนแฟลคไม่เจอค่ะ เพราะหนักเครื่องมาก

อร่อยฟิน ตามแบบของนุ้ย

และใช้เวลาที่เหลือ ดำผุดดำว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำ

ก่อนเช็คเอ้าท์  นุ้ยเลือกทานอาหารเที่ยงที่โรงแรมค่ะ

เน้นง่ายๆ เหมือนเดิม

กับเครื่องดื่มแก้วโประ เวอจิ้นโมฮิโต้

แต่ของชายต้น เขาจัดหนักเหมือนทุกที กะอิ่มยาวถึงเย็น

สำหรับผู้หญิงรักสุขภาพแบบนุ้ย (หราาาาาาาาาาาา  ลากเสียงยาวๆ)

เมนูนี้เด็ดจริง สลัดฟักทองย่างเสิร์ฟมาพร้อมผักนาๆ ชนิด  ลูกเกด และน้ำสลัดฟักทอง

ในช่วงบ่าย นุ้ยย้ายที่พัก ที่หลับที่นอน ไปนอนอีกโรงแรม

ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากกันมากนัก …เพียงแค่คนละซอย

แต่ความแตกต่างมีเยอะเลยทีเดียวค่ะ

 

และอีกนหนึ่งโรงแรม อีกหนึ่งสไตล์ คือที่นี้ค่ะ Red Gin Ger Chic Resort

เป็นโรงแรมชิคๆ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่  ห่างจากหาดเพียงนิดเดียวเหมือนกัน

ห้องพักขนาดกำลังดี ตกแต่งแบบเรียบง่าย

แต่แน่นไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบครัน

มีเก้าอี้ตั้งอยู่ บริเวณระเบียงห้อง ระเบียง กว้างพอควรเลยหล่ะ

แม้ขนาดจะไม่ได้ใหญ่โต.. แต่สระว่ายน้ำเขาใหญ่นะจ๊ะ

 

ไปขี่ม้าบินกันเถอะ

สรุปแล้วทั้งวันนุ้ยใช้เวลาพักผ่อนอยู่ในโรงแรมสองโรงแรมแบบเต็มที่มากๆ

แอบเดินโฉบมาดูห้องอาหร เก๋ ชิคอย่าบอกใครเลยทีเดียว

สีสันพี่เขามาเต็มจริงๆ

 

มาถึงมื้อเย็นของวันนี้

หลังจากที่เมื่อวานเราไปเราไปเอร็ดอร่อยกับ Steet food ราคาประหยัดกันแล้ว

วันนี้เราจะไปโรแมนติคแบบหรูหรา กันบ้าง ที่ร้าน แลเลกริล lae lay grill

ก็บอกแล้วว่ารีวิวนี้ กระบี่ หลากสไตล์

ทำไมต้องร้านนี้  ต้องบอกเลยว่า บริเวณอ่าวนางจะมีร้านอาหาร

อร่อยๆ ดังๆ เพียงไม่กี่ร้าน และร้านนี้ก็คือหนึ่งในนั้น

ที่สำคัญคือวิว โคตรสวย  ด้านนึงเป็นวิวภูเก็ต และอีกด้านหนึ่งเป็นวิวทะเล

แค่วิวก็กินขาดแล้ว….มุมนี้เราสามารถเห็นพระอาทิตย์ตกได้ด้วยน๊าา

หวีทหวาน โรแม๊น สุดๆ ไปเลย

นุ้ยแนะนำว่าให้จองไปก่อนล่วงหน้าจะดีงามมาก

เพราะ โต๊ะ วิวสวยมักจะไม่ว่าง และจองตัดหน้าเราไปแล้วเรียบร้อย

มาดูบรรยากาศในร้านกันบ้าง

สีสัน แซ่บอย่าบอกใครเชียว

คล้ายว่าจะแบ่งเป็นสองโซน คือส่วนที่มีหลังคา และไม่มีหลังคา

แต่โอเพ่นแอร์เหมือนกันค่ะ  มาเที่ยวโซนทะเลแบบนี้ แอร์ไม่จำเป็น

สูดอากาศเข้าไปให้เต็มปอด ก่อนไปเจอมลพิษในเมือง

 

 

 

 

 

 

 

 

