เชื่อว่ามีเพื่อนหลายคน ที่ต้องเดินทางไปติดต่องาน หรือทำธุระต่างๆ ที่ กรุงเทพฯ บ่อยเหมือนนุ้ยแน่ๆ
และมักจะเกิดคำถาม ว่าพักที่ไหนดี ราคาเท่าไหร่ เดินทางยากไหม ไกลหรือเปล่า
วันนี้นุ้ยมี หนึ่งทางเลือกมาแนะนำกันคะ และรับรองได้ว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
เพราะนุ้ยได้รับความประทับใจจากที่นี้กลับมามากทีเดียวคะ นั้นคือ
Mode Sathorn Hotel Managed by Siam@Siam
ปล. หากเพื่อนเล่น FB สามารถติดตาม และพูดคุยกันได้อีกหนึ่งช่องทาง
ที่นี้เลยคะ My Life My Travel
การเดินทาง
สามารถไปได้หลายเส้นทาง และวิธี ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารสาธารณะ
แต่วิธีการเดินทางที่นุ้ยแนะนำคือ การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า เนื่องจาก สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องกังวลกับรถติด ไม่ต้องกลัวแท็กซี่พาเที่ยว ทั่วกรุงก่อนถึงโรงแรม และที่สำคัญคือ ที่ตั้งของโรงแรมอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS (สถานีสุรศักดิ์)
เรื่องการเดินทางได้ใจนุ้ยไปเต็มๆ คะ เพราะสะดวกมากๆ
L-O-B-B-Y
อู้ววว ….. ว๊าววววว
แค่ทางเดินเข้าสู่ Lobby ก็ทำให้ประทับใจแล้วคะ ดีไซน์ ได้สวยมาก
Counter Check in เป็นโต๊ะสีเหลี่ยม สามารถนั่งล้อมรอบได้เลยคะ
และหลังจาก Check in แล้ว เราจะได้รับ คีย์การ์ด และบัตร Welcom drink
ต่อจากนั้นจะมีพนักงานนำทางเราไปยังห้องพัก
R-O-O-M
Mode Sathorn มีห้องพักทั้งหมด 201 ห้อง แบ่งออกเป็น 5 แบบด้วยกัน
แบบแรก Business studio เป็น Type เริ่มต้นของที่นี้คะ มีทั้งหมด 23 ห้อง ขนาดห้องโดยประมาณ 21 ตารางเมตร
แบบที่สอง Deluxe Mode มีทั้งหมด 131 ห้อง ขนาดห้องโดยประมาณ 27-38 ตารางเมตร โดยจะมีให้เลือก 4 แบบด้วยกันคะ ซึ่งแต่ละแบบจะมีความแตกต่างในการดีไซน์
Urban Stylish Room, Multicul Tured Facet Westestern Room, Multicul Tured Facet Eastern Room, Metropolitan Chic Room
แบบที่สาม Executive Mode Type นี้จะมีทั้งหมด 43 ห้อง ขาดห้องโดยประมาณ 50 ตารางเมตร
แบบที่สี่ One Bedroom Suite ซึ่ง Type นี้มีเพียง 3 ห้องเท่านั้น ขนาดห้องกว้างถึง 70-90 ตารางเมตรเลยคะ
และแบบสุดท้าย มีเพียงห้องเดียวเท่านั้น คือ Presidential suite ขนาดห้อง 185 ตารางเมตร ชั้น 36 เป็นห้องที่เห็นวิวกรุงเทพฯ ได้สวยมากๆ เลยค่ะ
Multicul Tured Facet Eastern Room เป็นการตกแต่งโดยผสมผสานความเป็นตะวันออกเข้าไป ไม่ว่าจะม่าน มูลี่ลวดลายบนผืนผ้า
ห้องกว้างประมาณ 30 ตารางเมตร
มีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน
ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โทรทางไกลต่างประเทศ
มีมุมเล็กๆ ให้ทำงาน
TV 40″ LED flat screen
กระติกน้ำร้อน ชุดชา กาแฟ ไว้บริการในห้อง
Mini bar มีพร้อมทั้งเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว แต่ไม่ฟรีนะจ๊ะ
ในตู้ใกล้ๆกัน ยังมี ชุดคลุมอาบน้ำ รองเท้า ร่ม
และตู้เซฟ
ที่สำคัญ ห้องน้ำกว้างมากๆ วิวสวยสุดๆ ยามค่ำคืน นอนแช่น้ำในอ่าง ผ่อนคลายได้ดีมากๆ
และในห้องนอน ยามค่ำคืน สวยไม่แพ้กันเลย
และทิ้งท้ายในส่วนของห้องพักไว้ที่รูปนี้
และสำหรับใครที่ต้องว่ายน้ำ แต่ต้องมานั่งรอเพื่อน รอแฟน มีมุมเลือกนั่งเลย
M F-I-T-N-E-S-S
จะอยู่ชั้นเดียวกับสระว่ายน้ำ มีเครื่องเล่น ออกกำลังเยอะเลยคะ
The Sathorn อยู่ชั้น 10 เปิดให้บริการตั้งแต่ 6 โมงเช้า ตกแต่งด้วยโทนสีขาว ดำ มีแสงและเงา สวยมาก คะ มีหลากหลายมุม ไม่ว่าจะมาเป็นกลุ่ม มากันแค่สองคน เลือกเลย
ผลไม้ก็หลากชนิด
มาต่อกันที่ BLD Bistro
BLD Bistro อยู่ด้านหน้าสุดของโรงแรมเลยคะ จะให้บริการทั้งอาหาร แซนวิช เบเกอรี่ และเครื่องดื่ม
เปิดให้บริการ ตั้งแต่ 6.00 น. – 24.00 น.
ภายในตกแต่งด้วยไม้ และกั้นด้วยกระจกใส ทำให้รู้สึกโล่ง นั่งสบาย
เป็นห้องที่ไม่กว้างมากนัก แต่มีมุมให้เลือกนั่งถึง 2 ชั้นด้วยกัน
การตกแต่งทั้ง 2 ชั้นจะเหมือนกัน แต่ชั้น 1 มองออกไป จะวิวเห็นสวนหย่อมเล็กๆ ด้านหน้า ส่วนชั้น 2 มองออกไปจะเห็นบรรยากาศแสงไฟบนท้องถนน และสถานีรถไฟฟ้า
จานนี้คือ Shibuya Toqast ราคา 160 บาท ไม่แพงเลยคะ
จานนี้อร่อย แต่สำหรับนุ้ยน้ำผึ้งน้อยไปนิดนะ แต่ก็ไม่อย่างรวดเร็ว
ขอบอกว่าคุ้มสุดๆ
ได้เวลาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟแล้วค๊า
Strawberry Cheesecake Martini ราคา 320.-
Modern punch ราคา 320.-
เมนูอาหาร มีเยอะพอสมควรค แต่จะไม่มีอาหารหนัก เน้นเบาๆ กินเล่น
Salmon Sushi ราคา 120.-
Brazil spring rolls ราคา 230.-
และจานนี้จำชื่อไม่ได้ แต่อร่อยเพลินดีคะ
สำหรับรีวิวนี้ ขอทิ้งท้ายกันไว้ด้วยรูปนี้นะคะ หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ สำหรับทุกคน เกือบไว้เป็นทางเลือก นะคะ นุ้ยรับรองว่าจะได้รับความประทับใจกลับมาเหมือนกัน
นุ้ยขอสรุปความเห็นส่วนตัว
ข้อดี
1. เดินทางสะดวก (มาก)
2. พนักงานบริการดี ใส่ใจลูกค้ามากคะ
3. ห้องพักสวย ห้องน้ำใหญ่ และห้องใหม่มาก
4. มีทุกอย่างครบครัน ที่พัก ที่กิน ที่ดื่ม รวมที่เดียวกัน
5. ห้องพักแยก เป็น 2 แบบคือ สำหรับสูบบุหรี่ และไม่สูบบุหรี่
ข้อเสีย
1. อาจจะมีเสียงดังบ้าง เพราะอยู่ติดถนน
2. หากห้องพักแบบไม่สูบบุหรี่เต็ม เหลือแต่ห้องสูบบุหรี่คนแพ้กลิ่น อาจจะแย่ได้