เป็นไงละ วันนี้อาหารของเราเด็ดจริง อ้วนจริง อร่อยจริง

จานนี้เป็นหมูฮ้อง คล้ายๆ ของภูเก็ต แต่จะแตกต่างกันตรงรสชาติ

เพราะมีสามรส มีรสเปรี้ยวเพิ่มเติมเข้ามาด้วย อร่อยดีค่ะ

เมนูนี้คือหอยดเชลล์ราดซอสเอ็กโอ    สงสัยละสิว่าซอสเอ็กโอคืออะไร

นุ้ยก็ไม่รู้หรอก แต่จะเป็นคล้ายเครื่องแกงผัด และมีเนื้ออะไรบางอย่าง  แต่อร่อย นุ้ยฟาดเรียบ

เมนูนี้ปูม้าคั่วไข่เค็ม

ไข่เค็มมาเน้นมากอร่อยดีค่ะ แต่แห้งไปสักหน่อย  ปูม้าสดเว่อ

ปลากระพงทอดน้ำปลา

ไม่ต้องพูดถึงความสด เพราะอยู่ติดทะเลซะขนาดนี้

ทอดได้กรอนอก นุ่มในมาก ฟิน ละลายในปาก

และเมนูสุดท้าย ดูคล้ายนุ้ยจะแอบรักสุขภาพอีกแล้ว

สลัดผลไม้กุ้งลายเสื้อ

ค่ำคืนอันแสนหวาน และโรแมนติก ได้ผ่านพ้นไป

เช้าอีกวัน เหมือนเปลี่ยนเป็นโลกอีกใบ

เพราะนุ้ยกำลังจะเดินทางไปชุนชนเกาะกลาง

เป็นอีกหนึ่งเกาะของจังหวัดกระบี่ค่ะ

ซึ่งอยู่อยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ เพียงแค่มองเห็นเท่านั่น

นั่งเรือข้ามฟากเพียงแค่ 5 นาที

ซึ่งการเดินทางไปยังเกาะกลาง  นุ้ยไปลงเรือ ที่ท่าเรือธาราค่ะ

***ย้ำว่าธาราเรือนะค่ะ เพราะเป็นท่าเรือที่ส่งคนข้ามฟากค่าเรือเพียงแค่ 10 บาทต่อคนเท่านั้น แต่ถ้าเหมาลำเลยเพื่อข้ามฟากจะ เหมาที่ 40 บาทค่ะ ****

ถามว่าทำไมถึงย้ำ เพราะบางที บางท่าเรือไม่ได้มีเรือข้ามฟาก แต่จะเป็นเรือนำเที่ยวรอบเกาะกลาง พาไปร้านอาหาร

ซึ่งค่าเรือจะตกอยู่ประมาณ 500-800 บาท เลยทีเดียว

แต่เราจะได้เที่ยวตามจุดต่างๆ เขาขนาบน้ำ อะไรประมาณนี้

แต่ทริปนี้ ไม่เน้นค่ะ ข้ามฝั่งอย่างเดียวเลย  10 บาทเท่านั้น

และนี่เลยค่ะ ยานพาหนะ ยอดนิยมบนเกาะกลาง

เท็กซี่แบบเก๋ๆ กินลมชมวิวได้

อัตราราคาค่าบริเการจะมีติดไว้ชัดเจน หรือจะลองต่อรองตกลงกันก็ได้น๊า เพื่ออกนอกเส้นทาง

บนเกาะกลางแห่งนี้ ไม่มีรถยนต์ ไม่ต้องกลัวฝุ่นควัน มลพิษมากมาย

แผนที่ท่องเที่ยวชุนชนเกาะะกลางค่ะ

cr.รูปแผนที่จากรีวิว Fozanu

มีคำถามว่า …เกาะกลางมีอะไรค่ะ

เที่ยวได้เหรอ..มีอะไรให้กินบ้าง

มีอะไรน่าสนใจมั๊ย..แล้วมีที่พักหรือเปล่า

เอาเป็นว่า เราไปเข้าที่พักก่อน แล้วนุ้ยจะพาทุกคนไปเที่ยวเกาะกลางกันแบบทุกซอกทุกมุ

และนั่นหมายความที่บนเกาะกลางแห่งนี้ มี่ที่พักชัวร์  มีทั้งแบบรีสอร์ท และโอมสเตย์

แต่ครั้งนี้นุ้ยเลือกพักที่นี้ค่ะ Islanda Hideaway resort 

ซึ่งตั้งอยู่เกือบท้ายเกาะเลยค่ะ

อยู่ติดชายหาดเลยทีเดียว มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่

แอบมีอึ้งนิดๆ ที่บนเกาะกลาง ชุมชนเล็กๆ แห่งนี้ มีรีสอร์ท ที่สวยขนาดนี้

กว่าจะเดินทางมาถึงรีสอร์ท ก็เที่ยงพอดีค่ะ เพราะนุ้ยมัวแต่ดูโน่นดูนี่ตลอดทาง

เราต้องทานอาหารเติมพลังกันก่อน

น้ำมะพร้าว เข้ากั๊น เข้ากัน กับทะเลเป็นที่สุด

เมนูง่ายๆ แต่ทำเอาฟินเลย กระเพราะเนื้อ (บนเกาะแห่งนี้ไม่มีหมูนะจ๊ะ เพราะเป็นชุมชนอิสลาม)

และเมนูโปรด(โปรดตั้งแต่เมื่อไหร่รู้) สลัดผลไม้กุ้งกรอบ

กินแต่พองาม เข้าห้อง หลับสักงีบก่อน

บอกได้คำเดียวว่า สวยมาก

และวิลล่าที่นุ้ยพักเป็น Beach front

ห้องแต่งตัว ที่แยกออกมาจากห้องนอน มีทุกอย่างไว้พร้อมในห้องนี้

และที่กรี๊สมาก คือห้องน้ำค๊าา

ตกแต่งได้เข้ากับบรรยากาศชาวเกาะมาก กั้นด้วยระแนงไม้

เปิดโล่ง และที่เด็ดที่มีตุ่มน้ำด้วย

และที่ทำให้นุ้ยอ้าปากค้างได้คือ

อ่างหลังห้องนี่แหละค่ะ  จะเซ็กซี่ไปไหนค่ะเนียะ

หลับไปงีบใหญ่  ตื่นมาได้เวลาออกไปเยี่ยมชมเกาะกลางกันแล้ว

ตอนเย็นเราสองคนออกปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ เพราะทั้งเกาะมีถนนเพียงเส้นเดียว

ที่ทอดยาว ให้เรามุ่งไปข้างหน้า

ที่นี้มาทำความรู้จักกับชุมชนเกาะกลางกันแบบเน้นๆ ดีกว่า

“เกาะกลาง” เป็นชุมชนเล็กๆ ตั้งอยู่ตำบลคลองประสงค์ อำเภอเมือง จ.กระบี่

มีหมู่บ้านทั้งหมด 3 หมู่บ้าน

ห้อมล้อมด้วยผืนปาชายเลนที่อุสมบูรณ์

ผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะกลาง ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิม

อาชีพหลักๆ คือการทำประมง และเกษตรกรรม

สาระมากไม่ดี  ไปเที่ยวกันดีกว่า

ปั่นจักรยานจนมาถึงสะพานจุดนี้  เป็นโค้งน้ำที่สวยมากๆ เลยค่ะ

บริเวณนี้ในวันที่น้ำลด จะมีชาวบ้านมาสักหอยกันเยอะ  

ซึ่งการสักหอย ก็คือการขุดหอยนั่นเองค่ะ

ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่นิยม่กัน บนเกาะกลางแห่งนี้ 

หอยที่พบมากในบริเวณนี้ หอยหวาน หอยราก หอยเม็ดขนุน หอยจุ๊บแจง

หอยหลักไก่ หอยแครง หอยปากหนา หอยแว่น  นานาชนิดเลยค่ะ

นอกจากธรรมชาติ ที่สวยลงตัวลง แสงอ่อนๆ ในยามเย็น บริเวณนี้

ยังให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิต และพูดคุยกับชาวบ้านอีกด้วย

ที่เห็นอยู่นี่คือเรือหัวโทง ชาวบ้านจะใช้เป็นยานพาหนะ ในการเดินทาง

อีกทั้งคือหัวใจหลักในการทำการประมวงเลยหล่ะ

ปั่นพอเหนื่อย ขาเริ่มเมื่อย นุ้ยได้ลงไปพูดคุยกับบัง

ถามถึงการทำมาหากิน  บังบอกว่า คนบนเกาะยังยึดอาชีพประมงเป็นหลัก

การออกทะเลแต่ละครั้ง จะไม่สามารถระบุเวลาได้

เพราะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของน้ำขึ้นน้ำลง ข้างขึ้นข้างแรม

…แต่ถ้ามาถามเด็กปัจจุบันอย่างเราๆ จะรู้มั๊ยหน่อ ว่าข้างขึ้นข้างแรมคืออะไร

วันนี้บังจะออกทะเลในตัวหัวค่ำ นั่นหมายความว่า เย็นๆ แบบนี้

ยังจะต้องจัดเตรียมข้าวของ อุปกรณ์ ให้พร้อม

และเรือหัวโทงลำนี่แหละที่จะพา บังและลูก ออกไปสู่กลางทะเล 

ถามบังว่า …กลัวมั๊ยที่เราอยู่ในเพียงเรือลำเล็กๆ แต่ทะเลแสนกว้างใหญ่ 

บังบอก กลัวทำไม .. มันคืออาชีพ คือวิถีชีวิต ที่ทำกันมาตั้งแต่รุ่นตายาย 

  และผู้คนบนเกาะกลางส่วนใหญ่จะเป็นวัยเด็ก และผู้ใหญ่จนถึงวัยชรา  

ไม่ค่อยมีวัยรุ่นมากนัก เนื่องจากออกไปศึกษาเล่าเรียน และทำงาน…

และวันนี้เราได้เพื่อนใหม่หนึ่งคน ….. ที่มัวแต่เขิน ไม่ยอมบอกชื่อ

แต่พอถามว่าทำอะไร พูดจาเป็นต่อยหอยเลยทีเดียว 

เพื่อนใหม่ของนุ้ยบอกว่า เขากำลัง หาปู ตอนนี้ได้มา 2 ตัว 

อันที่จริงก็ไม่ได้หาหรอก เพียงแค่เอาไซ โยนใส่ไว้ในคลองทิ้งไว้แล้วค่อยมาดู

และไม่นานเท่านั้น ได้ปูมาถึงสองตัว 

บอกให้เรารู้ได้ว่า …ที่นี้ยังคงสมบูรณ์มากๆ 

และเพื่อนตัวเล็กของเราอีกหนึ่งคน …นู๋ไม่พูด นู๋ยังพูดไม่ได้  แต่นู๋ชอบกล้องนะครับ

พูดคุยกับเพื่อนใหม่อยู่พักใหญ่ แสงตะวันเริ่มอ่อนลง นุ้ยรีบปั่นจักรยานกลับมาที่พัก 

เพื่อมาดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบนี้หน้าวิลล่า

 เมฆเยอะไปสักนิด แต่ก็ยังมีแสงลอดมา

 และที่สวยที่สุดคงเป็นมุมนี้ เป็นอีกหนึ่งรีสอร์ท

ที่มีสระว่ายน้ำสวยและฟินมากๆ 

เผลอแปบเดียว แสงก็หายไป บรรยากาศเงียบๆ ของที่นี้ 

กับลมที่โชยมาตลอดเวลา .. ทำให้มีความสุขได้ไม่น้อย 

 

ทำให้ช่วงเวลาในการเดินเล่นถ่ายรูป มีความสุขมากขึ้น

บริเวณล็อบบี้ ของรีสอร์ท จะเป็นแบบโอเพ่นแอร์ เพื่อให้เราได้สัมผัสธรรมชาติ จริงๆ

ทางเดินทอดยาวไปยังบริเวณชายหาด 

เห็นแล้วจะรออะไร …. หาไวน์สักแก้วไปนั่งชิลล์กันเถอะ 

แต่สำหรับนุ้ยอารมณ์นี้  ขอเบียร์เย็นๆ สักแก้วก็พอแล้ว

  

เงียบแต่ไม่เหงา   กับโคมไฟเก๋ๆ

หมดเวลานั่งชิลล์ ได้เวลาเข้านอน 

เช้าอีกวัน รู้สึกตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง 

ธรรมชาติรอบตัวปลุกนุ้ยให้ลุกขึ้นมา

ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ …ใครจะกล้านอนกินบ้านกินเมือง 

สะสางร่างกาย เติมพลังให้เต็มท้อง

อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์  แต่นุ้ยเลือกทานง่ายๆ 

ข้าวต้มกุ้งร้อน 

 

และสิ่งที่ขาดไม่ได้ในทุกเช้า คาเฟอีน ที่ร่างกายเสฟมันเข้าไป จนถึงขั้นที่

เรียกได้ว่า ติด… แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้นุ้ยยิ้มได้ทุกครั้ง 

เวลามีค่า … ออกไปสำรวจโลก 

เฮ้ย … ออกไปสำหรับเกาะกลางกันต่อดีกว่า 

ท้องถนนของที่นี้  ไม่ได้มีสิงมอไซค์ เป็นเจ้าถนนนะค่ะ 

แต่มีแพะ เป็นเจ้าถนน  เพราะตลอดเส้นทาง จะเจอเยอะมาก 

แพะที่นี้คุ้นคนมาก ไม่กลัว และไม่น่ากลัว (แล้วแพะที่ไหนน่ากลัว )

บ้านเรือน ตามเส้นทาง 

 และปลายทางแรกของนุ้ยวันนี้คือ ไปดูการทำผ้าปาเต๊ะของกลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้าปาเต๊ะ 

ซึ่งกลุ่มนี้ มีมาตั้งแต่ พ.ศ.2547 เลยทีเดียว เพื่อเป็นรายได้เสิรมจาก การทำประมง

จนทุกวันนี้กลุ่มผ้าปาเต๊ะ ได้กลายเป็นกลุ่มที่เข้มแข็ง และสร้างได้รายหลักให้กับครอบครัว

บริเวณนี้จะเป็นบริเวณร้านค้า ที่ขายผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม 

และนี่คือโรงผลิตผ้าปาเต๊ะค่ะ เราไปดูขั้นตอนการทำกัน

แต่วันนี้ เป็นวันที่มีนักเรียนมาทัศนศึกษา เรียนรู้  

เอาเป็นว่าเราเนียนๆ ทำหน้าเด็ก กลมกลืนไปเนอะ

โดยมีม๊ะ เป็นคนดูแล และช่วยสอน 

เมื่อเรารู้ความจริงแล้วว่า หน้าตาเราไม่สามารถกลมกลืนได้  

นุ้ยจึงปลีกตัวมาเป็นจิตรกร ซะเองเลย  พูดซะดูหรู 

ที่จริงคือมานั่งระบายสีค่ะ  เพราะจะมีผ้าเช็ด และผ้านุ่งให้เราเลือกระบายสีได้เอง 

ราคาผ้าเช็ดหน้าผืนละ 30 บาท ผ้านุงผื่นละ 300 บาท 

ศิลปะ …นอกจากสวยงามแล้ว

ยังทำให้เราใจเย็นขึ้นด้วย … 

และทำให้นุ้ยรู้ว่า …พอแก่ตัว จินตนาการ และสมองมันเริ่มช้า 

นั่งคิดนานสองนาน อันไหนกลีบ อันไหนใบ ดอกแคทรียา มันสีอะไรหว่า 

แต่ศิลปะ… ไม่มีผิดถูก ….เพราะฉะนั้น อย่าคิดเยอะ เดี๋ยวจะออกมาสวยเอง 

เสร็จแล้วออกมาสวยเลยทีเดียว (ทำเองชมเอง)  

ทำภาพเบลอๆ เห็นแค่บางส่วนเท่านั้น 5555++

หลังจากที่เรา…เพ้อรำพัน กับศิลปะอันแสนสวยของตัวเองแล้ว  

นุ้ยเดินทางไปยังปลายทางต่อไป  กลุ่มผลิตภัณฑ์เรือหัวโทง 

 

  เข้ามาเราจะเจอกับ ร้านขายของฝาก ผลิตภัณฑ์ เรือหัวโทงก่อนเลยค่ะ

เรือหัวโทงจำลองทุกลำ เป็นผลิตแฮนด์เมด ซึ่งสวยมากๆ 

ราคาตั้งแต่หลักร้อยจนหลังหมื่นเลยค่ะ 

และนุ้ยเข้ามาด้านในเพื่อดูขั้นตอนการทำเรือหัวโทง 

    

เจอกับบังสมบูรณ์  ซึ่งเป็นเจ้าของที่นี้ และเป็นผู้ทำเรือหัวโทงจำลอง 

บังเล่าว่า  เริ่มต้นจากพ่อของบัง ทำเรือหัวโทงขนาดจริงขาย จนต่อมามีคน

แนะนำให้ลองทำเป็นแบบจำลอง บังได้เรียนรู้ วิธีมาจากพ่อ และทำเป็นอาชีพมาจนถึงปัจจุบัน

 

 

 

 

 

 

 

 

ชิ้นส่วนในการประกอบเรือหัวโทง

เรือตังเกก็มี

ใส่กล่องเป็นของขวัญของฝาก ดีงามเลยทีเดียว

ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านกันเลยทีเดียวค่ะ 

และทำให้รู้ว่า เราไม่ต้องทำอะไรที่มันไกลเกินเอื้อม ใหญ่เกินตัว 

ตัวในสิ่งที่มี ทำสิ่งที่เราถนัด ….. นี่แหละดีที่สุดแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

และปลายทางสุดท้ายของเราในวันนี้ 

คือกลุ่มชาวนาบ้านเกาะกลาง 

ระหว่างทางสวยงามเสมอ …. อยู่ที่ว่าเราจะหยุดมองดูมันหรือไม่ 

บรรยากาศท้องทุ่ง ….

 

ผ่านนาข้าวสังข์หยด   ตอนนนี้นาข้าวกำลังเขียวขจี กำลังออกรวง

หุ่นไล่กา ยังคงใช้ได้ผลดีกับที่นี้  

และแล้วเราสองคนก็อยากเป็นหุ่นไล่กาบ้าง …..

กว่าจะมาถึง …. เอื่อยตลอดทาง แวะทุกจุด ใช้คำให้หรูหน่อย

ว่า นุ้ย S l o w L i f e ระหว่างทาง  …. มีเรื่องราวให้เราตื่นเต้นมากมาย 

เดินให้ช้าลงอีกนิด 

 

กลุ่มชาวนาบ้านเกาะกลาง ยังเป็นศูนย์บริการ และเรียนรู้กับเทคโนโลยีการเกษตรีประจำตำบลอีกด้วย

เพื่อถ่ายทอดให้กับผู้ที่สนใจ และชาวบ้าน 

และที่นี้คือทำการ บ้านของบังประวัติ หัวหน้ากลุ่ม  

ข้าวส่วนใหญ่ ของที่นี้คือข้าวสังข์หยด 

ซึ่งตามคำบอกกล่าว ทั้งประเทศมีที่ปลูกข้าวสังข์หยดเพียงสองที่เท่านั้น 

คือที่นี้ และจังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวที่มีลักษณะสีแดง หรือสีแดงอมม่่วง

และข้าวสังข์หยดของที่นี้จะหอมนุ่ม 

 

นุ้ยได้นั่งคุยกับบังประวัติ …

ทำให้นุ้ยรู้จักชีวิตมากขึ้นเยอะ 

บังยึดวิธีการดำเนินชีวิต ในแนวทางหลักเศรษฐกิจพอเพียง  ตามพระราชดำริของในหลวง

ทำให้กลุ่มชาวนาบ้านเกาะกลาง กลายเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง นอกจากปลูกข้าวแล้ว

ยังมีการปลูกผัก เลี้ยงปลา  เพื่อให้ทุกคนในชุมชน  

เลี้ยงดูตนเองได้ โดยไม่มีหนี้สิ้น 

ซึ่งฤดูการดำนา จะอยู่ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน 

และเก็บเกี่ยวในเดือนธันวาคม – มกราคม 

ในช่วงเวลาที่เหลือ ก็รับจ้างบ้าง ประมงบ้าง แต่ยังคงมีข้าวสารส่วนที่เหลือจากการขายไว้กินตลอดปี 

และนี่คือผลิตภัณฑ์ ของกลุ่มชาวนาบ้านเกาะกลางค่ะ  ที่นุ้ยซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน 

เป็นข้าวปลอดสารพิษ ที่หอมนุ่มมากจริงๆ 

หากต้องการความรู้เกี่ยวกับการทำนา หรือสนใจข้าวสังข์หยดปลอดสารพิษ

ติดต่อ บังประวัติ โทร. 086 -9434579

ทริปนี้ผ่านไปแบบเต็มอิ่มมากๆ 

หลากหลายอารมณ์  หลากหลายความรู้สึก

หลากหลายที่พัก หลากหลายที่เที่ยว 

แถมยังได้ความรู้ พวกแนวคิดการใช้ชีวิตมาเพียบ 

กระบี่ยังมีสถานที่อีกมากมายให้มาท่องเที่ยว ให้มาสัมผัสกันนค่ะ 

มากระบี่อย่าเที่ยวแต่ทะเลนะค่ะ 

เพราะ กระบี่ – หลากสไตล์ 

 

 

 

My Life My Travel

View Comments

  • ฝากแนะนำร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ ตั้งอยู่ในตัวเมืองกระบี่ ชื่อ " บ้านนายหัว รถเช่า กระบี่ " มีบริการ เช่ารถมอไซค์ (ไม่มีบริการจัดส่ง) มีแพคเกจทัวร์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในจังหวัดกระบี่ และจังหวัดใกล้เคียง สนใจ ทักเข้าไปได้ google search " nayhuarodchao ", หรือ google map " บ้านนายหัว รถเช่า กระบี่ " เจ้าของแนะนำแหล่งท่องเที่ยว การเดินทาง พร้อมแผนที่ให้ด้วยครับ.